สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ gotoknow ทุกท่าน
ขอนำเสนอ ธรรมะเกี่ยวกับ ทางแห่งความตาย เพื่อไม่ประมาทในชีวิต
ความประมาทปัญญา เป็นทางแห่งความตาย
ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย นี้เป็นพุทธศาสนสุภาษิต และความประมาททั้งหลายรวมลงในความประมาทปัญญา ปัญญาคือเหตุผล ผู้ไม่เห็นความสำคัญของเหตุผล ประมาทเหตุผล จึงไม่ใช้เหตุผล ความไม่ใช้เหตุผลนี้แหละ คือความประมาทปัญญา
ผู้ประมาทปัญญาหรือผู้ไม่ใช้เหตุผล คือผู้เดินอยู่บนทางแห่งความตาย
ความประมาท : ทางแห่งความตาย
ความตายนั้น มีทั้งตายด้วยสิ้นชีวิตและตายด้วยสิ้นชื่อเสียงเกียรติยศ ทั้งสองอย่างนี้ได้แก่ผู้ประมาทปัญญา
ความประมาททางกาย
ความประมาทในการกระทำ ที่เรียกว่าประมาททางกาย เช่น ความประมาทเกี่ยวกับอาวุธร้าย มีปืนและระเบิด เป็นต้น ไม่คำนึงถึงเหตุผลว่าอาวุธเช่นนั้นมีโทษร้ายแรง ความประมาทเช่นนี้ที่ทำให้เกิดความตายด้วยสิ้นชีวิตแล้วเป็นจำนวนมาก นี้คือความประมาทเป็นทางแห่งความตายประการหนึ่ง
ความประมาททางวาจา
ความประมาทในการพูด คือพูดโดยไม่ระวังถ้อยคำ เรียกว่าประมาททางวาจา ไม่คำนึงให้รอบคอบว่าจะเกิดผลอย่างไรในการพูด พูดไปตามอารมณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโกรธ ความประมาทเช่นนี้ทำให้เกิดความตายด้วยสิ้นชีวิตแล้วเป็นอันมาก ด้วยสิ้นชื่อเสียงเกียรติยศก็เป็นอันมาก นี้คือความประมาทเป็นทางแห่งความตายประการหนึ่ง
ความประมาททางใจ
ความประมาทในความคิด คือคิดฟุ้งซ่านไปโดยไม่ระมัดระวัง เรียกว่าประมาททางใจ การฆ่าตัวตายก็เกิดจากความประมาทนี้ ความเสียสติก็เกิดจากความประมาทนี้ ความทำลายผู้อื่นก็เกิดจากความประมาทนี้ นี้คือความประมาทเป็นทางแห่งความตายประการหนึ่ง
ความตายด้วยสิ้นชีวิต
ความตายด้วยสิ้นชีวิต แม้จะเกิดจากความประมาทก็ยังดีกว่าความตายด้วยสิ้นชื่อเสียงเกียรติยศ ที่เรียกว่าตายทั้งเป็น
ความตายทั้งเป็น
ความตายด้วยสิ้นชื่อเสียงเกียรติยศ เกิดจากความประมาทปัญญาในเรื่องต่างๆ เป็นความประมาททางกาย ทางวาจา ทางใจ ไม่อบรมปัญญาในเรื่อง ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ผลที่เกิดจากความประมาทปัญญา
ผลที่เกิดจากความประมาทปัญญา คือความตายไม่ว่าจะตายด้วยสิ้นชีวิตหรือตายด้วยสิ้นช่อเสียงเกียรติยศ เป็นความไม่ดีทั้งสิ้น ความประมาทปัญญาหรือความประมาทจะให้ผลดีไม่มีเลย จึงไม่ความประมาทปัญญา
ความไม่ประมาทปัญญา คือความเห็นความสำคัญของปัญญา ทั้งปัญญาตนและปัญญาผู้อื่น จะเห็นความสำคัญแต่ปัญญาตน ไม่เห็นความสำคัญปัญญาผู้อื่นด้วยก็ไม่ได้
ต่อตอนหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
เมื่อรู้เท่าทันความตาย รู้ว่าความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน ที่จะต้องเกิดกับทุกคน ทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องตายแน่ๆ เราคงใช้ชีวิตอย่างมีสติพิจารณาความดีงามที่เราได้ทำแล้วในปัจจุบันนี้ และในโอกาสข้างหน้าเราน่าจะตายได้อย่างมีความสุข
สาธุ ขอยกพระพุทธพจน์เอาไว้ ณ ที่นี้
" อถ โข ภควา ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาค ตรัสเรียก
ภิกษุทั้งหลายประทานปัจฉิมโอวาทว่า หนฺททานิ ภิกฺขเว อาเมนฺยามิ
โว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตามเถิด บัดนี้ เราผู้พระตถาคตเรียกท่าน
ทั้งหลายให้รู้ วยธมฺมา สงฺขารา สังขารธรรมที่ปัจจัย ประชุมแต่ง
ทั้งหลาย มีความเสื่อมความฉิบหายไปเป็นธรรมดา อปฺปมาเทน
สมฺปาเทถ ท่านทั้งหลายจงให้กิจทั้งปวง คือประโยชน์ตนและประโยชน์
ผู้อื่น และไตรสิกขา ถึงพร้อมบริบูรณ์ในสันดานด้วยไม่ประมาทเถิด
อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจา อันนี้เป็นวาจามี ณ ภายหลังวาจาที่
สุดแห่งพระตถาคตเจ้าเพียงเท่านี้"