“ไปไหนไปด้วย ขอช่วยสองบาท...” เป็นเสียงฮัมเพลงของ “ช่างเนา” ในวันนี้ที่ข้าพเจ้าได้ยินเป็นระยะ ๆ...
สำหรับช่างเนา “ขี้เหล้า” ในสายตาทุก ๆ คน นั้น แต่สำหรับสายตาของข้าพเจ้าแล้วเป็นช่างที่มีบุคลิกภาพทางการบริหารที่ดีที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
ในวันนี้หลังจากที่ช่างเนาได้ยกเครื่องอ๊อกเหล็กมาอ๊อกโดยไม่ใส่แว่นตากันแสง แม่ออกแววก็พูดเลยระวัง ระวังเจ็บตาจะมาทำงานไม่ได้ “งานนี้ขาดช่างเนาไม่ได้นะ...”
คำพูดของแม่ออกแวว ซึ่งถือเป็นหัวหน้างานของฝ่ายหญิงที่ให้ความสำคัญกับช่างเนาว่า งานนี้ขาดช่างเนาไม่ได้ แสดงให้ถึงคุณค่าของคนหน้างาน ซึ่งใคร ๆ ก็ “ต้องการ”
นอกจากงานที่หนักเอา เบาสู้ แดดจะร้อน ปูนจะหนัก
ช่างเนาไม่เคยถอยแล้ว
เสียงหัวเราะที่มีออกมาเป็นระยะ ๆ
ถึงแม้นว่าจะมีต้นเหตุมาจากคำพูดที่ดูถูกของบุคคลอื่นในทำนองว่าเป็น
“ขี้เหล้า” แต่เมื่อช่างเนาได้ยินก็ “หัวเราะ”
และปล่อยมุขให้คนอื่นหัวเราะตามอีกด้วย
“ทำงานแล้วม่วน”
ก็เป็นคำพูดหนึ่งหลังจากที่ข้าพเจ้าได้ยินช่างเนาร้องเพลง
แล้วถามช่างเนาว่า “ร้องเพลงหมอลำเป็นด้วยเหรอ...?”
“ทำงานแล้วม่วน” ช่างเนาตอบว่าอย่างนั้น...
ในวันนี้นอกจากที่ข้าพเจ้าแต่งตั้งให้ช่างเนาเป็นหัวหน้างานเหล็ก รับผิดชอบดูแลงานสอดเหล็ก ผูกเหล็ก ดัดเหล็กคานพื้นทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้ายังเพิ่มตำแหน่งหัวหน้างานฝ่ายบันเทิงให้กับช่างเนาอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
บรรยากาศการทำงานที่นี่ไม่ซีเรียส...
ถึงแม้นว่าจะเป็นงานกลางแจ้งที่ต้องเจอกับแดดร้อนตลอดทั้งวัน
ความเหนื่อยล้าจากแสงแดดที่ร้อน หายไปได้ด้วย “มุข” ขำ ๆ
ของช่างเนา
“อย่างนี้ต้องถอน...”
ก่อนเลิกงาน
อยู่ดี ๆ ก็ร้องเพลงขึ้นมาอีกแล้ว
ถึงแม้นว่าจะบ่งบอกถึงการเป็นคนขี้เหล้า แต่คนอื่นได้ยินก็ "เฮ"
งานที่เร่ง ๆ ก็ดูผ่อนคลายไปได้โดยฉับพลัน
ย้อนกลับไปในตอนเช้า ช่างเนา “หายตัว” ไปอีกแล้ว
หลังจากที่เริ่มงานได้ไปสักพัก อยู่ดี ๆ ช่างเนาก็หายตัวไป
งานที่ข้าพเจ้ามอบหมายให้สอดเหล็กเสริมเพิ่มลงไปในคาน 4 เส้น
ก็ทำไปได้แค่ 2 เส้น “ช่างเนาหายไปไหน...?”
พูดถึงเรื่องเมื่อวาน ครั้นช่างเนาหายไป
ทุกคนต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หายไปกินเหล้า”
ในวันนี้ก็มีคนพูดอย่างนั้นบ้าง แรก ๆ ข้าพเจ้าก็คิดอย่างนั้น
เพราะวันนี้ทางฝ่ายศาลาไม่มีงานอะไรให้ช่างเนาทำ
แต่ข้าพเจ้าก็หวังลึก ๆ ว่า คงไม่เป็นอย่างนั้นมั๊ง
อย่างน้อยก็ยังเช้าอยู่...
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
ก็เห็นช่างเนาปั่นจักรยานคันเก่งกลับเข้ามา
พร้อมกับที่บ่าข้างซ้ายพาดอะไรยาว ๆ มาสักอย่าง...?
ข้าพเจ้าเห็นตอนแรกก็เดาไม่ถูกว่าคืออะไร
เป็นเหล็กแท่งยาวสักเมตรครึ่ง สีแดง ๆ ตอนนั้นก็เลยถามช่างเนาว่า
“ไปเอาอะไรมา...?”
“แม่แรงครับ
เอามาเข้าแบบ...”
ตอนนั้นข้าพเจ้าก็งง ๆ
ว่าจะเอาแม่แรงมาเข้าแบบอย่างไง...?
แต่ไม่รอช้า ช่างเนารีบเอาเครื่องมือคู่ใจ ออกมาหนีบไม้แบบขนาดยาว 20 เซนติเมตร 2 แผ่น ที่จะต้องเอามาวางต่อกันให้เป็นไม้แบบสำหรับคานพื้นขนาด 40 เซนติเมตร
“ไม่หนีบมันจะโก่ง”
ช่างเนาให้เหตุผลอย่างนั้น...
ข้าพเจ้าถึงบางอ้อแล้วว่า
ทำไมช่างเนาถึงทิ้งงานที่ข้าพเจ้าสั่งให้ทำไปเฉย ๆ
เพราะช่างเนาคงเห็นว่า เด็กหนุ่ม ๆ สองคนที่ชื่อตุ้ยกับชื่อแซม
กำลังเอาไม้มาต่อกันเพื่อทำแบบคานอย่างรีบเร่งตามคำสั่งของช่างสุภา
ช่างเนาเป็นคนละเอียด...
หลังจากช่างเนาเห็น
คงจะเกิดความรู้สึกว่า “ไม่ดีพอ” ถ้าให้ดีจะต้องเอาแม่แรงหนีบ
แบบถึงแนบสนิท ชิดแน่น ไม่โก่ง
ดังนั้น จึงปั่นจักรยานคู่ใจกลับไปบ้านแล้วแบกแม่แรงมาโดยทันที
หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ทิ้งคำถามสุดท้ายถามช่างเนาว่า “ที่บ้านยังมีเครื่องมืออะไรอีกบ้างเนี่ย จะเอารถหกล้อไปขน...?”
ช่างเนาตอบว่า “มี” แล้วก็ “หัวเราะ...”
ช่างอีกคนหนึ่ง ถึงแม้นว่าจะดูหน้าตาดี ไม่ขี้เหล้า แต่ขี้บ่น ไม่มีใครอยากคุยด้วย หรือช่วยงาน
แต่คนขี้เหล้าอย่างช่างเนา ทำงานด้วยแล้ว "มีความสุข...?"
26 มกราคม 2554
วันที่อุดมไปด้วย "เสียงหัวเราะ..."
รู้สึกดีมากที่เข้ามาเยี่ยมชมบันทึกนี้...
ลาว กับ ไทย เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันดีนะครับ
ไม่เหมือนเขมร...
ขอบคุณครับ