หน้าแรก
สมาชิก
ผึ้งงาน_SDU
สมุด
เก็บเรื่องมาเล่า
มือถือ…ปัจจัยที่5...
ผึ้งงาน_SDU
phongphan romhirun
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
มือถือ…ปัจจัยที่5 ของคนกรุง...จริงหรือ?...
ความจำเป็นหรือเบี่ยงเบนความเหงา...ความหว้าเหว่ของตนเอง...
สิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตมนุษย์คือปัจจัย4 ใครๆก็ทราบแต่...ตอนนี้มีปัจจัยที่5 มาร่วมด้วย...ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน ขับรถ(ถึงแม้จะห้าม) เข้าห้องน้ำ หรือไม่มีอะไรจะทำ ก็จะ
หันมาพึ่งปัจจัยที่5 คือมือถือ
จับๆ กดๆ ลูบๆ คลำๆ...ถึงไม่มีใครโทรเข้ามาก็ยกขึ้นมาดู กดดูรูป ดูหนัง ฟังเพลง facebook bb เล่นเกม ฟังวิทยุ มีอะไรให้มากมายให้เปิดดู
มือถือเลยกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ที่งอกเพิ่มขึ้นมาในมนุษย์กทม.
เสียแล้ว
สงครามการสื่อสาร...เป็นม่านบัง...คนใกล้ตัว..
ยุคนี้เป็นยุคแห่งสงครามการสื่อสาร...ที่สาดกลยุทธ์ทางการขาย ซึ่งแข่งขันอย่างดุเดื่อดและก็ได้ผลดีซะด้วย ผู้คนจำนวนมากที่ติดกับดักของโฆษณาในยุคนี้ ใครๆก็อยากได้อยากมี iPod iphone Blackberry ฯลฯ มาครอบครอง
ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเล็กระดับอนุบาลก็อยากได้bb
ยุค
นี้ไม่มีใครไม่รู้จักfacebook hi5 twitter การติดต่อกันช่างง่ายดาย แต่หาสาระที่พูดคุยกันไม่มีเลย แต่ก็คุยกันได้ทั้งโลกราวกับว่ากลัวไม่มีเพื่อนหรือตกเทรนไม่มีใครรู้จัก กลัวล้าสมัย
เมื่อมีใครถามว่า.
..มีไหม?...fb น่ะ..
กลายเป็นค่านิยมของวัยรุ่น คนทำงานไปซะแล้ว...
ชอบโฆษณาของโทรศัพท์ที่บอกว่า...
ควรใช้โทรศัพท์แต่พอดี ไม่อย่างงั้นจะทำให้คุณมองไม่เห็นใครเลยที่อยู่ข้างๆ
ซึ่งพวกเขาก็อยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกของเขา ไม่ถูกโทรศัพท์แย่งเวลาไปจากกันโดยทำให้คนใกล้ๆหมดความหมาย
มือถือมีฟังส์ชั่นมากมาย...แต่ไช้ไม่คุ้มค่า...ราคา...
มือถือมีฟังส์ชั่นมากมาย...แต่...บางคนใช้งานแค่โทรออกและรับสาย...
อย่างอื่นก็ไม่ค่อยได้ใช้เลย คุณสมบัติต่างๆเช่น วิทยุ โทรทัศน์ ฟังเพลง MP3 ถ่ายรูป เล่นเกม นาฬิกาปลุก บันทึกความจำ บันทึกเสียง VDO, MP4, internet, Face book, Twitter เช็คเมล ,SMS, MMS เป็นต้น เมื่อนำมาบวกแล้วราคาก็แพงอยู่ แต่คนใช้หลงกลโฆษณาว่าทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง
แต่ใช้จริงๆไม่กี่รายการไม่คุ้มกับสิ่งที่มีอยู่
เอาไว้อวดคนอื่นว่าโทรศัพท์ของตัวเองก็มีฟังส์ชั่นมากมาย(แต่เล่นเป็นหรือไม่?...อีกเรื่องหนึ่ง) ซื้อราคาสูงเป็นหมื่น...แต่ใช้แค่หลักร้อย...ค้มค่าไหม?หนอ...
มือถือเปรียบเหมือนเครื่องประดับ...ที่บ่งบอกผู้ใช้..
บางคนเมื่อซื้อมือถือยี่ห้อดัง ที่ทุ่มทุนโฆษณาทุกรูปแบบ จนทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าตัวเองนั้นดูดี..มีระดับ เมื่อมีมือถือยี่ห้อนี้รุ่นนี้อยู่ในมือ
เมื่อมีแล้ว...ก็อยากจะอวดให้คนอื่นรู้ จะถือเป็นเครื่องประดับติดอยู่ในมือตลอดเวลา
(ใส่กระเป๋าไม่ได้...ไม่มีคนเห็น) ไม่มีใครโทร.เข้ามา ก็กดดูนั่นดูนี่ เข้าinternetบ้าง fbบ้าง bb บ้างซึ่งตอนนี้วัยรุ่นบ้าbbมาก มีโลกส่วนตัว พิมพ์ข้อความตอบโต้กับเพื่อนๆบ้าง ส่วนมากจะไร้สาระ ภาษาก็ไม่ค่อยสุภาพเป็นภาษาที่ใช้กันเองในวัยรุ่นก็มาก
ทุกที่...ทุกเวลา...ความจำเป็นหรือความเคยชิน...(ชิมิ...ชิมิ...)
ชีวิตในเมืองกรุง...
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน? ก็พบเห็นแต่คนเล่น bb หรือ fb จากมือถือทุกที่...ทุกเวลาจริงๆ
จนคิดว่ามันเป็นความจำเป็นหรือความเคยชิน
เช่น บนรถโดยสาร ถ้าลองหันไปมองรอบๆตัว จะเห็นว่าแต่ละคนไม่มีใครสนใจใคร พอได้นั่ง ...ก็ควักโทรศัพท์มาเล่น มาดู เลิกสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว บางทีก็ร้องเพลงไป...กระทืบเท้าไป เสียบหูฟัง ไม่สนใจใครจะมองก็ช่าง บางที...พอรถเบรกก็ถลาวิ่งตามรถไปมา ไม่ยอมจับราวรถเมล์เพราะว่าสองมือไม่ว่างเล่นมือถือยู่ ดูแล้วน่าหวาดเสียวจะหกล้มและรำคาญพอๆกัน ตอนขึ้นรถ...ลงรถก็ไม่สนใจเล่นมือถือติดพันไม่ค่อยระวังทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ หกล้มแขนขาถลอกเขียวเป็นรอย อย่างนี้ไม่รู้ว่าจะน่าเห็นใจหรือสงสารดีหรือเปล่า?
มือถือ...คู่ชีวิตข้างกาย...ของใครหลายคน
ถ้าจะพูดว่า
...มือถือ...เป็นคู่ชีวิตข้างกาย...ของใครหลายคน
คงไม่ผิดนัก...เนื่องจากไม่ว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง แม้แต่เพื่อนรัก แฟน คู่รัก ภรรยา ยังไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเท่ามือถือเลย พอมือถือพลัดตาไปสัก 2-3 นาทีจะต้องพยายามมองหาว่าอยู่ไหน? ถ้าหาไม่พบหรือลืมไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง...เจ้าของก็จะกระสับกระส่าย กระวนกระวาย ไม่เป็นสุขคิดถึงแต่มือถือคู่ชีวิตนั่นแหละ คนใกล้ชิดคนในครอบครัวหายไปหลายวันยังไม่กระวนกระวายเท่านี้เลย
เพื่อนรัก(มือถือ)...VS….หักเหลี่ยมโหด...
สะดุด...หกล้ม...
เนื่องจากเดินไปคุยโทรศัพท์ไปหรือกดbbไป ใจก็ลอยไปอยู่ปลายสาย
ไม่ทันได้ระวังพื้นที่ไม่เรียบ
ซึ่งทางเท้าในกทม.นั้นคนตาดีก็ต้องเดินอย่างระมัดระวัง )ยิ่งคนตาบอดด้วยแล้ว...ยิ่งต้องระวังมากขึ้น(ถึงแม้จะมีปุ่มบนทางเท้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก ) ส่วน
คนคุยโทรศัพท์ก็ไม่ต่างจากคนตาบอด ขาดการระมัดระวัง
จึงเห็นอยู่บ่อยๆที่หกล้ม...แล้ว..วัดพื้น...ซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว
ถูกฉกชิงวิ่งราว
เป็นการบริจาคทรัพย์โดยไม่ยินยอม
คนที่เดินคุยโทรศัพท์นั้นจะไม่มีสติในการระมัดระวังตัวและทรัพท์สิ
น เนื่องจากสมาธิอยู่ที่การพูดโทรศัพท์ ดังนั้นจึงเป็นเป้าสายตาให้คนร้ายฉกชิงวิ่งราวได้ง่ายมาก เช่นกรณีเวลาเดินริมถนนแล้วถูกคนร้ายที่นั่งมอเตอร์ไซด์มากระชากกระเป๋าถือหรือไม่ก็มือถือที่กำลังคุยอยู่นั่นแหละไปต่อหน้าต่อตา
ถูกจี้(มือถือ)...
นับว่าเป็นสายล่อโจร
มือถือมีราคาก็เป็นที่ล่อตา...ล่อใจให้โจรอยากได้ (ไปขาย)
บางทีเดินมาประชิดตัวแล้วเอามีดจี้ขอมือถือไปดื้อๆ คนโดนจี้ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกทั้งๆที่ผู้คนก็เดินผ่านไปมามากมายแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะคนร้ายแค่ยกหนังสือบังมีดไว้แล้วให้เดินไปคุยไปเรื่อยๆเหมือนเป็นเพื่อนกัน ส่วนมากผู้เสียหายมักเป็นเด็กนักเรียนที่มาเดินห้างและตรงป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัยฯ
ตกรถหรือหกล้มบนรถเมล์
อย่าพึ่งขำ...มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ คุยโทรศัพท์ติดพัน รถเมล์มาพอดีก็ยังคุยต่ออยู่ ตอนรถออกตัวรถเมล์กระตุกๆบางทีก็กระชากแรงๆการที่มัวแต่คุยโทรศัพท์หรือกดbbอยู่ ไม่จับราวรถเมล์มือข้างหนึ่งถือของอีกมือจับมือถือหรือกดbb
พอรถเบรกที...ก็เด้งหน้าเด้งหลังพยุงตัว บางทีก็หกล้มไปชนกับขอบพนักเก้าอี้หรือหกล้มกับพื้น
ก็มีแขนขาเขียวทันตาเห็น
ได้ยินพูดกับเพื่อนว่า
.
..หกล้มว่ะ...แค่นี้ก่อนนะ คนมองเต็มเลย...อายว่ะ...รักนะ..จุ๊บๆ..
คนขับหรือกระเป๋าก็คอยเตือนตลอดว่าคุณโทรศัพท์อย่าพึ่งใช้ครับ ขึ้น-ลงรถให้เรียบร้อยเสียก่อน...แต่วัยรุ่นไม่ฟัง
...แบบนี้คนขับก็ไม่ปลื้ม...!!!
เช่นกัน
อุบัติเหตุรถชนกัน
สาเหตุของอุบัติเหตุ
จำนวนไม่น้อยที่คนขับใช้โทรศัพท์อยู่หรือกดbbไปด้วย ทำให้ไม่มีสมาธิในการขับขี่
ไม่เห็นทัศนวิสัยในการเดินทาง การตัดสินใจก็ล่าช้าขับรถไปตามสัญชาตญาณ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันคนวิ่งตัดหน้าหรือรถคนหน้าเปลี่ยนเลนเบรกกะทันหันก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ทัน ก็ทำให้รถเฉี่ยวชนกัน ดังที่เป็นข่าวให้เห็นบ่อยๆ
บกพร่องทางสายตาชั่วคราว
ฟังส์ชันที่มีมากมายบนมือถือทำให้เกิดการบกพร่องทางสายตาชั่วคราว มองไม่เห็นคนรอบข้างสนใจและจดจ่อกับมือถือ
อย่างเดียว
ไม่สนใจผู้คนมีโลกอีกใบไว้ใช้ส่วนตัว
ไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆเช่นอ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา ทำอาหาร งานฝีมือหรือเล่นกับน้องหมาเหมือนเคย ทำความสะอาดบ้าน ไม่มีในโลกส่วนตัวใบที่กำลังใช้อยู่...เสียงแม่เรียก...กินข้าวหรือยังลูก...(เดี๋ยว..ค่ะ) ไม่มีการบ้านหรือลูก...(เดี๋ยว..ค่ะ) ดึกแล้วยังไม่หลับหรือลูก...(เดี๋ยว..ยังไม่ง่วงค่ะ)
...ความบกพร่องทางสายตาชั่วคราว ทำให้ลืมแม่ มองไม่เห็นแม่..ที่คอยเป็นห่วงอยู่ข้างๆ...
เกิดโรคทรัพย์จาง
...เพื่อนรัก...มักทำให้เกิดโรคทรัพย์จางเสมอ วันไหนรักมาก...ก็หมดเงินมาก วันไหนรักน้อยก็เสียเงินน้อย ...แต่เต็มใจเสียทุกวัน ...ซึ่ง
ทรัพย์ของแม่คือยารักษาโรคที่ดีที่สุด...
ดังนั้นการรู้จักใช้โทรศัพท์แต่พอดีย่อมทำให้ชีวิตและคนรอบข้างเป็นสุขและที่สำคัญทรัพย์ก็จะไม่จางบ่อยๆ...
เห็นถึงอิทธิพลการติดมือถือ...ปัจจัยที่5 แล้วหรือยัง?...
ซึ่งทำให้ใครๆใน
ชีวิตคนรอบข้างถูกลบไปจากความทรงจำได้เสมอ
เมื่ออยู่ใกล้มัน...ผึ้งงานไม่เถียงว่ามือถือมีความสะดวกและมีความจำเป็น แต่ถ้า
รู้จักใช้แต่พอดี...ชีวีก็จะไม่เป็นทาสของมัน...เพราะรัชกาลที่ 5 ท่านได้ประกาศเลิกทาสตั้งนานแล้ว
...แล้วยังจะมีใครยอมเป็นทาส(มือถือ)อยู่อีกหรือ?....
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ผึ้งงาน_SDU
ใน
เก็บเรื่องมาเล่า
คำสำคัญ (Tags):
#facebook
#ปัจจัยที่ 5
#มือถือ การสื่อสาร
#เพื่อนรัก(มือถือ)...หักเหลี่ยมโหด
#สงคราการสื่อสาร...เป็นม่านบังตาคนใกล้ตัว
#backberry
#มือถือมีฟังส์ชันมากมาย แต่ใช้ไม่คุ้มค่า
#มือถือเปรียบเหมือนเครื่องประดับ ที่บ่งบอกผู้ใช้
#ความจำเป็นหรือความเคยชิน
#มือถือ...คู่ชีวิตข้างกาย..ของใครหลายคน
หมายเลขบันทึก: 421844
เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2011 22:51 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 00:39 น. (
)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ผึ้งงาน_SDU
สมุด
เก็บเรื่องมาเล่า
มือถือ…ปัจจัยที่5...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท