ที่จริงวันพิเศษของผมคือวันที่ได้มีโอกาสอยู่กับตัวเอง ไม่ต้องออกจากบ้านไปประชุม โดยที่วันนั้นไม่เป็นวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์
เมื่อออกจากหน้าที่ ผอ. สกว. ในปี ๒๕๔๔ ผมคิดว่าจะได้มีเวลาว่างสำหรับอ่านหนังสือที่สะสมไว้มากมาย ที่ผมบอกตัวเองว่า ขออาฆาตไว้ก่อน จะหาเวลามาอ่านให้หนำใจ แล้วก็ล้มเหลว ยังมีงานเข้า หรือจริงๆ แล้ว ผมไปหางานมาใส่ตัวมากกว่า คือได้งาน สคส. มาทำอีก ๕ ปี สนุกสนานเร้าใจไปอีกแบบ
สคส. เป็นงานต่อเนื่อง แต่ผมตัดใจเด็ดขาด เลิกทำงานบริหาร ผันตัวเองมาทำหน้าที่ “กองเชียร์” (governance) เตรียมซื้อรถใหม่ เพราะอยากขับรถพาสาวน้อยไปท่องเที่ยวทั่วไทย นั่นคือต้นปี ๒๕๕๑ แล้วผมก็ล้มเหลวอีก เพราะกลายเป็นว่า งาน “กองเชียร์” นี้ “ตลาด” ใหญ่มาก และกลายเป็นว่า ทักษะและวิธีคิดของผมถูกโฉลกกับหลายวงการ ทำให้ชีวิตยามแก่ของผมอยู่ในสภาพ “งานเข้า” โดยที่ในขณะนี้ใครมาติดต่อ ผมบอกได้อย่างเดียวว่า “ล้นคอหอย” แล้ว
นานๆ จะมีวันที่ผมไม่โดนนัด หรือโดนนัดแล้วเขาเลื่อนหรืองด จะเป็นวันที่ผมดีใจเป็นพิเศษ และวันที่ ๒๓ ธ.ค. ๕๓ เป็นวันหนึ่งที่เขานัดแล้วงด ผมดีใจเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้อากาศเย็นสบาย ออกไปนั่งอ่านหนังสือในสนามหญ้าเล็กๆ หน้าบ้าน แล้วมีความสุขมาก ยิ่งเวลานี้การอ่านหนังสือ อี-บุ๊ก สะดวกมาก ผมมีหนังสือที่กำลังอ่านติดพันหลายเล่ม
ผมเป็นคนที่ “ไม่คงเส้นคงวา” คือเปลี่ยนแปลงเสมอ เป็นนิสัย ที่เคยยุ่งยากคือลายเซ็น หลายปีผ่านไปหลังจากมอบตัวอย่างลายเซ็นไว้กับธนาคาร เช็คของผมมีปัญหา ธนาคารไม่จ่ายเงิน เพราะลายเซ็นไม่ตรงกับตัวอย่าง ปัญหานี้เกิดหลายช่วง ตั้งแต่ยังหนุ่มๆ มาจนเมื่อเร็วๆ นี้
การอ่านหนังสือของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน สภาพตอนนี้คือ อ่าน อี-บุ๊ก กับอ่านเพื่อ แชร์ ซึ่งน่าจะกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยที่การอ่านเพื่อแชร์นี้ ผมทำเพื่อให้ความเข้าใจของตนเองลึกและเชื่อมโยงยิ่งขึ้น คือเพื่อฝึกฝนตนเองนั่นเอง ผมเป็น “นักเรียนที่ไม่รู้จักโต” คือเสพติดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
วันพิเศษของผมจึงเป็นวันที่ได้อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ได้นั่งชื่นชมธรรมชาติ จะเป็นสถานที่ที่ไหนก็ได้ และหนึ่งในนั้นคือที่บ้านปากเกร็ด เพราะมีต้นไม้ มีนก มีกะรอก และเงียบสงบ ผมชอบธรรมชาติกับความสงบ ที่แปลกคือ โลกสมัยนี้เปิดโอกาสให้เราอยู่กับความสงบที่บ้าน และออกไปท่องโลกได้โดยที่ตัวเองยังอยู่ที่บ้าน นั่นคือพลังของ อินเทอร์เน็ต
ในวันพิเศษนี้ ผมกำลังอ่านหนังสือ DIFFERENT : Escaping the Competitive Herd เขียนโดย Youngme Moon ศาสตราจารย์แห่ง Harvard Business School ซึ่งลูกสาวของผมเป็นศิษย์ และบอกว่าอาจารย์คนนี้เก่งมาก ลูกสาวไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเก่ง โดยวินิจฉัยจากการอ่านตัวอย่างของหนังสือเล่มนี้ไปเพียง ๑๐% ของเล่ม ผมก็ตองควักเงินซื้อ
การอ่านหนังสือในเวลานี้ของผม มี ๒ แบบ คือแบบหาความจริง กับแบบหาความคิด หนังสือเล่มนี้ให้อย่างหลัง ผมชอบที่อ่านแล้วได้วิธีมองโลก มองสังคม มองพฤติกรรมของมนุษย์ ผ่านกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งพื้นฐานคือวิชาจิตวิทยา หรือธรรมชาติด้านสัญชาตญาณของมนุษย์
ที่ผมชอบเพราะได้เข้าใจมายา (ความจริงลวง) ที่นักการตลาดเองเผชิญ ผมมีความคิดว่า นักการตลาดเป็นนักสร้างมายาชักจูงให้เราบริโภคสินค้านั้นๆ มาอ่านหนังสือเล่มนี้จึงรู้ว่า นักการตลาด ก็ตกหลุมที่ตัวเองขุดด้วย คือลงท้ายมายาที่ตนสร้างก็รวมตัวกันหลอกคนสร้างเอง จากการสร้างจุดเด่นของสินค้า ในที่สุดก็กลายเป็นการรวมฝูงสินค้า ผู้บริโภคไม่สนใจจุดเด่นเหล่านั้นอีกต่อไป เพราะนวัตกรรมชิ้นหลังๆ ตกอยู่ในจำพวก “นวัตกรรมเอาอย่าง” ไม่ใช่นวัตกรรมแท้
ผมยังอ่านหนังสือเล่มนี้ได้เพียงครึ่งเล่ม ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ เพราะมันให้แง่มุมที่คนเราคิดไม่ถึง ผมชอบวิธีมองโลกมองเทคนิคการตลาด ที่ศาสตราจารย์ท่านนี้วิเคราะห์
วิจารณ์ พานิช
๒๖ ธ.ค. ๕๓
หลายคนทำงานเพื่อช่วยกันสร้างสังคมที่ดี แต่บางคนอยู่เฉยๆบ้างสังคมจะได้ดีและพัฒนาขึ้น
การจะหยุด หรืออยากจะหยุด หากรู้พอ อย่างแท้จริง เมื่อนั้นก็หยุดได้ทุกเมื่อ
สวัสดีครับ...
สุขสันต์กับ...วันพิเศษ 1 วัน กับชีวิตที่ล้มเหลว
และสุขสันต์กับ....วันพิเศษ 365 วัน กับการได้อ่านหนังสือกับมุมที่อาจารย์ชอบนะครับ
กราบเรียนท่านอาจารย์หมอค่ะ
... We use tools to change our world.
We now come to realise that the tools are changing us! ...
[free e-textbook for our kids]: Going to School Tomorrow