สอนลูกให้รวยกว่าพ่อแม่
ปรารถนาสูงสุดของความเป็น ?พ่อ? ก็คือ?อยากเห็นลูกเป็นคนดี มีคุณธรรม มีการศึกษาที่ดี มีชีวิตครอบครัวที่ดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต!
แต่?จะมีพ่อสักกี่คนที่บรรลุความหวังเหล่านี้ได้ครบถ้วนกระบวนความ!
ทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด??จึงเป็นคาถาของคุณพ่อทั้งหลาย!
พูดถึงปรัชญาและวิถีการสั่งสอนอบรมลูกจะแตกต่างกันไประหว่างเชื้อชาติต่างๆ
(1) ชาวจีน มักเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง?วิถีการดำรงชีวิตจะเป็นไปในลักษณะ พ่อบ้านเป็นผู้นำ + ทำมาหากิน เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว ส่วนแม่บ้าน (ภรรยา) ก็จะเป็นกองหลังคอยหุงหาอาหาร + ดูแลความเรียบร้อยในครอบครัว + มักเป็นผู้อบรมดูแลลูกๆ
ลูกๆ ของชาวจีน ส่วนใหญ่จึงรักดี ใฝ่ดี และมักจะขยันอดทนตามแบบอย่างที่พบเห็นความลำบากของรุ่นพ่อ (จึงไม่ต้องการลำบากเช่นนั้นอีก)?เส้นทางเดินจึงแตกเป็น 2 แนว?แนวแรกคือไม่ได้เล่าเรียน (เพราะจน) จึงมุ่งทำการค้าอย่างลำบาก ทุ่มเท จนกลายเป็นเศรษฐี + อภิมหาเศรษฐี ชั้นแนวหน้า?แนวที่สองคือลูกคน (จีนที่) รวย ก็มักส่งเสียลูกหลานให้ได้เล่าเรียนสูงๆ จนจบปริญญาโท ปริญญาเอกจากต่างประเทศ เพื่อกลับมาช่วยธุรกิจบ้าง + เข้ารับราชการบ้าง (เพื่อชดเชยเกียรติยศที่ขาดหายในรุ่นพ่อ)
(2) ชาวไทย ธรรมเนียมและแนวคิดของคนไทย (แท้ๆ)?จะมุ่งปลูกฝังให้ลูกหลานเข้ารับราชการ ให้มียศถาบรรดาศักดิ์สูงๆ เพื่อเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูล?ด้วยคำสอน ?ให้ขยันศึกษาเล่าเรียนสูงๆ เพื่อเป็นเจ้าคนนายคน?
(3) ชาวตะวันตก ฝรั่งมังค่าที่ผู้เขียนพบเห็นในสมัยที่ไปเล่าเรียนที่อเมริกา?จะแตกต่างจากทั้ง 2 วิถีข้างต้น?เนื่องจากสังคมอเมริกันจะมีช่องว่างระหว่างชนชั้นน้อยกว่าชาวตะวันออก ประชากรส่วนใหญ่จะมีการศึกษาภาคบังคับสูงกว่าเรา เมื่อจบการศึกษาแล้วคนส่วนใหญ่มักเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นลูกจ้างขององค์กรต่างๆ (ทั้งรัฐและบริษัทเอกชน) ซึ่งมีค่าตอบแทนสูงและโดยเฉลี่ยเกือบเท่าเทียมกันในทุกอาชีพงาน (เพราะคำนวณจ่ายตามชั่วโมงทำงาน (hourly rate) เป็นเกณฑ์) + ทุกคนที่เริ่มทำงานจะมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างสุขสบาย (พอควร) และสามารถซื้อหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (เครื่องใช้ไฟฟ้า + รถยนต์) ได้ด้วยระบบเงินผ่อน?ดังนั้น พ่อแม่ชาวตะวันตก จึงมิได้มุ่งสร้างลูกหลานให้เป็นพ่อค้าวาณิช (Enterpreneur)
บทความมินิซีรีส์ชุดนี้ จะนำเสนอตัวอย่างของยอดคุณพ่อๆๆ ที่สอนลูกจนรวย มาเป็นกรณีศึกษา + พร้อมวางแผนภาษีแก่ธุรกรรมของลูกๆ แถมเป็นอภินันทนาการฟรี (โดยไม่คิด consulting fee แฮ่ม!) ?เพื่อเป็นแนวทางและกำลังใจแก่คุณพ่อ + คุณลูกทั้งหลายที่กำลังอยู่ระหว่างไต่บันไดชีวิต!
1. เจ้าตำรับ ?พ่อสอนลูกให้รวย?
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ได้มอบพอคเก็ตบุ๊ค ?พ่อสอนลูกให้รวย? (พิมพ์ครั้งที่ 3) ให้แก่ผู้เขียน เมื่อสัปดาห์ก่อนในการมาบรรยายวิชาการวางแผนภาษี ของโรงเรียนภาษี
ท่านอาจารย์ ดร.สุวรรณ ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังถึงแนวทางในการอบรมลูกของท่าน ซึ่งสามารถสรุปได้จากคำนำในหนังสือของท่าน ดังนี้
คุณแม่ของข้าพเจ้าบอกว่า การอบรมลูกให้ดีต้องสอนมาตั้งแต่พ่อแม่ของเด็ก ถ้าพ่อแม่ไม่ดีก็จะสอนลูกให้ดีไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องสอนตั้งแต่เด็กอายุ 4 - 5 ขวบ โดยทำอย่างสม่ำเสมอ ผมจึงจำคำที่คุณแม่ได้อบรมบ่มนิสัยไว้แล้วนำมาใช้กับลูกของผมซึ่งก็ได้ผลดี คือ ลูกทั้งสองโตขึ้นเป็นคนขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต มัธยัสถ์และเปี่ยมด้วยจริยธรรม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อมนุษย์
1.1 วิธีสอนลูกของ?ดอกเตอร์ทางกฎหมาย
ดร.สุวรรณ พร้อมลูกชายของท่าน ออกรายการจับเข่าคุย กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ในช่วงปีใหม่ 2547?เล่าเรียงถึงความเป็นมาของลูกชายก่อนที่จะเป็นเจ้าของกิจการเลี้ยงปลาสวยงามในปัจจุบัน ด้วยวัยเพียง 24 ปี เท่านั้น
(1) ในช่วงวัยเรียน (วัยรุ่น)?ขณะปิดภาคการศึกษา ได้ส่งลูกชายไปฝึกงานเป็นพนักงานรับจองตั๋วที่โรงหนัง EGV?เป็นการฝึกให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ตัดโอกาสเที่ยวเตร่ (ซึ่งบังคับยากถ้าว่างมากไป) รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่งาน รู้คุณค่าและความยากลำบากของการหาเงิน รู้รสชาติของการเป็นลูกจ้าง เป็นต้น
(2) ช่วงปิดภาคเรียนถัดๆ มา?ได้ส่งลูกชายไปฝึกงานในแผนกบริการของอู่ซ่อมรถยนต์ เนื่องจากตัวเด็กเป็นคนชอบรถยนต์ จึงดึงดูดใจให้อยากทำงาน (ไม่เป็นการบังคับใจ)?ประสบการณ์ที่ได้คือความอดทนต่อการตำหนิ/ใจร้อน ของลูกค้าบางรายการ รู้จักแก้ปัญหาในสถานการณ์คับขัน เช่น เคยต้องลงมือลากรถยนต์ของลูกค้ามายังอู่ซ่อมรถ เป็นต้น
(3) เปิดธุรกิจจำหน่ายปลาสวยงาม?เกิดจากการสังเกตเห็นว่าลูกชายคนนี้เป็นคนที่ชอบเลี้ยงปลามาตั้งแต่เล็ก เมื่อลูกชายมาปรึกษาถึงการทำธุรกิจจำหน่ายปลาสวยงาม ตนจึงสนับสนุนและช่วยประสานงานกับบริษัทสิงคโปร์ฯ ซึ่งต้องการหา พันธมิตร (partner) ในเมืองไทย เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลา เพื่อส่งออกไปจำหน่ายแก่ลูกค้าในหลายๆ ประเทศ?ซึ่งในช่วงแรกๆ (2 ปีก่อน) ต้องขาดทุนร่วม 3 ล้านบาท/ปี เนื่องจากความอ่อนด้อยประสบการณ์ทำให้ปลาที่ส่งออกไปยังสิงคโปร์ ตายหมดแทบทุกเที่ยว?ต้องลองผิด ลองถูกจนค้นพบเคล็ดวิชาในที่สุด เข้าทำนอง ?สู้แล้วรวย!??จึงนับเป็นมหาวิทยาลัยชีวิตที่คุ้มต่อความบากบั่น มานะ อดทนและตั้งใจจริง ในการทำธุรกิจ (เหมือนๆ กับบรรพชนคนจีนโพ้นทะเลในอดีตกาลนั่นแล)
ข้าพเจ้าคิดว่า นอกจากสอนลูกให้รวยแล้ว อย่าลืมว่าความดี คุณธรรม ความกตัญญู ความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องควบคู่กันไปอย่าขาดเชียวนะคะ สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่อยากให้ลูกรวยค่ะ
พบกันใหม่ในบันทึกต่อไปนะคะ สวัสดีค่ะ จาก จีราพัชร
ความเห็น (6)
มาเยี่ยมสวัสดีคุณครู...วันครูปีนี้ขอให้สดใสกว่าเดิมนะครับตลอดปีใหม่ 2554
แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะคุณครูจีราพัชร
สวัสดีค่ะ กระต่ายน่ารักมาก ๆ มีความสุขเช่นกันค่ะ
วันครูปีนี้ต้องไปเรียนค่ะ มีสอบด้วยค่ะ
ผมมีเรื่องเล่ามาฝากครับผมสนิทกับลูกคนรวยระดับเศรษฐ๊ของจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นคนไทย เชื้อชาติจีน อยู่ในบ้านของเขาจะเล่าประวัติถึงความยากลำบากของบรรพบุรุษในการสร้างฐานะกว่าจะมาเป็นคนที่ร่ำรวยซึ่งทำไว้ให้ลูกหลานอ่านและเตือนใจอยู่เสมอ เขเขาจึงร่ำรวยและรักษาสมบัติได้เพราะความเชื่อของคนจีนเขามีความเคารพและนับถือบรรพบุรุษเป็นอย่างมาก
สวัสดีค่ะ ครูบอล
ค่ะใช่ค่ะ คนจีนเขานับถือบรรพบุรุษมาก ๆ เราจะสังเกตุได้ว่าเวลาเข้าไปบ้าน หรือร้านค้าคนจีน จะมีกล่องสีแดง มีอุปกรณ์ ดอกไม้ หรือเครื่องเซ่นไหว้ เขาไหว้บรรพบุรุษทุกวัน ก็มีเพื่อนเป็นคนรวย มาก ๆ เหมือนกันค่ะ เขาเคารพพ่อ แม่เขามาก แม้ว่าแม่เป็นคนกรุงเทพ แต่มาเสียชีวิตที่ต่างจังหวัด คอยอุปการะนักเรียน พระ เณร ให้มีการศึกษา จาก นักเรียน 75 คน ตอนนี้มี 3500 คน ณ ปัจจุบัน จนรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือ เขาไปเที่ยวมารอบโลกค่ะ ไปไหนมีคนขับรถ มีคนรับใช้ตลอด แต่น้ำใจเขานี่สุดยอดค่ะ ความอ่อนน้อม ความสุภาพ นี่ประทับใจมาก ๆ แม่เสียชีวิต แต่ลูกก็เดินทางจาก กทม.มาอยู่ที่ศรีสะเกษค่ะ มาสานฝันคุณแม่เขา มาอุปการะเด็กตาดำ ๆ เขา ก็รวย ๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดโต่งค่ะ