นับแต่บันทึกที่แล้วการได้แสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นของตนเองนั้น เป็นการเพิ่มพลังใจและความเชื่อมั่นให้กับตนเองอย่างมากมาย ให้ฮึกเหิมห้าวหาญว่าเราได้ก้าวทำในสิ่งที่ดี แต่ด้วยกฎของไตรลักษณ์นั้น ทำให้บางครั้งเรารู้สึกแหว่ง ถดท้อ หลายครั้งความเชื่อมั่นในสิ่งที่ได้กระทำขาดหายไป สติบกพร่อง รู้สึกเคว้งคว้าง ร่ำๆ จะท้อถอย พร่ำบ่นกับตนเองเองว่าจงเชื่อมั่น และศรัทธาในคุณพระศรีรัตนตรัย จงยึดนำท่านเป็นที่ตั้ง
แต่ด้วยกฎของไตรลักษณ์อีกนั้นแหละที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง ไม่เที่ยง ไม่แน่ วันนี้ตอนนี้สุขใจ หัวเราะ ปลื้มใจ อีกประเดี่ยวเดียวเหตุการณ์บางอย่างที่เราว่าไม่น่าเกิด มันก็เกิด มันพลิกผัน มันเศร้าใจ เสียใจ หม่นหมอง
ต้องใช้หลักธรรมะเข้ามาช่วยพิจารณาถึงต้นเหตุ สาเหตุ และสิ่งที่พึงจักต้องทำ ละดี หรือจะวางดี หรือจะอะไรดีก็ว่ากันไป เพราะเมื่อมันเกิดบางครั้งเราอาจขาดสติ ตอนนั้นอาจโวยวาย วีน เหวี่ยง ฟูมฟาย บางครั้งอาจใช้กำลัง(555) ขอเป็นกำลังใจก็แล้วกันน่ะ เย็นเข้าไว้ แม้บางครั้งมันยากยิ่ง
พระอาจารย์หลายๆท่านเฝ้าสั่งสอน เรารับรู้ สงสัยจะโดนทดสอบว่าจะพิจารณาจิตของตนเองได้ไหม เวลาปฏิบัติที่วัดก็ทำได้ไม่เห็นยาก แต่กับมาใช้ในชีวิตประจำวันเหตุการณ์ไม่เหมือนอยู่วัด (สงสัยเหมือนเราทดลองวิทย์น่ะ ควบคุมได้) เหตุการณ์จริงเข้าเรื่องเบาะๆ ก็พอเข้าใจ เรื่องบางเรื่องละเอียดอ่อน หรืออ่อนไหว มันช่างควบคุมยากเหลือเกิน
แต่ก็ด้วยกฎของไตรลักษณ์อีกน้านแหละ ทุกอย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป เราได้เห็นกันจะจะไปเลย สิ่งที่เกิดมันทำให้เราต้องหมั่นฝึกปฏิบัติทุกขณะ เพื่อตัวของเราเองนั้นแหละ แล้วสิ่งดีงามรอบตัวก็จะเกิดขึ้น คิดว่าอย่างนั้นน่ะ เพราะเรายังไม่เก่งพอคงต้องฝึกอีกนาน ยังหลง ยังติดอยู่
ที่เล่ามาเนี่ยก็อยากแชร์ประสบการณ์ ยินดีต้อนรับคำติ ข้อชี้แนะเสมอด้วยความขอบพระคุณยิ่ง ขอนุโมทนาค่ะ สาธุ
ไม่มีความเห็น