โรงพัก สถานที่สำหรับ "พักพิง"


ระบบงานราชการและการทำงานด้วยหัวใจของคนทำงาน
นอกจากโรงพยาบาลแล้ว...น่าจะมีอีกโรงหนึ่งที่ไม่ค่อยจะมีใครที่อยากจะไปสักเท่าไหร่“โรงพัก” หรือสถานีตำรวจ ที่ๆเป็นที่พึ่งสำหรับผู้เดือดร้อน คงจะคล้ายๆกับโรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่มีความทุกข์ร้อนต้องการบำบัดเยียวยา...
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีประสบการณ์ขึ้นโรงพัก โรงที่ไม่มีใครอยากไปนี่แหละ แต่จำเป็นต้องไป...ในช่วงใกล้สิ้นปีมานี่เอง เป็นวันที่สรพ.(ที่ทำงานของดิฉัน)ได้มีการจัดประชุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อทุกคนมาถึงโรงแรมแล้วพบว่าน้องทีมงานของเราคนหนึ่งลืมสิ่งของสำคัญมากๆ ไว้บนรถแท็กซี่สีชมพู และสามารถจำป้ายทะเบียนได้ด้วย น้องเราความจำเริ่ด...

ก่อนที่จะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นโรงพัก เราได้จัดการช่วยเหลือน้องเพื่อให้ได้สิ่งของกลับมา เราโทรหา จส.100 ก็เพิ่งจะได้ใช้บริการเป็นครั้งแรก ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ แต่โทรศัพท์ติดยากมากๆๆ ไม่มีคนรับสาย เราได้เบอร์โทรศัพท์เจ้าของอู่แท็กซี่ ได้เบอร์คนขับรถแท็กซี่มาแล้ว แต่เป็นหมายเลขที่ไม่สามารถติดต่อได้ สอบถามทางเจ้าของอู่ทุกห้านาที..ก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าเท่าไหร่ เป็นอู่รถที่ไม่ได้เป็นศูนย์บริการแท็กซี่ค่ะจึงไม่มีข้อมูลที่ update จากการพูดคุยกับน้องบอกว่าคุณลุงคนขับเป็นคนที่น่าไว้ใจ แต่เกรงว่าคุลุงอาจจะไม่เห็นเพราะของอาจจะตกลงมาที่พื้นรถ หากมีผู้โดยสารคนอื่นมานั่งรถลุงอาจจะหยิบไปได้ รออยู่หลายชั่วโมงตั้งแต่ 0800 -1030 ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะรถคุณลุงเก่ามาก ไม่มีวิทยุสื่อสาร และไม่ทราบว่าคุณลุงจะฟัง จส.100 กับเค้าบ้างรึป่าว แถมเบอร์โทรของคุณลุงที่ได้มานั้น คุณลุงอาจจะไม่ได้ใช้มันก็อาจจะเป็นได้

สีหน้าน้องดูซึมเซา ตาเหม่อลอย คิ้วขมวดตลอดเวลา ย้อนคิดถึตัวเอง เราก็เคยทำของหาย เป็นกระเป๋าสตางค์ที่แม้จะมีเงินไม่มากแต่ของสำคัญข้างในนั้นทำให้เรายังเป็นกังวลไปหลายวัน แต่นี่ของนั้นสำคัญมากๆ สำคัญต่อน้องและต่อสรพ.ด้วย...น้องต้องทุกข์มากๆแน่ น้องเป็นผู้ชายไม่ชอบพูดมาก..แต่ท่าทางของน้องบ่งบอกได้เลยว่าทุกข์สุดๆ เราคงต้องทำอะไรสักอย่าง ...หัวใจสั่ง สมองทำงาน คิด คิด คิด...

ในเบื้องต้นความพยายามของทีมงานของเรามากที่สุดแล้ว คงต้องรายงานผู้ใหญ่ เพื่อให้ข่วยเหลือเรา แหะๆ แม่ต้อยนั่นเอง ...ว่าแล้วงานก็เข้าแม่ต้อย ระหว่างการทำงานอีกงานหนึ่ง แม่ต้อยสอบถามข้อมูลและจัดการช่วยเหลือเราทันที ระหว่างนั้น พอลล่าอาสาพาน้องไปแจ้งความ สอบถามโรงพักที่ใกล้ที่สุดและ คิดว่าตัวเองไปถูกแน่ๆ แต่ด้วยความสามารถพิเศษของเราเองทำให้ต้องวนเสียสองรอบ เฮ่อ !! .... ไม่ยอมแพ้ กลับไปอีกรอบแวะถามคุณตำรวจแถวๆนั้น กำลังตั้งกรวยปฏิบัติหน้าที่กันช่วงใกล้วันปีใหม่... ช่วยได้มากเลยค่ะ ชี้ ๆๆ อย่างเดียว...ในใจเราคิดว่าเอ..เขารู้รึป่าวววว เหลือบสายตามองน้องที่นั่งข้างๆ น้องนั่งเงียบมาก ไม่พูดอะไรถ้าไม่ถาม ในใจคงปั่นป่วน สับสนวุ่นวายเป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มาถึงโรงพักจนได้ มากับดวง..อิอิ

มาถึงโรงพัก...ช่างเป็นโชคของเราเสียจริง เวลาเที่ยงพอดี๊ พอดี เงอะงะเข้าไป ตรงปรี่ไปที่ประชาสัมพันธ์ก่อนเลย เพราะไม่รู้นี่นา ..ท่านบอกว่าไปแจ้งร้อยเวรเลยครับ พร้อมทั้งชี้ไปที่ห้องร้อยเวรรับแจ้งความให้เรา เข้าไปพบผู้หมวดถอดเสื้อเครื่องแบบออกแล้ว คาดเดาเอาว่าคงจะไปทานข้าว เหลือแต่เชิ๊ตขาวกับกางเกงกากี เข้าใจเอาเองว่าคงกำลังจะไปพัก...สวัสดีค่ะคุณตำรวจ ขอแจ้งความของหายค่ะ... คุณตำรวจชะงักนิดนึง..แล้วถามถึงสิ่งของที่หาย เราก็อธิบายไป พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่เรามีอยู่ให้กับคุณรตอ.ท่านนั้น ซักถามกันอยู่สักสองสามคำ พอลล่าหันไปมองหน้าน้องที่ทำของหาย ดูซีดลง ซีดลง เงียบ ไม่พูดอะไรมาก มีพอลล่านี่แหละพูดมากกว่าคนทำหายเสียอีก จนตอนแรกผู้หมวดคิดว่าพอลล่าทำหาย อิอิ.... “พอดี เจ้าหน้าที่เราพักทานข้าวครับ รอนิดนึงครับ” แป่ว...ขึ้นมาทันที ตั้งแต่เช้า เรายังไม่ได้ทานข้าวเลยอ่ะ ตอนนี้เที่ยงแล้วให้เรารอบ่าย เราไม่ได้ทานข้าวสองมื้อเราอาจจะเป็นลมได้ ...เอ่อ...คุณรับแจ้งแทนได้ไหมคะ ทำเนียนไปงั้น เรายังไม่ได้ทานข้าวกันเลยค่ะ ผู้หมวด....แล้วผู้หมวดใจดี ก็อยู่เป็นเพื่อนเรา ไม่ยอมไปทานข้าว เอาหมายเลขทะเบียนรถไปค้นในคอมพิวเตอร์ให้ เดินไปเดินมา สักพักหนึ่ง ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เจ้าหน้าที่รับแจ้งมาประจำที่ เราเข้าไปแจ้งความทันที เล่าใหม่อีกรอบเพื่อบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน บัตรประชาชนก็ไม่ได้เอามา แบบว่าคนเค้ารีบร้อนน่ะนะ สุดท้ายเราก็ลงบันทึกประจำวันไว้ ระหว่างเล่าเหตการณ์คุณตำรวจ ยศ นายสิบ ผู้ลงบันทึกก็ถามเราว่าทำงานที่ไหน หน่วยงานนี้ทำอะไร แหม..รอให้ถามมานานละ...เราเป็นหน่วยงานช่วยให้รพ.พัฒนาคุณภาพค่ะ แล้วโรงพักมีการพัฒนาคุณภาพบ้างไหมคะ...ถามไปตามประสาคนช่างพูด อิอิ ..ปากมากอีกเรา... ผู้หมู่ละสายตาจากสมุดมามองหน้านิดนึง เราก็เคยปรับปรุงนะครับ ทำสวนหย่อมสวยๆ มีทีวีให้คนได้ดูนะครับ ..โรงพักก็เหมือนรพ.นั่นแหละครับ ไม่มีใครอยากมา.แต่รพ.เดี๋ยวนี้เค้าพัฒนาแล้วนะคะ รพ.เปรียบเสมือนบ้านเลยค่ะ เคยได้ยินไหมคะ พอลล่ายังไม่หยุด โปรโมท รพ.อย่างต่อเนื่อง สักพัก...ผู้หมวดมาช่วยชีวิตเอาไว้...บอกกับเราว่า ถ้ามีความคืบหน้าอะไรโทรหาผมได้เลยนะครับ...เอ ...เราต้องถามเค้าสิ ว่ามีความคืบหน้าอะไร ตกลงว่าให้เราไปดำเนินการ แล้วมารายงานหรือไงเนี่ย.. ค่ะๆๆ ของคุณค่ะ เบอร์ผมครับ รตอ... .....ขอบคุณค่ะ พอลล่าเม็มไว้ในโทรศัพท์ และคิดว่าคงไม่ได้ใช้แน่ๆ เอ...มานึกอีกที อาจจะได้ใช้ อิอิ

วันนั้นเป็นประสบการณ์ขึ้นโรงพักครั้งแรกที่แสนประทับใจค่ะ วันนั้นทำให้ได้เรียนรู้เรื่องของการใส่ใจในความทุกข์ของผู้คน ถึงแม้ระบบงานยังไม่เอื้อ แต่การพูดคุยซักถาม แสดงความใส่ใจก็เป็นสิ่งที่ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของเราได้บ้าง... ขอบคุณมากๆค่ะ

 สุดท้ายเราได้ของคืนแล้วค่ะ ในช่วงบ่ายของวันนั้นของได้มาส่งถึงที่โรงแรม สีหน้าของน้องดูสดชื่น มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที....หลังจากที่น้องอยู่ในความเงียบมานานเกือบครึ่งวัน....แต่ไม่ใช่เพราะคุณตำรวจที่สน.นี้อย่างเดียวค่ะ เพราะแม่ต้อยนั่นเอง....ขอบคุณสำหรับประสบการณ์การขึ้นโรงพัก ได้เรียนรู้ระบบงานราชการและการทำงานด้วยหัวใจของคนทำงานค่ะ ขอบคุณและสวัสดีปีใหม่มายังทุกท่านค่ะ
 

ประเทศไทยของเรา สวยงามมากมายค่ะ คนไทยของเราก็มีน้ำใจค่ะ

หมายเลขบันทึก: 419237เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2011 16:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ป้าด ทีม สรพ ได้ไป รพ อิอิ

เรียนท่านอ.เจเจที่เคารพ

เกือบจะเ็ป็นสถาบันรับรองคุณภาพโรงพัก อิอิ

สวัสดีครับ

คนดีมีมากมายครับในสังคม เพียงแต่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา

ขอบคุณที่นำมาเผยแผ่ครับ

มาทักทาย พอลล่า สงสัยคงต้องปรับปรุงทั้งระบบ เคยไปโรงพัก ทำบัตรหาย ไม่เห็นซักอะไรเราเลย เวรกรรม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท