การมีส่วนร่วม
การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบริหารจัดการของภาครัฐมีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จ ความร่วมมือ ร่วมใจ ของทุกฝ่าย การนำทฤษฎีของการมีส่วนร่วมไปสู่การปฏิบัติ สามารถแบ่งเป็นระดับได้ดังนี้
1. ระดับกระทรวง การมีส่วนร่วมแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.1 แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการกำหนดประเด็นสาธารณะ
(Participatory Govermence in Public Issue Formulation)
การกำหนดประเด็นสาธารณะ (Public Issue) หมายถึง ประเด็นปัญหา ประเด็นการพัฒนาที่รวมประเด็นสาธารณะที่สำคัญ 3 เรื่อง ด้วยกัน ดังนี้
1) ประเด็นที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกับปัญหาหรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ความเชื่อพื้นฐานของสังคม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมโดยส่วนรวม
2) ประเด็นหรือเรื่องที่สนใจของรัฐบาล สังคม ที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับขอบข่ายประเด็น (Scope of Issues) หรือแนวทางดำเนินการ (Measures) ตลอดจนผลกระทบ (Impacts) อย่างกว้างขวาง
1.2 แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์ระดับกระทรวง (Participatory Govermance in Strategy Formulation)
สำนักงาน กพร. ได้เสนอแผนยุทธศาสตร์ของระบบราชการไทย ประกอบด้วยผลสำเร็จ 4 มิติ ดังนี้
1) มิติด้านประสิทธิผล โดยมุ่งเน้นไปที่ผลงานตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อสร้างมูลค่าหรือคุณค่า (Value Creation) ในรูปของประโยชน์สาธารณะ
2) มิติด้านคุณภาพบริการ โดยให้ความสำคัญกับความพึงพอใจ (Satisfaction) ของผู้รับบริการและความไว้วางใจ (Trust) ของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
3) มิติด้านประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถของส่วนราชการในการใช้ทรัพยากรทั้งงบประมาณและรอบเวลาการดำเนินงานที่ลดลง เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของผู้รับบริการและสร้างความไว้วางใจจากลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
4) มิติการพัฒนาองค์การ โดยสร้างความพร้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Readiness ) ด้วยการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรและทุนมนุษย์ (Human Competency and Capital) การจัดการความรู้เพื่อให้เกิดทุนข้อมูลสารสนเทศ (Information Capital) ตลอดจนเสริมสร้างค่านิยมเพื่อเป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กร (Organization Capital) ซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้ เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนมิติประสิทธิภาพ และมิติประสิทธิภาพจะเป็นมิติที่ส่งเสริมมิติคุณภาพการบริการและมิติประสิทธิผล
1.3 แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำร่างกฎหมายของกระทรวง (Participatory Govenance in Law and Rule Making)
การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมในกระบวนการจัดทำร่างกฎหมายควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำร่างกฎหมายของกระทรวงหรือหน่วยงานเจ้าของเรื่อง ไม่ว่าเป็นการร่างกฎหมายใหม่ ปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะร่างกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน การมีส่วนร่วมดังกล่าวควรมีการดำเนินการให้ครบวงจร ตั้งแต่การให้ข้อมูลแก่ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การให้ประชาชนกำหนดประเด็นขอบเขตของกฎหมาย และร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย โดยกระทรวงหรือหน่วยงานเจ้าของเรื่องนำข้อมูลและความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าสู่การพิจารณาในการจัดทำร่างกฎหมาย รวมทั้งให้ข้อมูลป้อนกลับต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โปร่งใส
1.4 แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงในระดับเขตพื้นที (Participatiory Governace in Resource Allocating Decision)
ในการกำหนดแนวทางตามขั้นตอนที่ 4 นี้ การกำหนดแผนยุทธศาสตร์กระทรวงมักประสบปัญหาและอุปสรรคในการนำแผนยุทธศาตร์ไปสู่การบัติ ดังนี้
1) โครงการในระดับพื้นที่อยู่ภายใต้กลยุทธ์ของแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกระทรวง มักมีขั้นตอนการดำเนินงานและจัดสรรทรัพยากรลงในแต่ละพื้นที่แบบถัวเฉลี่ยเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่ได้พิจารณาถึงลักษณะเฉพาะของพื้นที่ที่มีภูมิสังคมแตกต่างกัน
2) ผลพวกจากข้อ 1) ทำให้โครงการในระดับพื้นที่ของระทรวงหลายโครงการไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนได้
3) ประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการในระดับพื้นที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของโครงการ ทำให้การเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและรับประโยชน์อยู่ในระดับต่ำหรือแทบไม่มี การแปลงยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินจากเงินภาษีของประชาชน ไม่ได้เอาประชาชนเป็นศูนย์กลางแต่ใช้ความคิดแบบรวมศูนย์ของราชการส่วนกลาง
4) ในระดับพื้นที่ โครงการตามกลยุทธของแผนปฏิบัติราชการประจำปีระดับกระทรวงเกือบทุกกระทรวงยังไม่สอดคล้องกัน
1.5 แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการออกแบบและการจัดบริการสาธารณฟของกระทรวง (Participatory Governance in Designing and Providing Public Services)
รัฐเน้นการออกแบบและการจัดการสาธารณะ โดยให้บริการสาธารณะ (Public Services) ซึ่งรวมถึงการบริการที่หน่วยงานภาครัฐจัดทำให้ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดโดยหน่วยงานภาครัฐเอง หรือจัดบริการโดยให้องค์การอื่นๆ เช่น องค์การชุมชน หรือองค์การไม่แสวงหากำไร รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจภาคเอกชน ฯลฯ
บริการสาธารณะนี้เป็นบริการที่ไม่สามารถจัดโดยผ่านกลไกตลาดได้ และเป็นบริการที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม ภาครัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ รักษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ตลอดทั้งการดูแลส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีของประชาชน การคุ้มครองสิทธิของประชาชน การดูแลผู้ด้อยโอกาสในสังคม ฯลฯ ซึ่งภารกิจในการจัดบริการเหล่านี้อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงต่างๆ
2. กระบวนการการมีส่วนร่วมระดับเขตพื้นที่การศึกษา
กระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมระดับเขตพื้นที่การศึกษา มี 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
2.1 มีส่วนร่วมปรึกษาหารือและวางแผนงาน
ประกอบด้วย การรับรู้ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนและร่วมวางแผนกิจกรรม
2.2 มีส่วนร่วมในการปฏิบัติและดำเนินการ
ประกอบด้วยการเกี่ยวข้องกับการดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ และการตัดสินใจ
2.3 มีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลงาน
เป็นการตรวจติดตามถึงผลงานที่ได้ทำ หรือปฏิบัติไปแล้วเพื่อหาข้อสรุป
2.4 มีส่วนร่วมในการจัดสรรผลประโยชน์
เป็นการมีส่วนร่วมในการจัดสรรประโยชน์ ผลของกิจกรรม หรือผลของการตัดสินใจ
ที่เกิดขึ้น
3. เทคนิคการมีส่วนร่วม
การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น มีเทคนิคหรือวิธีการต่างๆ ที่สามารถเลือกใช้เพื่อให้เหมาะสมกับเรื่องประเด็น เวลา สถานการณ์ ทรัพยากรที่มีจำกัด หรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องและต่างสถานะ ต่างสภาพกัน การให้ข้อมูลหรือการรับฟังจากประชาชนต้องอาศัยรูปแบบที่ต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
3.1 เทคนิคการมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะ
ได้แก่เอกสาร ข้อเท็จริง (Fact Sheet) จดหมายข่าว (Newsletter) รายงานการศึกษา(Report Study) การจัดทำวีดีทัศน์ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสาร (New Repositories) การแถลงข่าว(New Release) การสัมมนาทางวิชาการให้กับสื่อมวลชน การสื่อสารผ่านวิทยุกระจายเสียง หอกระจายข่าวชุมชน (Village News Announcement) ทัศนศึกษาและเยี่ยมชมโครงการ (Facility Tour/ Site Visit) การนำเสนอ(Presentation) และการชี้แจงในการประชุมของทางราชการ
3.2 เทคนิคการมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ
ได้แก่ การสัมภาษณ์รายบุคคล (Community Interview) การสนทนากลุ่มย่อย (Fucus Group ) การแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ (Interactive Website) การสำรวจควาคิดเห็น (Surveys and Telephone Polls) สายด่วนสายตรง (Hot Line) และการปรึกษาหารืออย่างเป็นทางการ (ประชาพิจารณ์)
3.3 เทคนิคการมีส่วนร่วมแบบปรึกษาหารือ
ได้แก่ เวทีสาธารณะ (Public Meeting/Forum) การพบประแบบไม่เป็นทางการ
(Open House/Informal Meeting) การจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนแก่ชุมชน (Community Outreach Service) การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) และคณะที่ปรึกษา (Advisory Group)
จะเห็นได้ว่าการมีส่วนร่วมของทุกภาส่วนในระดับต่างๆ นั้น มีความสำคัญและจำเป็นยิ่งนักต่อการสำเร็จลุล่วงไปตามเป้าหมาย
.....................................
อ้างอิง
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2553). การสร้างเครือข่ายและการมี
ส่วนร่วม. กรุงเทพฯ: กพร.
ไม่มีความเห็น