มีบันทึกว่า สถาบันทางสังคมที่เกิดร่วมสมัยเดียวกันกับมหาวิทยาลัยในยุโรป ส่วนใหญ่ล่มสลายไปนานแล้ว
อายุของมหาวิทยาลัยในยุโรปก็คงประมาณหลักร้อยปี ที่มหาวิทยาลัยยุโรปผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้นานเพียงนี้ คงจะพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งคำตอบให้กับสังคมเสมอมา
อายุของโยคะ ว่ากันว่า ยาวนานหลายพันปี โยคะจึงอยู่ในสถานะคล้ายกับมหาวิทยาลัยคือ ให้คำตอบที่สังคมถามหา
คำตอบนั้นคือ อะไรหนอ และจะเข้าถึงโยคะได้อย่างไรหนอ
ผมขอตอบในฐานะคนธรรมดาที่บังเอิญรู้จักและมีโอกาสใช้ youtube ในฐานะคนที่หลงใหลกับการเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุด
ผมเริ่มสนใจโยคะมานานจนจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เมื่อใด เคยลองฝึกโดยตามครูที่มาสอนชนิดถึงตัวเมื่อ๔ปีก่อน ลองแล้วก็เลิก เพราะเข้าใจว่าไม่เหมาะกับตนเองซึ่งชอบการเคลื่อนไหวแบบรวดเร็วขณะออกกำลังกาย (แต่ลึกๆ อีกเหตุผลคงจะเป็นเพราะเมื่อลองแล้วทำให้ผิดหวังกับตนเองว่า ร่างกายเราช่างแข็งทื่อเสียนี่กระไร ฝืนแล้วก็เจ็บ เมื่อย)
กีฬาที่ผมชอบจึงเป็นแบดมินตัน ซึ่งเคยเล่นมาสมัยเป็นนักเรียนมัธยมต้น เล่นวันละสามเวลา(เช้า กลางวัน เย็น.....แบบนี้หลายคนคงเห็นว่าเข้าข่าย คลั่งไคล้จริงมั๊ยครับ)
หันกลับมาเล่นแบดมินตันอีกครั้งเมื่อ ๓ปีก่อน มีคนเตือนว่า เดี๋ยวจะบาดเจ็บนา อายุปูนนี้แล้ว เขาไม่เล่นกันหรอก แพทย์รุ่นน้องที่เคยเล่นก็บอกว่าผมเลิกแล้ว เพราะเข่าสู้ไม่ไหว เคยมีเพื่อนอายุเกือบหกสิบ ตายคาสนามมาแล้วครับ
ฟังเขาว่าตอนนั้น ก็บอกกับตนเองว่า ไม่จริงหรอก เพราะแพทย์รุ่นพี่อีกท่านซึ่งเล่นแบดมินตันมาตลอด ๓๐ปี จนวันนี้ก็ยังเล่น ยืนยันว่า ผมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
ความที่อยากเล่นก็เลยเลือกเชื่อความเห็นแบบหลังมากกว่าแบบแรก หลังจากเล่นไปเล่นไป เข่าก็ปวดต้องหาผ้ายืดมารัดช่วยพยุง และฝืนต่อไป
จนวันหนึ่ง ขณะโฉบเข้าไปตบลูกหน้าเนต เมื่อเท้าข้างหนึ่งแตะพื้น เอวก็บิดต่อไปตามท่าโฉบอันรวดเร็ว แขนก็เหวี่ยงแร้กเกทสุดกำลังเพื่อพิชิตลูกให้ได้ ฉับพลันอาการเสียวแปล็บก็แล่นจากบริเวณกระเบนเหน็บร้าวลงไปขาซ้าย
ยังครับ ผมยังไม่เลิก เพราะตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บมากเท่าใด นั่งพักสักครู่ก็ลงไปต่อกรอีก ทีนี้ได้เห็นฤทธิเดชของการบาดเจ็บรากประสาท(nerve root injury, sciatica,neuralgia) ตามที่เคยอ่านในตำรา และเคยตรวจเจอในคนไข้ โอ้โห ซาบซึ้งมากครับกับความหมายของคำนี้
ทีนี้แหละยอมหยุด ผมพักรักษาตัวอยู่ ๓เดือน ระหว่าง ๓เดือนนั้น....
ทุกครั้งที่มุดเข้าไปนั่งขับรถไปทำงานประจำวัน อาการปวดก็แสดงฤทธิเดชให้ผมได้สัมผัส มันทำให้ผมเข้าออกรถอย่างทุลักทุเล เชื่องช้ามาก(ผมเป็นคนใจร้อนโดยพื้นเพเดิม)
ทุกครั้งที่นั่งทำงาน อาการปวดทำให้ผมต้องย้ายน้ำหนักจากสะโพกซ้ายมาขวาเป็นส่วนใหญ่
ทุกครั้งที่เดิน ขาซ้ายจะอ่อนกำลัง ปวดร้าว ออกอาการชัดเสียจน แพทย์(เชี่่ยวชาญทางกระดูก ...ออโธปิดิค)รุ่นลูกศิษย์ท่านหนึี่งเข้ามาทักด้วยความเมตตา และกรุณาแนะนำยาบรรเทาอาการปวดชนิดนี้ ซึ่งผมก็รับคำชี้แนะนั้นด้วยความเคารพและซาบซึ้งน้ำใจ แต่ไม่หามากินเพราะสืบค้นทางอินเตอร์แล้ว เห็นว่าผลข้างเคียงจากยาอาจไม่คุ้มกับผลได้
ผมพึ่งการปะคบร้อนด้วยลูกปะคบที่อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ ปะคบเกือบตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน กินพาราเซทบ้างครั้งละ ๒เม็ด เป็นครั้งคราว วันละไม่เกิน ๘ เม็ด จำได้คร่าวๆว่า กินได้ไม่เกิน ๑สปด.ก็เลิก
ที่เลิกกินยาไม่ใช่เพราะยาไม่ได้ผล แต่กลัวผลข้างเคียงครับ ถึงแม้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับยาขนานแรกที่เอ่ยไว้ก็ตาม
การใช้ลุกปะคบร้อนก็มีผลข้างเคียงเล็กน้อยคือ เคยเผลอจนผิวหนังพองระดับตื้นๆนิดหน่อย แต่ไม่เลิกพึ่งลูกปะคบเพราะเห็นผลบรรเทาปวดเร็ว เข้าใจว่าช่วยการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่หดเกร็งจากการทำงานบกพร่องของเส้นประสาท
มีคนทักว่า น่าจะไปหาแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือนักกายภาพบำบัดช่วยรักษา ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าถึงบริการเช่นนี้ได้คงจะเลือก แต่ผมก็ไม่ไป เพราะ
๑ ไม่อยากรบกวน คนไข้รายอื่นที่ตนเองก็ตระหนักดีว่ามาไกล และคงหนักหนากว่าการบาดเจ็บของตน
๒ ยังอยากทดลองว่า พึ่งตนเองด้วยลูกปะคบจะได้ผลสักแค่ไหน
๓ ทนอาการปวดได้
อาการปวด จากการเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อเส้นประสาทบาดเจ็บ เป็นความรู้ใหม่ที่เจอกับตนเอง นั่นคือ เมื่อเส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ การควบคุมกล้ามเนื้อจะบกพร่องอย่างน้อยสองลักษณะ คือ ไม่สามารถสั่งการได้ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง หรือตรงกันข้าม ทำให้เกิดตะคริว
ผมสังเกตพบว่า กล้ามเนื้อขาซ้ายบริเวณหน้าแข้งจะเป็นตะคริวบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน ในช่วงเดือนแรกอาการนี้มาถี่มาก แทบทุกคืนผมถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึกเพราะตะคริว แรกๆก็กังวลมาก ต่อมา พยายามสะกดจิตตัวเองว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง"
ทำบ่อยๆเข้า ความอดทนต่อการเจ็บปวดเพราะตะคริว ก็เพิ่มขึ้น ความทุกข์จากความเจ็บปวดก็บรรเทา(ไม่ได้แปลว่าหายปวด นะครับ) มาเข้าใจตอนหลังเมื่อได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเจริญสติ(เช่น "ใหม่แกะกล่อง" "the power of now")ว่า เมื่อสติตั้งมั่น แม้ท้องจะหิว ขาจะปวด แต่ใจจะนิ่ง ความเจ็บปวด ความหิวจะคล้ายถูกแยกออกจากจิตอันสงบนิ่งนั้น เมื่อจิตหยุดการปรุงแต่ง ความสงบในจิตใจก็กระจ่างชัด หนักแน่นขึ้น
นี่เองคือ อานิสงจากการเจริญสติ .....เคล็ดวิชาโยคะ ไทเก็ก และเดินจงกลม ฯลฯ
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์
อาจารย์ไพบูลย์ครับ
อาการประมาณ นี้ ผมเคยเป็นมาแล้วครับ ก็แกล้งเลี้ยงไข้ กำหนดเจริญสติ อาการปวดไม่หาย ใจเราไม่ทุรนทุราย พอได้เวลา รับรู้เวทนา นานพอสมควร ชนิดปวดชา นอนไม่หลับ 2 เดือน เต็ม ขอให้ พี่หมอ ที่ รพ ฝังเข็ม 1 ชุด ครั้งเดียว อาการทุเลาไปเลย เกือบร้อยละ 90
และ เว้นไปหนึ่งสัปดาห์ รักษา ซ้ำอีกชุด ก็ทุเลาไปร้อยละ 99
ก็น่าจะลอง จาก หมอฝังเข็ม ที่ รามา ก่อน
ทางเลือกการรักษามีหลายแบบ ได้ลองหลายๆแบบ ช่วยเจริญสติ และ ปัญญา ดีทีเดียวครับ