ท่านศาสดามูฮัมมัด(ท่านรสูลุลลอฮ)ได้กล่าวไว้ว่า "แท้จริงทุกๆกลุ่มชนนั้นมีวันรื่นเริงทั้งสิ้น" บันทึกโดยมุสลิม และวันรื่นเริง หรือวันเฉลิมฉลองของอิสลามนั้น ท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ๊อล)เมื่อเดินทางไปยังนครมาดีนะฮ ท่านศาสดาได้กล่าวว่า " สำหรับพวกท่านแล้ว (มุอมิน)มีวันรื่นเริงสนุกสนานอยู่ 2 วัน ทว่าพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงเปลี่ยนให้ดีกว่า วันทั้งสองดังกล่าว นั่นคือวันอีดิลฟิฎรและวันอีดิลอัฎฮา " บันทึกโดยนะสาอีย์ นี่คือวันที่ได้รับอนุมัติและอนุญาติให้มุสลิม (ประชาชาติอิสลาม)มีวันรื่นเริง สนุกสนาน ได้เพียงสองวันนี้เท่านั้น ภายหลังที่อิสลามอุบัติขึ้น ดังนั้นเมื่อหลักการนี้ได้รับบัญชาจากพระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง มุสลิมจึงแสวงหาวันรื่นเริงในอื่นไม่ได้ และท่านรสูลุลลอฮ ได้กล่าวอีกว่า " กำชับให้ออกห่าง จากการเลียนแบบแนวคิด วิถีชีวิตและพฤติกรรม ของพวกยะฮูดีย์(ยิว)และนัศรอนีย์(คริสเตียน)อีกด้วย"บันทึกโดยะหมัด หะดีษที่ 8230 จากที่ยกมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า จุดยืนของความเป็นมุสลิม ทางแนวทางและแบบอย่างคำสอนในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน อันจำเริญและแบบฉบับแห่งวิถีชีวิตที่ได้รับการรับรองจากพระผู้เป็นเจ้า คือแบบอย่างท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ๊อล) ประชาชาตินี้ต้องเป็นประชาชาติตัวอย่าง นำประชาชาติอื่นไม่ใช่ เลียนแบบ ผมนำเสนอเรื่องนี้เพื่อตอกยำแก่ผู้ที่เป็นมุสลิมที่ขาดความรู้ เข้าใจไม่มากในเรื่องนี้ เพราะยังพบ ยังเห็นมุสลิมเราไปเที่ยวงานส่งท้านปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไปห้อยไม้กางเขน(คิดว่าเท่ห์) ไปร่วมร้องเพลงวันคริสมาสต์ ไปส่งการ์ดอวยพรปีใหม่ ไปนับถอยหลังปีใหม่อย่างครึกโครม ในขณะที่ ท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ๊อล)กลับระบุว่า "สถานที่ที่เคยถูกทำให้เป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงนั้น มุสลิมก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้นนั่นเอง ทราบเถิดว่า อะไรที่มิใช่วิถีชีวิตของมุสลิม วาญิบ(จำเป็น) สำหรับมุสลิม จะต้องออกห่างจากวิถีชีวิตเยี่ยงนั้น"
ไม่มีความเห็น