86. ท่านจะเป็นผู้นำทางปัญญาให้กับสังคมไทยไปสู่อินเดีย?

หากเราไม่สนใจอินเดีย ประเทศไทยจะเสียประโยชน์

 

หากเราย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ชาติไทย อินเดียมีความสัมพันธ์กับผู้คน

ในสุวรรณภูมิ รวมถึงเอเชียตะวันออกมาเนิ่นนานแล้ว ชาวอินเดียที่เดินทางออก

มานอกประเทศในยุคนั้นเพื่อต้องการมาติดต่อค้าขาย การเผยแพร่ศาสนาเป็นสิ่ง

ที่ตามมา

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นว่าเนื้อตัวของเราที่บอกว่าเป็นไทยนั้น มีตรง

ไหนบ้างที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเรียงนาม อาหารการ

กิน สถาปัตยกรรม และศิลปะ รวมถึงกิริยามารยาทบางอย่าง ความเชื่อและ

ศาสนาซึ่งผสมผสานกับวิถีท้องถิ่นดั้งเดิมจนกลายเป็น "ไทย" ในปัจจุบันนั้น

เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะเชื่อมโยงเรากลับไปเรียนรู้ที่มาของภูมิปัญญาบางอย่าง

จากอินเดียได้ไม่ยากนัก

ทำไมต้องศึกษาอินเดีย

       อินเดียเป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ที่สำคัญของเอเชีย และของโลก

อินเดียเป็นแหล่งกำเนิดหลายสิ่งหลายอย่างให้กับโลก และยังเป็นนักคิด นักทำ

นักพูดมาจนทุกวันนี้ ในปัจจุบันท่านทั้งหลายคงไม่ปฏิเสธบทบาทของอินเดียใน

เวทีโลกที่เพิ่มขึ้นๆ อย่างน่าจับตา จีนและอินเดียซึ่งเป็นมหาอำนาจของ

เอเชียก็พยายามจับมือกัน ตะวันตก เช่น สหรัฐฯ พยายามสร้างความร่วมมือกับ

อินเดียโดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุนระหว่างกันมากขึ้น พูดง่ายๆ ว่า ใครต่อ

ใครต่างก็ต้องหันมาสนใจอินเดีย และวิ่งไปหาอินเดียในปี 2010 ที่จะหมดไปอีก

ไม่ช้า

     สำหรับประเทศไทย หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ

 การะทรวงพาณิชย์ต่างพยายามส่งเสริม กระตุ้นนักธุรกิจไทยให้ไปลงทุนใน

ประเทศอินเดียให้มากขึ้น ท่านทูตอินเดียประจำประเทศไทยก็พยายามเชื้อเชิญ

นักธุรกิจไทยให้ไปลงทุนโดยเฉพาะด้าน infrastructure ที่คนไทยมีความ

เชี่ยวชาญ รวมถึงภาคบริการต่างๆ

     สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลได้ตระหนักถึง

บทบาทหน้าที่ทางวิชาการที่จะเป็น "ปัญญาของแผ่นดิน" ด้วยการมีส่วนสร้าง

บุคลากรที่มีความรู้ด้านอินเดียศึกษา เพื่อเป็นหัวหอก เป็นผู้กล้า และเป็นผู้นำ

นโยบาย Look West ของรัฐบาลประเทศไทยไปปฏิบัติให้บรรลุผล ดังนั้นจึงได้

เปิดหลักสูตรปริญญาโท อินเดียศึกษาตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา

อินเดียไม่ง่ายถ้าไม่รู้จักและเข้าใจ

      หากเราจะเข้าไปค้าขายหรือติดต่อกับประเทศใดก็ตาม ถ้าเราไม่เรียนรู้ ไม่

หาข้อมูล ไม่สังเกต ไม่สอบถามแม้จะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงก็ยัง

ยาก อินเดียก็เช่นกันเนื่องจากเขาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ และเคยตกเป็น

อาณานิคมของอังกฤษ ดังนั้น ชาวอินเดียจะมีลักษณะบางอย่างที่เข้าถึงไม่ง่าย

นัก เขาเป็นตัวของตัวเอง เขามีระเบียบวิธีการบางอย่างที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้ง

อาณานิคม (ดีหรือไม่ดีไม่ทราบ) ที่สำคัญคือเป็นคนที่ชอบโต้แย้ง ไม่มีระยะห่าง

ระหว่างความเป็นส่วนตัว (ข้อนี้คนไทยหลายคนรับไม่ค่อยได้) แต่หากรู้จักกัน

แล้ว หลายคนจิตใจดี   เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ขึ้นอยู่กับโชคของเราและสถานภาพของ

บุคคลที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ฯลฯ ที่ยังเป็นโจทย์ให้คนไทยต้องศึกษา เรียนรู้

และแก้ปัญหากันต่อไป แต่เราไม่ควรปิดประตู เพราะ......

      แนวโน้มของการเมืองโลกคือการร่วมมือกันระหว่างประเทศในภูมิภาคและ

ข้ามภูมิภาคเพื่อสร้างพลังในความร่วมมือกัน และเพื่อถ่วงดุลย์ระหว่างประเทศ

ดังนั้นประเทศไทยมิอาจอยู่นิ่งเฉยได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน

และประชาคมความร่วมมืออื่นๆ ในภูมิภาค ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่อยู่

ระหว่างจีนและอินเดีย ดิฉันเคยถามชาวอินเดียว่าอินเดียมองไทยอย่างไร เขา

บอกมองเป็นเอเชียอาคเนย์ ทั้งนี้เพราะประเทศเราเล็ก (ใหญ่เท่ารัฐๆ เดียวใน

อินเดีย) เขาจึงมองเป็นภูมิภาค ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้เราอยู่ในสายตาของ

ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านี้ อดีตเอกอัครราชทูตไทยเคยกล่าวว่าการที่คนไทยไม่

สนใจอินเดียกลับทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ ทั้งนี้เพราะอินเดียเป็นส่วนหนึ่ง

ของประชาคมอาเซียน ประเทศไทยกับอินเดียมีการเจรจาการค้าเสรีอยู่

       หลักสูตรอินเดียศึกษาจึงเสนอตัวที่จะเป็นช่องทางการศึกษาที่เป็นโอกาส

และทางเลือกสำหรับการเตรียมบุคลากรของประเทศไทยในการทำความรู้จัก

อินเดียอย่างเป็นระบบ พร้อมที่จะเป็นผู้นำและเป็นกำลังสำคัญของประเทศใน

การสร้างความร่วมมือกับอินเดีย ในอนาคต ชาวอินเดียจะเดินทางเข้าสู่ประเทศ

ไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างเสรีมากขึ้น ทั้งนี้เพราะเขาไม่มีปัญหาในเรื่องภาษา

อังกฤษ มีความสามารถ และอดทน โอกาสที่แรงงานจะเคลื่อนย้ายมาสู่ประเทศ

ในอาเซียนจะมีมากขึ้น

        หากราไม่เตรียมพร้อม โอกาสในการแข่งขันของคนไทยจะน้อยลง โลก

ของคนไทยอาจจะค่อยๆ แคบลงๆ ท่านจะยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือ

         -ข้อมูลเกี่ยวกับอินเดีย

อินเดียประเทศที่มีพลเมืองมากเป็นอันดับสองของโลก ปี 2015 อินเดียจะมีประชากร

มากกว่าจีน

อินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก

อินเดียมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 8-9% เป็นอันดับสองรองจากจีน

อินเดียมีประชากรระดับมหาเศรษฐีราว 50 ล้านคน และชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อราว 300

คน

ชาวอินเดียมีความเหนียวแน่นในเรื่องเครือข่าย เคร่งครัดในศาสนา ชอบศึกษาวิจัย

ชอบคิด ฉลาด มีความอดทนสูง ช่างพูด รู้มาก มีเหตุผล และไม่ยอมเสียเปรียบ ฯลฯ

ที่สำคัญ

อินเดียเป็นพันธมิตรของอาเซียน

ท่านในฐานะพลเมืองไทยและอาเซียนจะมีส่วนในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศ

อินเดียเพื่อสนองนโยบาย LOOK WEST ของรัฐบาลไทยได้อย่างไร   โอกาสและช่อง

ทางในอินเดียเปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และความกล้าหาญที่จะเป็นผู้นำ

เข้าไปสร้างองค์ความรู้ สร้างธุรกิจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

 

ท่านจะไม่เป็นผู้นำประเทศไทยไปสู่โอกาสทองนั้นหรือ

หลักสูตรอินเดียศึกษาสามารถช่วยติดอาวุธทางปัญญาให้ท่านได้

 

การประกอบอาชีพ

- นักธุรกิจในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว นักการตลาด

- อาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย  นักเขียน

- ประชาสัมพันธ์ วิเทศสัมพันธ์ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อินเดีย

- นักวัฒนธรรมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

คุณสมบัติของผู้สมัคร

        ผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีทุกสาขา หรือปริญญาโททุกสาขา

 

ทุนการศึกษา

-ทุนรัฐบาลอินเดียสำหรับอบรมภาษาฮินดี 8 เดือนที่อินเดีย

-ทุนเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ที่ประเทศอินเดีย

-ทุนอื่นๆ

 

ช่วงเวลาการรับสมัคร

            รอบแรก ตุลาคม-พฤศจิกายน  ของทุกปี

ด่วน รอบที่ 2  สมัครด้วยตนเอง 1-26 ก.พ. 54

                    สมัครทางไปรษณีย์  1-16 ก.พ. 54

                    สมัครทาง internet 1-20 ก.พ. 54

ติดต่อ   - บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา http://www.grad.mahidol.ac.th โทร 02-441-4125

               - สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล www.lc.mahidol.ac.th โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3302, 3101

[นาย วัลลภ ตังคณานุรักษ์ (ครูหยุย)]

ยาวมาก แต่เมื่อตั้งใจติดตามอ่านแล้ว มีประโยชน์ครับ

[โสภนา]

ขอบพระคุณค่ะ ครูหยุย ฝากประชาสัมพันธ์ต่อด้วยนะคะ

[เจ]

อยากเรียนมาก ชื่นชมอินเดียมานานแล้ว แ่ต่ยังหาเวลาเรียนไม่ได้เพราะเรียนเวลาราชการ ค่าเรียน 7 หมื่น ถือว่าไม่แพงเลย หวังหาจะได้เรียนในวันหน้า