โอ๊ย!ไปดูงานอีกแล้ว...ดูกันเข้าไป...ดูแล้วไง...
เราว่างานเราก็ดีอยู่แล้วนะ ที่อื่นเขายังมาดูงานที่โรงพยาบาลเราตั้งเยอะเลย...
มันเป็นคำพูดของฉันเอง...กบตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้โผล่ออกมานอกกะลา
จนกระทั่งได้มาดูงานเยี่ยมบ้านที่โรงพยาบาลภาชี
ระยะทางราวๆห้าสิบกว่ากิโลจากแก่งคอยไม่มากพอที่จะทำให้ใครหลับได้
บรรยากาศ ตั้งแต่ทางเข้าโรงพยาบาลภาชีปลอดโปร่งและร่มรื่น คนไข้ O.P.D มี
ประปราย
เมื่อถึงห้องประชุมท่านผู้อำนวยการและคณะได้ให้เกียรติมาต้อนรับและเล่าถึงงาน
เยี่ยมบ้านที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ฉันตาสว่างมากขึ้นก็คือ เราอย่าได้คิดว่า ข้านี่เจ๋ง!
ทำเองได้ทุกอย่าง...เพราะเคสที่ท่านผอ.นำมาเล่าให้ฟังนั้นทำให้เห็นว่าการดูแลแบบ
องค์รวมเป็นอย่างไร
เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมามีผลกระทบกับหลายครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวของ
ผู้หญิงคนหนึ่ง
ถ้าถามเราว่าชีวิตเรามีค่าแค่ไหน เราคงจะคิดเป็นจำนวนเงินหลักแสน หลักล้าน
สำหรับบางคน...ทั้งชีวิตอาจมีค่าเพียงแค่เจ็ดหมื่นกว่าบาท
เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นหลังน้ำท่วมทำให้เธอเกือบคิดฆ่าตัวตาย แต่เพราะการเยี่ยมบ้านและ
คำแนะนำจากทีมงานและท่านผอ.ทำให้เธอก้าวข้ามความทุกข์นั้นมาได้
ภาพขวดน้ำปลานับสิบขวดที่ตั้งเรียงรายอยู่ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจในตอนแรก
จนกระทั่งพี่ติ๋ง ( ทีมเยี่ยมบ้านภาชี ) ถามว่า เห็นขวดน้ำปลาแล้วคิดยังไง
" อ๋อ!กินเค็มแบบนี้สงสัยความดันสูงแน่เลย " ฉันตอบไปเหมือนเป็นรูปแบบที่ถูก
โปรแกรมมา แต่คำตอบของพี่ติ๋งทำให้ฉันและอีกหลายคนอึ้งไป
" เปล่า...ไม่มีอะไรจะกิน...นอกจากน้ำปลา "
ฉันยังจำได้ว่าหญิงร่างผอมผิวคล้ำกร้านแดดที่เราเห็นนั้นนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆอยู่
เมื่อพี่ติ๋งหย่อนตัวลงนั่งคุยและเอาข้าวของจำเป็นหลายอย่างมาให้ รวมถึงพูดคุยเรื่อง
การเรียนต่อของลูกสาวของเธอ ความมีน้ำใจและหวังดีของพี่ติ๋งคนที่เห็นคงจะรู้สึกได้
เหมือนที่ฉันรู้สึก
เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าไปเยี่ยมบ้าน ก็แค่สอนวิธีดูแล แล้วก็กลับ แต่วันนี้ฉันรู้แล้ว
ว่าที่ผ่านมา เรามองข้ามหัวใจของใครหลายคนไป...คนที่เขาก็มีหัวใจเหมือนเรา
คนที่มีความหวังและต้องการกำลังใจ เพียงแต่เราจะใส่ใจและมองโลกให้กว้างกว่าที่เป็น
เท่านั้นเเอง
ทุกครั้งที่คนบ้านนี้กินข้าว...มันเค็มเพราะน้ำปลา...หรือว่าน้ำตากันแน่นะ...ฉันคิด
แต่ต่อไปนี้ทุกอย่างคงจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อย เมื่อมีการเยี่ยมบ้านที่ดู " คน " ไม่ใช่ดู
" โรค "อย่างเดียว
ยารักษาโรคได้ แต่รักษาใจไม่ได้ นอกจากใช้ใจรักษา
จะตั้งใจทำงานเยี่ยมบ้านให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ...สัญญา
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยม ขอบคุณบันทึกดีๆ ที่อ่านแล้วเหมือนน้ำตาซึม...
ขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าน่ะค่ะ
สุดยอดเลยค่ะคุณน้อง สัญญากันแล้วนะ อิอิ เล่าได้เจ๋งจริง...ใช่ค่ะ ยารักษาโรค แต่รักษาใจไม่ได้ ต้องใช้หัวใจรักษา เอ!หรือว่า ชูศรี รักษา น๊า! 555
แวะมาอีกครั้ง
มาชวนไปอ่านบันทึกดีๆ น่าสนใจ
ไปตาลิงค์นี้เลยนะคะ http://gotoknow.org/blog/taweesak2553/415230
สวัสดีค่ะ ดีใจด้วยค่ะที่ได้มีโอกาสทำงาานที่มีค่ามีความหมายดีมาก ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ อ่านเรื่องของคุณแล้ว ประโยคหนึ่งผ่านเข้ามาในสมอง "I used to complain about not having nice shoes to wear, until I saw a man who had no feet" "ฉันเเคยบ่นที่ไม่มีรองเท้าสวยๆใส่ จนกระทั่งฉันเห็นคนที่ไม่มีเท้า" ขอบคุณในการแบ่งปันอันงดงามค่ะ
เราเคยนั่งแอบมองยายกับคาคู่หนึ่งตาล้วงมือหยิบขวดคล้ายยา Almagelออกมา
แต่ข้างในเป็นน้ำเปล่า ตายื่นให้ยายดื่มแล้วแกก็รับกลับมาดื่มต่อ
เราคิดเอาเองว่าเขาคงไม่ค่อยมีตังค์ เลยต้องเตรียมน้ำมากินเอง
จะว่าไปเราก็แอบอิจฉาในใจอยู่ไม่น้อยเพราะ.....ถ้าเป็นเราคงจะสุขใจมากเลยนะ
ที่บั้นปลายชีวิต....ยังมีคู่ชีวิตอยู่เคียงข้าง....คอยดูแลกัน