2.7 - 4.5 แสนล้านบาท คือ ตัวเลขรายจ่ายเพื่อสุขภาพของประเทศไทย คิดเป็น ร้อยละ 3.75 - 6.25ของจีดีพี
บางคนว่า ตัวเลขนี้น้อยเกินไป บ้างบอกว่า มากเกินไป บ้างไม่รู้ว่ามากหรือน้อย เพราะขึ้นกับว่า ได้อะไรตอบแทน เมื่อเทียบกับทางเลือกอื่น เช่น สร้างรถไฟฟ้า จัดหาน้ำสะอาด สร้างสวนสาธารณะ ส่งเสริมการเกษตร ซึ่งแม้ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า มีผลต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
นอกจาก การคิดที่จะจ่ายเพื่อสุขภาพ อาจคิดเพื่อไม่จ่ายจะได้มีสุขภาพดี
0.7 แสนล้านบาท คือ รายได้เข้ารัฐจากการซื้อขายสุรา 1.56 แสนล้านบาทคือ รายจ่ายอันเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา ในส่วนนี้ 0.05 แสนล้านบาท คือ รายจ่ายหากเจ็บตายเพื่อดื่มสุรา
ข้อดีของการเห็นตัวเลข คือ ทำให้เข้าใจคุณค่าของเรื่องต่างๆชัดเจน จนหลายครั้งเกิดการเปลี่ยน/คลอด นโยบายสาธารณะ เช่น กฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา เป็นต้น
คุณหมอ ยศ ตีรวัฒนานนท์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อตัวเลข 45,000ล้านบาท หลุดออกไป(โดยเจตนา) โทรศัพท์ในสำนักงาน”ไฮแทบ”ของท่านก็ดังกริ้งๆมาจากทั่วทิศ เพราะผู้ประกอบการ หรือนพ.สาธารณสุขจังหวัด ต่างสนใจให้ไปพูดรายละเอียด ว่า แค่เคยดื่มเหล้า หรือปัจจุบันยังดื่มเหล้า ทำให้เสียงานเสียการเพียงปีเดียว คิดเป็นมูลค่ามากขนาดนี้เชียวหรือ
ภาษาวิชาการ เรียกวิธีหาตัวเลขอย่างนี้ว่า productivity impact assessment ซึ่งดูเหมือนมีพลังการสื่อสารมากกว่า “health impact assessment” เมื่อย้อนนึกไปถึงปฎิกิริยาตอบสนองที่แผ่วกว่ามากต่อตัวเลข 5000 ล้านบาทจากการป่วยตายเพราะดื่มสุรา
ท่าทีแตกต่างกันนี้อาจบ่งชี้ จิตวิทยาของคนเรา ที่สนใจเรื่องใกล้ตัวมากกว่าไกลตัว
ที่เล่ามานี้ เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ผมเก็บมาจากการประชุม ”คลังสมองว่าด้วยนโยบายบริการปฐมภูมิ” ซึ่งจัดเดือนละครั้งหลังเลิกงานประจำ คุยกันตั้งแต่ 5โมงเย็นจนถึงสองทุ่มก็เลิก โดยคุณหมอ สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ คอยตะล่อมคอยชักชวนให้ คนชอบคิด ชอบเปลี่ยนสังคมกลุ่มเล็กๆมาเจอกัน
ไม่มีความเห็น