ทำอย่างไรให้มีสุข

ความสุข

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ครูทุกท่าน

เดือน(ธ.ค.) นี้คงวุ่นวายกันน่าดูใช่มั้ยค่ะ เพราะว่ากิจกรรมช่างเยอะเหลือเกิน ของโรงเรียนลูกจันทร์ที่เพิ่งผ่านมาก็ "วันพ่อแห่งชาติ" ตามมาด้วย "วันรัฐธรรมนูญ" แถมตามมาติดๆ ด้วย "เข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีสามัญ" ต่อด้วย "เข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีสำรอง" แถมที่จี้ก้น(ตูด)มาเลยก็"วันคริสต์มาส" และ"กีฬาภายใน" แถม "วันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่" โอ๊ย...เรียกได้ว่าจัดกิจกรรมกันอาทิตย์ต่ออาิทิตย์เชียวแหล่ะ

พองานเข้าเยอะ ต้องใช้ความรับผิดชอบแยะ การติดตามงานกับเพื่อนๆครู มันก็มีจุดกระทบกระทั้งกันบ้าง ต้องเหนื่อยทั้งกาย และเหนื่อยทั้งใจ วันนี้ลูกจันทร์ขอฝากข้อคิดที่จะทำให้ชีวิตมีสุขมาฝากค่ะ เพราะความความสุขเนี้ยเป็นสุดยอดปารถนาของคนทุกคนนี่ค่ะ ซึ่งลูกจันทร์คิดว่าถ้าเราสามารถนำข้อคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต...แล้วมีความสุขมันก็น่าลอง...จริงมั้ยค่ะ

1. การรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง... เราควรสำรวจข้อดี และข้อเสียของตัวเราเองเสียก่อนค่ะ อย่างเช่น บางคนอ้วนแต่ไม่ยอมรับว่าตนเองนั้นอ้วน พอมีใครมาทักว่าอ้วน ก็โกรธเสียเป็นฟืนเป็นไฟ ดังนั้นเมื่อเรารู้ข้อดีและข้อเสียของตนเองแล้ว เมื่อมีใครมาพูดเรื่องข้อเสียของเรา เราก็ยอมรับซะ...แล้วหาวิธีปรับปรุงแก้ไข แต่เรื่องบางอย่างต้องใ้ช้เวลา และความอดทน (อย่าเพิ่งท้อนะค่ะ..เอาใจช่วยค่ะ)

2. การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง...สุขภาพกายและสุขภาพจิตนั้นมีความสัมพันธ์กัน ถ้าสุขภาพจิตดีก็ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงด้วย เคยดูเดี่ยวของคุณโน๊ต(อุดม แต้พานิช)ค่ะเค้าว่า "ผู้หญิงเนี้ย...แม#ง ซื้อได้ทุกอย่าง ทำได้ทุกวิธีที่จะทำให้ผอม ยกเว้นอย่างเดียว คือ ออกกำลังกาย" (เอ๊ะ...เป็นอย่างนั้นจริงรึป่าวค่ะ)

3. มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี... มีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่า การหัวเราะทำให้ฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล อะดรีนาลีน ลดลง และช่วยเพิ่มสาร "เอ็นดอร์ฟิน" หรือสารความสุขทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย การหัวเราะดีกับร่างกายมากมาย เช่น ระบบสมองดี การหัวเราะจะไปกระตุ้นระบบทำงานของสมอง ให้หลั่งสารความสุข หรือเอ็นดอร์ฟิน เมื่อสมองถูกกระตุ้น ทำให้มีความคิดทางบวกสร้างสรรค์ มีผลให้ร่างกาย และจิตใจพื้นฟูอย่างเร็ว

4. ไม่ควรเก็บอารมณ์ขุ่นมั่ว... การเก็บกดอารมณ์ทำให้เกิดความตรึงเครียด ทำให้สีหน้าหม่นหมอง ขากรรไกรประกบกันแน่น ใบหน้าเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น ดังนั้นเราต้องหาทางระบายอารมณ์ เช่นหางานอดิเรกทำ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ หรือหากเพื่อนพูดคุยระบายอารมณ์(อันนี้..ที่โรงเรียนเรียกว่า "นินทา" รึป่าว?)

5. ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์... การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เช่น การหากิจกรรม หรืองานอดิเรกมาทำยามว่าง หรือเมื่อพบกันความคิดหวัง ก็ใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา ต้องอดทด และแก้ไข ปรับปรุง ถือซะว่าที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ ดังที่คำสอนท่านว่า "ผิดเป็นครู" (เด็กนักเรียนเลยบอกว่า "เพราะครูชอบทำผิด ปัจจุบันเลยต้องมาเป็นครู...ซะงั้น)

นี้แหล่ะค่ะ...หลักการใช้ชีวิตให้เป็นสุขของลูกจันทร์ เราไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงชีวิตใครให้มาสุขกันเรา เราเริ่มจากการดูแลตัวเราเองเนี้ยแหล่ะ...เป็นสุขที่สุดแล้วค่ะ สุดท้ายเคยได้อ่านบทกลอน (แต่จำไม่ได้ว่าของใคร..หากเจ้าของบทกลอนมาเจอ...ลูกจันทร์ขออภัยด้วยนะค่ะ....ขอบคุณค่ะ)

" อันทุกข์สุขอยู่ที่ใจ มิใช่หรือ ใจเราถือเป็นทุกข์ไม่สุกใส

ใจเราถือเป็นสุข ไม่ทุกข์ใจ เราอยากได้ความสุข หรือทุกข์นา"