จากการวิจัยในเรื่องดังกล่าว พบว่าในสภาวการณ์ดังกล่าว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องหันมาทบทวนและพิจารณาดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ต้องเชื่อมั่นว่าเด็กและเยาวชนทุกคนเกิดมาบริสุทธิ พร้อมที่จะแปรสภาพไปตามแต่ละสังคมจะหล่อหลอมเพียงอย่างเดียว แต่หากเขามีศักยภาพ มีพลัง และบทบาทการตัดสินใจและเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง การหล่อหลอมขัดเกลาจากครอบครัวที่ดี สังคมที่ดี เพื่อนที่ดี เขาจะมีรากฐานชีวิตที่ดี
2.เด็กและเยาวชนทุกคนควรได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างน้อยที่สุดเด็กและเยาวชนทุกคนควรจะได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน ได้รับการพัฒนาใจและกาย และได้รับการบริการทางสังคมนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเด็ก ผู้ใหญ่และสังคมรอบตัวเด็กจะต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วม แสดงบทบาทที่เหมาะสมและสนองตอบต่อสังคมด้วย
3เด็กและเยาวชนต้องได้รับการฝึกอบรมให้ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรมขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาให้เขาเป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพ ใหหหหหหหห้เขารู้จักอยู่ร่วมกันกับคนอื่นด้วยเหตุผลโดยสันติ สามารถเตรียมตัวเพื่อประกอบอาชีพในอนาคตและมีเจตคติที่ดีที่จะเรียนรู้ต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง
4.เด็กและเยาวชนต้องได้รับโอกาสและสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือมีประสบการณ์ที่เหมาะสมกับวัยเพื่อปูพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข รู้สำนึกรักแผ่นดินบ้านเกิดและตระหนักถึงความปรองดอง สมานฉันท์
5.เด็กและเยาวชนต้องมีโอกาสได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากบุคคลากรหรือครอบครัวที่ให้ความรักความอบอุ่นเพื่อเป็นรากฐานของพัฒนาการทุกด้าน อาทิ วินัยในตนเอง ความสนใจใหความรู้ ความมีมนุษยธรรม และความเชื่อมั่นในตนเอง
6.องค์กรระหว่างประเทศ สหประชาชาติ องค์กรเด็กแห่งโลกได้กำหนดข้อพึงประสงค์โดยให้รัฐบาลประเทศต่างๆยึดถึอปฏิบัติเพื่อส่งเสริมให้สถานภาพของเด็กดีขึ้น อาทิ มารดาและเด็ก เด็กและเยาวชนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นบุตรใน หรือนอกสมรสย่อมได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน ต้องให้ความเป็นอิสระ เสรีที่เท่าเทียมกัน โดยไม่มีการจำแนกเชื้อชาติ กำเนิด สิผิว เพศ ภาษา ศาสนา การเมือง ความเชื่อ มีความเป็นอิสระจาการถูกบังคับเป็นทาส ต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันตามกฎหมาย
เห็นด้วยครับ