การประสานงานและการเตรียมชุมชน
การวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม เป็นวิธีดำเนินการวิจัยที่สามารถออกแบบให้เหมาะสมไปตามวัตถุประสงค์การวิจัยของกลุ่มคน ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่างๆได้อย่างไม่จำกัด การประสานงานและการเตรียมชุมชน จะเป็นขั้นตอนแรกๆที่จะต้องทำ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะประกอบด้วยกิจกรรมและการดำเนินการต่างๆดังนี้
การประสานงานและเตรียมชุมชนดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยทั่วๆไป ซึ่งแนวคิดและหลักดำเนินการที่สำคัญก็คือ การได้รับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมระดับต่างๆในกระบวนการวิจัยที่จะดำเนินการขึ้นในชุมชน
การประสานงานและการเตรียมชุมชนเพื่อขับเคลื่อนการวิจัยแบบ PAR
ในการวิจัยแบบ PAR ที่มุ่งดำเนินการโดยบูรณาการมิติความเป็นชุมชนและถือเอาการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ชุมชนเป็นตัวตั้งนั้นก็เช่นกัน ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ชุมชนและเตรียมการเพื่อทำกิจกรรมต่างๆให้เข้าสู่กระบวนการวิจัยและปฏิบัติการเชิงสังคมทีละเล็กละน้อย โดยจุดหมายและวัตถุประสงค์ที่สำคัญก็คือ เพื่อเข้าถึงคนและได้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับระดมการมีส่วนร่วมให้การพัฒนาประเด็นการวิจัย การออกแบบกระบวนการ และการพัฒนากลุ่มปฏิบัติการวิจัยต่างๆในลำดับต่อไป ให้สะท้อนปรัชญาและระเบียบวิธีการวิจัยแบบ PAR อย่างเหมาะสมที่สุด
เครื่องมือและสิ่งที่จะต้องเตรียม
แนวคิดที่สำคัญในการคัดสรรและจัดเตรียมเครื่องมือ สื่อ และวิธีประสานงานในเบื้องต้นก็คือ เป็นสื่อที่เสริมพลังของการได้พบปะกัน ในอันที่จะนำไปสู่การทำงานและต่างก็ได้การเรียนรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆด้วยกันให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ต้องเน้นให้การสื่อสารแบบ ๒ ทางและการปฏิสัมพันธ์กันอย่างมีคุณภาพเป็นตัวนำ และให้สื่อกับเครื่องมืออื่นๆเป็นตัวเสริม
อย่างไรก็ตาม การวิจัยแบบ PAR สำหรับดำเนินการกับภาคประชาชน กลุ่มประชาสังคมท้องถิ่น รวมทั้งปัจเจกและการรวมกลุ่มของผู้มีจิตสาธารณะต่อประเด็นความสนใจต่างๆนั้น ต้องให้ความสำคัญต่อการติดต่อประสานงานด้วยตนเองของตัวบุคคล มากกว่าการประสานงานด้วยเอกสาร ซึ่งหลักคิดและความเข้าใจก็มีความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ในตนเอง เนื่องจากกลุ่มคนดังที่กล่าวถึงเหล่านี้ โดยมากแล้วก็จะเป็นกลุ่มคนที่มีภาวะผู้นำดี เป็นนายตนเอง เรียนรู้และมีส่วนร่วมทางการปฏิบัติต่อเรื่องต่างๆด้วยการใช้ความรู้ความเข้าใจและการตัดสินใจบนความเป็นเหตุผลของตนเอง ไม่ใช่วิธีชักจูง โน้มน้าว หรือใช้โครงสร้างเชิงอำนาจมากดดันให้ปฏิบัติ
ดังนั้น จึงต้องการการพูดคุยและการสร้างความเข้าใจร่วมกัน มากกว่าการได้เห็นหนังสือสั่งการและการประสานงานที่สื่อถึงความเป็นเจ้าเป็นนาย ยิ่งไปกว่านั้น การประสานงานโดยหนังสือและไม่ให้ความสำคัญกับการเดินพบปะถ้อยทีถ้อยคุยเยี่ยงคนทำงานและมีความสำนึกต่อสังคมเช่นกันกับกลุ่มคนทำงานซึ่งมีคุณลักษณะดังที่กล่าวถึงนี้ ก็อาจจะถูกปฏิเสธและไม่ให้ความสนใจที่จะเดินมาปรึกษาหรือและทำสิ่งต่างๆด้วยกันนับแต่เบื้องแรกเลยทีเดียว
กิจกรรมและการดำเนินการที่สำคัญ
การเตรียมตนเอง
ทักษะและวิธีการที่จะช่วยการทำงาน
ภารกิจเบื้องตนที่ควรจัดเตรียม
ข้อห้ามและสิ่งที่ไม่ควรทำ
ธรรมหรือสิ่งที่ควรทำ ควรปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้น พบว่า ความจริงใจ ความซื่อตรง ไม่มีฟอร์ม ความมีจุดยืน กล้าคิด กล้าแสดงออก ใส่ใจต่อการเดินเข้าหาคน แต่นอบน้อมมีสัมมาคารวะต่อชาวบ้านและผู้คนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานที่ยืดหยุ่นให้แก่ผู้อื่นก่อน และความเป็นธรรมชาติของตัวเราเองนั่นเอง ที่จะเป็นเครื่องมือและวิธีทำงานกับคนในพื้นที่ต่างๆได้ดีที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง และในสถานการณ์ที่ชุมชนในพื้นที่มีกลุ่มทำงานหลากหลาย
อีกทั้งในกรณีที่เกิดอุปสรรคปัญหาที่คนในพื้นที่ไม่สามารถจะเดินเข้าหากันได้นั้น ผู้ประสานงานและเตรียมชุมชนเพื่อการวิจัยแบบ PAR ก็อาจจะเป็นกลไกสร้างความสมานฉันท์ เป็นสื่อกลาง และเป็นกลไกภาคีที่สาม ที่ทำให้ชุมชนในพื้นที่มีหลักอ้างอิงตรงกัน ในอันที่จะลดความแตกต่างลงไปและเกิดจุดเริ่มต้นในการพูดคุยกันได้อีกด้วย งานวิจัยจึงมีบทบาทต่อสังคมมากกว่าการเสร็จสิ้นที่การเขียนรายงานวิจัยหนึ่งเล่มหรือการตีพิมพ์บทความ และการทำงานสนามของการวิจัยแบบ PAR ก็มีบทบาทสำคัญมากกว่าการติดต่อหน่วยงานและเก็บข้อมูลเพื่อส่งต่อแก่การวิเคราะห์ข้อมูลบนโต๊ะนักวิจัย.
สวัสดีค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ เป็นความต้องการอยากเรียนรู้มานานแล้วค่ะ ทำให้ย้อนนึกถึงบางบันทึกของอาจารย์ที่เคยอ่านผ่านตา จะย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งค่ะ
เรียนท่าน อาจารย์ ดร.วิรัตน์ มาชื่นชม ฅ ฅน ทำงานด้วย หัวใจ นักพัฒนา ครับ
งานวิจัยแนวนี้ผมว่าจะเหมาะกับพี่คิม หนานเกียรติ และเครือข่าย มากเลยนะครับ มีอยู่ในตัวเองอยู่แล้วเยอะเลยครับ
อีกทั้งกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างคุณธรรมและความเป็นพลเมืองของคนกลุ่มต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมีจิตอาสา ความมีจิตสาธารณะ ความสำนึกต่อท้องถิ่น ความผูกพันต่อระบบนิวเศวิทยาของชีวิตชุมชน เหล่านี้ ที่พี่คิมและเครือข่ายทำอยู่นั้น ผมคิดว่าจะเป็นประเด็นการพัฒนาชุมชนและสังคมประชากรในอนาคตที่สำคัญมากเลยนะครับ จึงสามารถเป็นโจทย์การวิจัยและปฏิบัติการเชิงสังคมไปด้วยได้เป็นอย่างดีครับ โดยเฉพาะในกลุ่มพลเมืองที่เป็นกลุ่มชาวเขาและในชนบท ซึ่งหาคนทำได้ยากน่ะครับ
ขอบพระคุณอาจารย์หมอ JJ ที่มาเยือนและเสริมพลังใจด้วยรูปทะเลที่ผมชอบมากๆครับ
คีบอร์ดที่มี คอ คน นี่ มีทั่วไปหรือเปล่าครับเนี่ย ว๊าววว เจอแล้วครับ อาจารย์ทำให้ผมเห็น ฅ กับ ฃ ผมไม่เคยสังเกตเลยครับ กราบขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
มาเรียนรู้แนวคิดการลงพื้นที่ชุนชน ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
ความจริงใจ ความซื่อตรง ไม่มีฟอร์ม ความมีจุดยืน กล้าคิด กล้าแสดงออก ใส่ใจต่อการเดินเข้าหาคน แต่นอบน้อมมีสัมมาคารวะต่อชาวบ้านและผู้คนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานที่ยืดหยุ่นให้แก่ผู้อื่นก่อน และความเป็นธรรมชาติของตัวเราเองนั่นเอง ที่จะเป็นเครื่องมือและวิธีทำงานกับคนในพื้นที่ต่างๆได้ดีที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง และในสถานการณ์ที่ชุมชนในพื้นที่มีกลุ่มทำงานหลากหลาย
ทางมอเชิงดอยก็ทำงานชุมชนและลงพื้นที่เก่งมากนะครับ
เมื่อก่อนนี้ในหมู่นักศึกษาก็เป็นนักกิจกรรมที่เก่งด้วย
สวัสดีค่ะ
วันที่ ๑๗ พี่คิมจะไปเริ่มที่ห้วยกอกค่ะ
เป็นการเริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์ ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักพี่คิมแล้วค่ะ แต่เรายังไม่ได้เปิดใจให้เขารู้ด้วยตัวเองว่าเราเป็นใคร
วันที่ ๑๗ จะไปนอนค้างคืน "ผิงไฟพาแลง" หาอะไรมาทำกินแบบพื้นบ้าน ผิงไฟ คุยกันก่อน
ชาวบ้านตื่นเต้นมากค่ะ บอกว่าจะทำข้าวหลาม และอาหารพื้นบ้านให้ทานค่ะ
วิธีเรียนรู้และเดินเข้าหากันผ่านกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตและเป็นกิจกรรมชุมชนในลักษณะนี้
จะเป็นทั้งวิธีเข้าสู่พื้นที่เพื่อเตรียมชุมชนและวิธีเรียนรู้เพื่อการเข้าไปยืนในจุดยืนของชุมชนเป็นอย่างดีด้วยครับ ในอดีตนั้น ในงานวิจัยเชิงคุณภาพ ก็มักจะแนะนำให้การไปนอน ทำกิจกรรมชีวิต และกินข้าวกับชุมชน เหล่านี้ เหมือนกับเป็นระเบียบวิธีในการสร้างความเชื่อถือได้ และการสร้างคุณภาพข้อมูลที่จะได้เลยทีเดียวละครับ เดี๋ยวนี้ แม้วิธีอื่นๆช่วยเพิ่มมากขึ้น แต่วิธีอย่างนี้ก็ยังใช้ได้เป็นอย่างที่สุดครับ
บทความนี้คือ สิ่งที่กำลังมองหาอยู่ อยากเรียนรู้ และทำความเข้าใจ
ท่านอ.สรุปบทเรียนได้ชัดเจน ให้แง่คิดมุมคิดที่ทำให้เกิดมุมคิด
สะท้อนออกมาเหมือนพลอยต้องแสง
ขอบคุณค่ะแล้วจะกลับมาอ่านอีกครั้งค่ะ
สวัสดีครับครูต้อยติ่งครับ
สุขภาพและสุขภาวะกลับมาแล้วนะครับ
บันทึกชุดนี้จะพยายามบันทึกเก็บไว้ให้มากที่สุดครับ
เอาไว้หนุนคนทำงานชุมชนในสาขาต่างๆครับ โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา
พัฒนาชุมชน เกษตร ศิลปวัฒนธรรมชุมชน สิ่งแวดล้อมชุมชน และพัฒนาสุขภาพชุมชน
ขอบพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้เป็นคลังความรู้ เสริมปัญญาแก่คนทำงานค่ะ
ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
จะเขียนให้เป็นความรู้ แนวคิด เครื่องมือการทำงานด้วยความรู้
เพื่อเสริมบทเรียน เสริมกำลังและติดดาบงานความคิดให้คนทำงานในชุมชนเชิงพื้นที่ ในสาขาต่างๆน่ะครับ
อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้คนเท่าเดิม งานซับซ้อนมากขึ้น
แต่คนทำได้ความลึกซึ้ง สร้างความรู้ มีวิธีช่วยตกผลึกและจัดการความรู้ให้แพร่หลาย
พร้อมกับมีโอกาสและแง่มุมสร้างความเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างๆได้มากยิ่งๆขึ้นนะครับ