ป๋า....ผู้ชายต้นแบบ


การสอนให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์เป็นเรื่องที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยสอนลูก เพราะอาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องของโรงเรียน แต่สิ่งที่เราเห็นในสังคมปัจจุบันก็คือเด็กนักเรียนมักทำข้อสอบคิดวิเคราะห์ไม่เป็น ที่บ้านเราถ้าเราทำผิดป๋าจะใช้การสอนก่อนลงโทษ จะถามว่าทำไมถึงทำ ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร การกระทำเช่นนี้ผิดหรือไม่ ทีหลังจะทำหรือไม่ จะให้ทำโทษเท่าไหร่ เป็นการสอนให้คิดเชิงวิเคราะห์ รู้จักรับผิดชอบ และใช้เหตุผล

          ผมเขียนบันทึกนี้เมื่อป๋าอายุ ๘๐ ปีและแม่(มะ)มีอายุ ๗๖ ปีและแม่ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ ปีนี้ป๋าได้รับคัดเลือกเป็นพ่อตัวอย่างแห่งชาติอีกคนหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้ได้รับคัดเลือกเป็นครอบครัวไทยมีสุขมาแล้ว จึงถือว่าครอบครัวเราได้รับการยกย่องอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงนำบันทึกมาให้อ่านกันเพื่อให้ทราบว่าทำไมป๋าจึงควรได้รับการคัดเลือก....         

          ชีวิตของลูกพ่อค้าในฐานะลูกชายคนโต ที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก จนมีร้านเป็นของตัวเอง ได้รับการยกย่องจากสังคมให้เป็นประธานหอการค้าของจังหวัดพังงาเป็นคนแรก เป็นนายกสโมสรไลออนส์จังหวัดพังงา แม้แต่ขณะเป็นผู้จัดการร้านซิงเกอร์ก็ยังได้รับรางวัลแหวนทองคำ ได้รับรางวัลผลการขายจากบริษัทห้างร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเริญภัณฑ์บริการ อีกหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น เอสโซ่ ธานินทร์ ฯลฯ  ผมกำลังจะเล่าเรื่องราวของคุณพ่อผมซึ่งผมเรียกว่า “ป๋า” หลังจากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเขียนถึงป๋าและบอกพี่น้องช่วยกันเขียนถึงป๋าเมื่อป๋ามีอายุครบ ๖๐ ปี

          ไม่น่าเชื่อว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ๒๐ ปีแล้ว จากหนังสือเล่มเล็กๆที่โรเนียวด้วยมือ ผมเขียนถึงป๋าในหัวข้อ “ประธานหอการค้า...ป๋าของลูก” ผมเขียนบทความอีกหลายเรื่องๆ ได้รับการตีพิมพ์แจกฟรีให้ประชาชนในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และลามไปถึงจังหวัดจันทบุรี  เขียนบันทึกลงในบล็อก gotoknow.org/blog/islandpk เขียนบันทึกลงในบล็อกลานปัญญาที่ lanpanya.com/islandpk ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องละครที่เอามาอธิบายข้อกฎหมาย รวมไปถึงเรื่องครอบครัว การเลี้ยงดูเด็กและครอบครัว จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับจากป๋าของผม และประสบการณ์ของตัวเองที่เลี้ยงลูกและที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต มีหลายคนยุให้ผมทำขายแต่ก็ยังไม่ได้ทำ เหตุที่ไม่ได้ทำก็เพราะอยากสร้างผลงานที่เป็นเกียรติประวัติให้แก่ตัวเองและครอบครัว อยากให้ป๋ากับมะภาคภูมิใจในผลงานที่ผมทำเพื่อสังคม หนังสือกฎหมายของชาวบ้าน และกฎหมายในละคร ของผม เวลาป๋าจะแจกให้ใคร ผมเห็นประกายความสุขจากป๋า นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ได้สร้างความแช่มชื่นในหัวใจป๋า  เหมือนกับที่ป๋าภาคภูมิใจกับบทเพลงที่น้องจุมของพวกเรา หรือ “โกไข่”ของชาวบ้านได้ทำขึ้นด้วยความรักท้องถิ่นและซ่อนความรักของครอบครัวเราเอาไว้ในบทเพลงเหล่านั้น

          ป๋าเล่าให้พวกเราฟังถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตในช่วงสมัยสงครามโลก เรื่องราวเหล่านั้นท่านสามารถอ่านได้จากหนังสือ “ชีวิตต้องสู้” ที่ทางราชการจัดพิมพ์จากบทสัมภาษณ์ป๋า และการสู้ชีวิตของบุคคลแต่ท่านจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งเราได้คัดลอกในส่วนของป๋ามาให้อ่านกันในเล่มนี้ด้วย ผมจะไม่เล่าซ้ำแต่ผมจะเล่าจากภาพที่ผมเห็นจากป๋าโดยตรง

          สมัยพวกเราเป็นเด็ก ป๋ายังเป็นผู้จัดการร้านซิงเกอร์เล็กๆในตลาดโคกกลอย  ป๋าจะต้องไปขายจักรเย็บผ้าในถิ่นธุรกันดาร นั่งรถแลนด์โรเวอร์เข้าไปปุเลงๆ รถติดโคลนมั่ง เดินข้ามสะพานไม้ท่อนเดียวมั่ง นั่งเรือไปขายตามเกาะมั่ง ผมกับพี่นวลจะตามป๋าไปเสมอหากตรงกับวันหยุดเรียน ป๋าพาเราไปเรียนรู้การขายด้วยของจริง เราเคยคลานตามไม้ท่อนเดียวข้ามน้ำไปขายจักรเย็บผ้าที่ถ้ำน้ำผุด (ขณะที่ป๋าเดินแต่พวกเรากลัวจึงคลาน อิอิ) เรานั่งเรือไปขายจักรเย็บผ้าที่เกาะปันหยี เราลุยป่าลุยโคลนไปขายจักรเย็บป่าในป่าไกลๆ ป๋าสอนให้พวกเรารู้ว่าสิ่งที่คนคิดว่าไม่มีช่องว่างตรงนั้นแหละจะมีช่องว่าง เรามีหน้าที่หาช่องว่างให้เจอ ระหว่างทางป๋าจะสอนให้เรารู้จักสังเกตข้างทาง สอนหนังสือเราไปด้วยในตัว เช่น พอถึงทางโค้ง เราจะเห็นป้ายบอกทางโค้งอันตราย มีคำภาษาอังกฤษป๋าจะให้อ่านคำภาษาอังกฤษ SHARP CURVE ให้ออกเสียงให้ถูกต้อง และให้เราเดาคำแปล ป๋าเล่าให้พวกเราฟังว่าป๋าเรียนภาษาอังกฤษจากวิทยุและหนังสือพิมพ์ จดคำศัพท์ไว้ในสมุด ป๋าสอนให้เรารู้จักการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยที่เราไม่รู้ตัวและติดนิสัยการเรียนรู้เช่นนี้มาถึงทุกวันนี้

           เรามีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบไขลาน แบบไฟฟ้า แบบถ่าน ผมเปิดแผ่นเสียงเองได้ตั้งแต่เล็กๆ เรามีวิทยุทั้งแบบทรานซิสเตอร์และแบบสเตอริโอ เราฟังเพลงละตินบรรเลงเต้นรำมาตั้งแต่เด็กๆ เราฟังเพลงลูกทุ่ง ทูล ทองใจ สมยศ ทัศนพันธุ์ ก้าน แก้วสุพรรณ ฯลฯ เราฟังเพลงลูกกรุงของสุเทพ วงศ์กำแหง ธานินทร์ อินทรเทพ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ฯลฯ เรามีเครื่องปั่นไฟที่บ้าน เรามีกล้องถ่ายรูป ทั้งแบบกล้องพับ กล้องขนาด ๖ คูณ ๙, กล้อง ๓๕,กล้องฮาล์ฟเฟรม,ฟิล์มสไลด์ เรามีเครื่องขยายอัดรูป,เรามีรถมอเตอร์ไซค์,เรามีรถยนต์ ทั้งรถจิ๊ป รถกระบะ รถเก๋ง เรามีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะแยะ จนเดี๋ยวนี้เราใช้คอมพิวเตอร์และป๋าก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นด้วยสิ่งเหล่านี้ต้องการการเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ๆ ถ้าคนเป็นพ่อแม่ไม่เป็นแบบอย่าง จะให้ลูกอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คงเป็นเรื่องยาก 

          ป๋าชอบอ่านหนังสือ ผมเห็นป๋าอ่านหนังสือมาตั้งแต่จำความได้ หนังสือพิมพ์จะอ่านทุกวัน หนังสือฟ้าเมืองไทย เรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ รีดเดอร์ไดเจสต์ ต่วยตูน หนังสือที่ป๋าอ่านจะเป็นหนังสือที่เพิ่มความรู้ทั้งนั้น วิธีการที่ป๋าทำให้ลูกอยากอ่านหนังสือก็คือ เมื่อเจอเรื่องราวดีๆก็จะเล่าให้ฟังย่อๆแล้วให้เราไปอ่านเอง และถ้าลูกอยากได้หนังสือป๋าจะไม่เคยขัดเลย หนังสือบ้านเราจึงมีมากเป็นพิเศษ นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพ่อแม่เพราะหากทำอย่างนี้ลูกของท่านจะรักการอ่านแน่นอน

          ป๋าสอนให้ผมขับรถอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมจำได้ว่าตอนผมยังเล็กพ่อเอาผมนั่งตักให้จับพวงมาลัยแล้วให้ลองบังคับพวงมาลัย จนโตขึ้นมาก็ให้ล้างรถ ฮา...ป๋าบอกว่าอยากจะได้รถก็ต้องรู้จักรักมันรู้จักทำความสะอาดให้มันก่อน อิอิ เข้ามัธยมก็หัดให้ลองขับระยะทางสั้นๆ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะเรียนอยู่มัธยมปลายที่ภูเก็ต ป๋ามาทำธุระที่ภูเก็ตในวันศุกร์ ขากลับป๋าหยุดรถและบอกให้ผมลองขับดู หัดให้เหยียบคันเร่ง ผ่อนคลัช เข้าเกียร์ แต่พอวันจันทร์ป๋าจะขับเข้าภูเก็ตเองเพราะกลัวผมจะไปโรงเรียนไม่ทันเพราะเราต้องออกเดินทางจากพังงาตั้งแต่เช้า แต่นั้นมาผมก็จะได้ขับรถกลับบ้านตอนเย็นวันศุกร์จนเริ่มชำนาญ แล้วไปสอบใบขับขี่ (หลังจากนั้นผมก็แอบเอารถหนีเที่ยว..อิอิ) การสอนให้ลูกทำกิจกรรมใดๆสักอย่างโดยให้เรียนรู้ทีละน้อย เพิ่มความมั่นใจทีละขั้นตอน จะทำให้ลูกมีความเชื่อมั่นในตนเองมากและจะจดจำขั้นตอนกระบวนการต่างๆได้ดี

           การสอนให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์เป็นเรื่องที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยสอนลูก เพราะอาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องของโรงเรียน แต่สิ่งที่เราเห็นในสังคมปัจจุบันก็คือเด็กนักเรียนมักทำข้อสอบคิดวิเคราะห์ไม่เป็น ที่บ้านเราถ้าเราทำผิดป๋าจะใช้การสอนก่อนลงโทษ จะถามว่าทำไมถึงทำ ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร การกระทำเช่นนี้ผิดหรือไม่ ทีหลังจะทำหรือไม่ จะให้ทำโทษเท่าไหร่ เป็นการสอนให้คิดเชิงวิเคราะห์ รู้จักรับผิดชอบ และใช้เหตุผล ลูกๆของป๋าจึงไม่มีใครวิ่งหนีหากจะถูกทำโทษ เพราะการทำโทษของป๋ามิได้เกิดจากความเกลียดชัง หลังการทำโทษไปแล้วป๋าก็ยังพูดคุยกับเราหรือตักกับข้าวให้เรา เป็นการบอกกลายๆว่าป๋ารักเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เด็กอย่างเรารู้สึกยอมรับความผิดที่ได้กระทำ ไม่รู้สึกโกรธเกลียดที่ถูกลงโทษ

            การประหยัดมัธยัสถ์เป็นเรื่องที่ป๋ากระทำมาโดยตลอด เราไม่ค่อยเห็นป๋าใช้จ่ายเงินสักเท่าไหร่ กินข้าวนอกบ้านน้อยมาก ส่วนใหญ่จะทานข้าวที่บ้านหรือหากอยากพักผ่อนก็ให้มะหุงข้าวเอากับข้าวไปกินที่ชายทะเล ไม่นิยมไปสั่งอาหารกินด้วยเหตุผลว่าฝีมือสู้มะไม่ได้ เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยซื้อใหม่เพราะของเก่ายังใช้ได้อยู่  ป๋าจะอดออมเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียน ให้ลูกได้เห็นสิ่งใหม่ๆเห็นโลกใหม่ ไม่รีรอที่จะควักกระเป๋าจ่ายเงินให้ลูกเป็นค่าเดินทางไปต่างประเทศ  ผมเป็นลูกที่โชคดีที่สุดที่ได้ไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมลูกเสือโลกที่ประเทศสิงคโปร์ หรือการเข้าค่ายเยาวชนที่โตซานโซ ประเทศญี่ปุ่น ป๋าสนับสนุนทันทีโดยไม่อิดเอื้อน เพราะอยากให้ลูกได้เห็นความก้าวหน้าของประเทศอื่นเพื่อให้มีความคิดอ่านที่ก้าวหน้า ซึ่งก็เป็นจริงที่ผมได้ไปเห็นสิ่งใหม่ๆที่เพื่อนรุ่นเดียวกันไม่เคยเห็น ทำให้ความคิดอ่านของเราก้าวหน้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญสำหรับบทเรียนเรื่องนี้ก็คือ ป๋าสอนให้เรารู้จักค่าของเงิน ให้เรารู้จักความรับผิดชอบก่อนที่จะได้เงินมา และเมื่อใช้จ่ายก็ให้รู้ว่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมหรือไม่ เราจึงถูกบังคับให้ทำบัญชีส่งให้ป๋าทุกเดือนเมื่อไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ

          ป๋าเป็นหนึ่งในด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย งานของป๋าประณีตทุกงาน การจัดเก็บเอกสารก็ดี การเขียนก็ดี ลายมือของป๋าสวยมาก การแต่งกายป๋าชอบเอาเสื้อไว้ในกางเกง ป๋าชอบให้พวกเราใส่เสื้อสีขาว ตอนเป็นเด็กเวลาพาผมไปกรุงเทพฯ มะจะตัดเสื้อแขนยาวสีขาวให้ผมใส่ ป๋าบอกว่าการใส่เสื้อสีขาวทำให้เราดูเรียบร้อยและเราต้องระมัดระวังตัวเองเพราะหากไม่ระวังเราจะสกปรกง่าย  ไม่รู้ว่าป๋าสอนปรัชญาในการทำงานให้กับผมหรือเปล่า แต่เมื่อผมโตขึ้นผมชอบใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ไปไหนมาไหนผมชอบเอาเสื้อใส่ในกางเกง แต่พอแก่ขึ้นผมใส่เสื้อสีเยอะขึ้นหลากสีเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน ฮา...แต่ในการทำงานผมนึกถึงที่ป๋าสอนการใส่เสื้อสีขาวและให้ระวังสกปรก ผมจึงพยายามรักษาความสะอาดของจิตใจอยู่ตลอดเวลา

          สิ่งหนึ่งที่ป๋าสอนเราโดยไม่รู้ตัวคือความเป็นผู้นำ เราเห็นป๋าชอบแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะอยู่บ่อยๆ เราเห็นป๋าไปร่วมประชุม เห็นป๋าพูดคุยกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เห็นป๋าเป็นผู้นำขององค์กรต่างๆ  เหล่านี้เป็นกระบวนการหล่อหลอมพวกเราให้มีศักยภาพ เรารับสิ่งเหล่านี้มาโดยไม่รู้ตัว เวลามีประชุมเราแสดงความคิดเห็น ลูกป๋าทุกคนจะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำบ่อยครั้ง ผมเป็นหัวหน้าชั้นและรองหัวหน้าชั้นตั้งแต่ชั้น ป.๕ จนจบ ม.ศ.๕ พอทำงานก็ยังได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรม,นายกสมาคมฯ หลายหน่วยงานอยากให้เราเข้าไปช่วยงาน จุมพลก็จะได้รับการยอมรับในการแสดงความคิดเห็นและทำในสิ่งที่ฉีกแนวเก่าๆ เช่น ทำเพลงชุดเพลินเพลงพังงา เพลงภูเก็ต เพลงภาษาถิ่นที่เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนกับภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดทางฝั่งอันดามัน ฝ่ายพี่นวลก็จะไปช่วยงานตามวัดวาอารามต่างๆไปช่วยเป็นเหรัญญิกบ้าง เพราะพี่นวลเป็นคนเก่งเรื่องการเงินและการจัดการเรื่องการเงินรวมทั้งหาเงินเก่ง  น้อยก็แสดงศักยภาพผู้นำตอนเกิดสึนามิจนได้รับการชมเชยจากผู้บังคับบัญชา  อ้อยก็ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นและเป็นเทศมนตรีเมืองพังงา  แต่สิ่งที่ป๋าสอนพวกเราตลอดเวลาก็คือต้องเป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรม ป๋าไม่ชอบคนเก่งที่โกงและไม่อยากให้ลูกป๋าเป็นคนแบบนั้นด้วย

          วิธีการสอนของป๋า ป๋าจะสอดแทรกหลักธรรมของพุทธศาสนาให้เราฟังเรื่อยๆ เช่น พอมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ป๋าก็จะบอกนี่..ตรงกับหลักพุทธศาสนาข้อนั้นข้อนี้...เวลาที่อยู่ห่างกันป๋าก็ยังสอนด้วยจดหมาย ทุกเดือนที่ป๋าทำไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นที่ส่งแต่ธนาณัติ แต่ของป๋าจะมีจดหมายมาด้วย ที่จำได้แม่นยำจดหมายฉบับหนึ่งของป๋าสอนให้ผมรู้จักอดทนแต่อย่าทนอด และได้เคยเขียนเรื่องนี้ไว้แล้วเมื่อตอนทำหนังสือให้ป๋าเป็นที่ระลึกครบ ๖๐ ปีของป๋า ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมา ๒๐ ปีแล้วที่เราไม่ได้จัดงานอะไรให้ป๋าอีก แต่ผมชวนพี่ๆน้องๆฉลอง ๖๐ ปีให้มะด้วยการทอดกฐินและเป็นการทอดกฐินสามัคคีเพื่อแม่ ใช้วิธีง่ายๆทำโรเนียวแจกเชิญคนรักแม่พาแม่ไปทำบุญทอดกฐินกัน คนมากันล้นหลามที่น่าภูมิใจมีคนพาแม่มาร่วมทำบุญกันเยอะ ซึ่งเป็นการประยุกต์คำสอนของป๋าให้มองช่องว่างการขาย  การทอดกฐินที่ใครๆเขาก็ทอดกฐินกันทุกปี แต่ผมมองว่าไม่เห็นมีใครทอดกฐินให้แม่เลย ถ้าเราเน้นทอดกฐินเพื่อแม่ก็น่าจะทำให้คนในครอบครัวเขาเพิ่มความรักให้แก่กันมากขึ้น ลองนึกถึงภาพลูกหลานพาแม่,ย่า,ยาย ไปร่วมทำบุญกันในวัดสิครับ จะเห็นภาพความสุขเหล่านั้นจริงไหมครับ....

          ป๋ารักครอบครัว เราไม่เคยเห็นป๋าเจ้าชู้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สร้างความรุนแรงในครอบครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เราได้บทเรียนบทนี้ว่าครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุข จะทำให้ลูกเติบโตอย่างอบอุ่น มีความคิดเชิงบวกต่อสังคมและมีครอบครัวที่ดี เรามีกันห้าคนพี่น้อง มีผมกับจุมพลที่เป็นผู้ชาย แต่เราสองคนก็ประพฤติอยู่ในศีลธรรมไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ไม่เจ้าชู้ ไม่เคยคิดอยากจะมีกิ๊ก มีเมียน้อย ให้ครอบครัวของเราต้องเดือดร้อนมีปัญหา  ป๋ากับมะไม่เคยทะเลาะให้ลูกๆเห็นเลย มีแต่ตอนสูงอายุนี่แหละที่ระหองระแหงกันบ้างไม่พอใจก็ไม่พูดกัน มะเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งไม่พูดกับป๋าเพราะไม่พอใจเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ป๋ากับมะต้องอยู่ที่บ้านกันเพียงสองคน เพราะน้อยกับอ้อยนอนที่ในตัวตลาดพังงา ผมกับพี่นวลอยู่ที่ภูเก็ต จุมพลอยู่กรุงเทพ  ป๋าคงจะเหงาพูดกับมะว่า นี่..ต่อไปเราสองคนอย่างโกรธพร้อมกันนะ ถ้าคนหนึ่งโกรธอีกคนต้องไม่โกรธ  มะบอกว่าตั้งแต่วันนั้นมาก็เลยไม่โกรธกันอีกเลย อิอิ....แต่ก็มีเรื่องให้ไม่พอใจอยู่เรื่อยเพราะวันไหนที่มะไม่ได้อยู่ที่บ้าน ป๋ามักจะตั้งกับข้าวบนเตาไฟแล้วลืมจนหม้อไหม้ประจำ จนมะต้องอยู่บ้านไปไหนไม่ได้ ฮา...

          ทุกปีป๋าจะจัดงานปีใหม่ให้ลูกน้องได้สนุกสนานกัน มีรางวัลให้ เป็นการสอนพวกเราให้รู้จักให้ความรัก ความห่วงใยและให้เกียรติลูกน้อง ป๋านั่งกินข้าวกับลูกน้องอย่างเสมอภาค พวกเราจะไปร่วมสนุกกับลูกน้องป๋าโดยไม่ถือตัว เราเรียกลูกน้องป๋าที่อาวุโสกว่าเราว่า พี่บ้าง น้าบ้าง เรายกมือไหว้ลูกน้องป๋า ไม่ว่าเขาจะทำหน้าที่อะไร เหมือนกับเนติ์และนิวลูกผมไหว้นักการของสำนักงานอัยการได้อย่างสนิทใจโดยไม่เคยถือตัวว่าเป็นลูกอัยการ เพราะเราให้เกียรติคน เคารพในความเป็นผู้มีวัยวุฒิสูงกว่า  ป๋าบอกว่าการเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนจะทำให้เราได้รับความรักความเมตตาจากผู้คนไปที่ไหนก็จะมีคนรัก พวกเราพิสูจน์แล้วว่าจริง

         จนถึงวันนี้ ป๋ายังคงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆหลานๆ ระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การทำประโยชน์ให้กับสังคม ไปช่วยไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทให้กับศาลจังหวัดพังงา การคิดทำแต่ความดี การที่เห็นลูกทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ ครอบครัวของลูกๆมีความสุขตามควรแก่อัตภาพ ทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตของป๋าดี มะเล่าให้ฟังว่าป๋านอนกลางวันอย่างมีความสุข พูดกับมะว่า “เรานี้มีบุญนะ...ลูกๆทุกคนล้วนได้ดิบได้ดี ไม่มีคนไหนเกเรเลยแม้แต่คนเดียว ไปไหนผู้คนก็ยกย่อง ไม่ต้องรวยทรัพย์สินเงินทองแต่รวยความสุขก็พอแล้ว” และเวลาเราเอาของขวัญไปให้ป๋ากับมะในโอกาสต่างๆ หรือเอาเงินใส่ซองตอนตรุษจีน ปีใหม่ หรือในโอกาสพิเศษ ป๋าจะพูดด้วยความภาคภูมิใจเสมอว่า “ธรรมชาติของต้นไม้ลูกไม้ไม่สามารถงอกได้ทุกเม็ด  แต่ลูกไม้ของป๋าพันธุ์ดี ป๋าภูมิใจที่ลูกไม้ของป๋าทั้งห้าเมล็ดงอกทุกต้น” มาถึงวันนี้ก็อยากบอกป๋ากับมะว่า พันธุ์ไม้ของป๋าก็ยังคงเป็นไม้พันธุ์ดี เพราะเนติ์กับนิวก็เติบโตอย่างสวยงาม แข็งแรง มีจิตใจที่ดีงาม มีความสามารถในการทำงานทุกคน โดยเฉพาะนิวช่างพูดเหมือนป๋า ส่วนเนติ์ก็เก่งในเชิงช่างแบบป๋าชอบเรียนรู้สิ่งใหม่แบบป๋า ทั้งสองคนมีอารมณ์ขันแบบมะ

          พวกเราเห็นป๋ากับมะมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย และที่สำคัญก็คือเรามีหน้าที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ของเรารุ่นต่อๆไปทุกเม็ดงอกอย่างแข็งแรง....

หมายเลขบันทึก: 410850เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2010 09:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

คู่รักวัยดึกของท่านอัยการฯ ยอดเยี่ยมจังค่ะ อ่านด้วยอิ่มเอมสุขใจ ขอบคุณค่ะ:)

                         

  • ทั้งน่าอ่านและงดงามจังเลยครับ
  • แรงบันดาลใจของการเขียนบันทึกก็งามครับ ชอบวิธีคิดนี้ครับ "......หนังสือกฎหมายของชาวบ้าน และกฎหมายในละคร ของผม เวลาป๋าจะแจกให้ใคร ผมเห็นประกายความสุขจากป๋า นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ได้สร้างความแช่มชื่นในหัวใจป๋า  เหมือนกับที่ป๋าภาคภูมิใจกับบทเพลงที่น้องจุมของพวกเรา หรือ “โกไข่”ของชาวบ้านได้ทำขึ้นด้วยความรักท้องถิ่นและซ่อนความรักของครอบครัวเราเอาไว้ในบทเพลงเหล่านั้น....."
  • เรื่องราวที่บันทึกและถ่ายทอดไว้ก็ให้การเรียนรู้สังคม บันทึกชีวิต และเป็น Auto-Ethnograph ที่ทำให้เห็นภาพของท้องถิ่นและความเคลื่อนไหวในสังคมโดยรอบได้อย่างดีผ่านการเล่าเรื่องบุคคล
  • อ่านเพลิน รู้สึกงดงาม และให้แง่คิดดีๆในทุกกรณีประสบการณ์เลยครับ

สวัสดีค่ะ

  • อ่านเพลิน เป็นบันทึกที่งดงามเหลือเกินค่ะ
  • ครูอิงเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้ แรงบันดาลใจในการเขียน บันทึก บันทึกที่ยาวที่สุด : สองมือพ่อ
  • วันพ่อปีนี้เป็นปีแรกค่ะท่าน ที่ครูอิงไม่มีพ่ออีกแล้ว เพราะพ่อจากไปเมื่อ 29 ตุลาคม 2553 นี้เอง ด้วยวัย 91 ปี
  • อ่านบันทึกนี้แล้ว คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ
  • ขอบพระคุณค่ะ  ท่านสบายดีนะคะ

ขอบคุณครับน้องปู

ยินดีที่น้องมีความสุขจากการบันทึกของพี่ อิอิ

ขอบพระคุณครับ อ.วิรัตน์

บันทึกที่กลั่นออกจากความรู้สึกของคนเป็นลูก บางครั้งเมื่อเราอ่านเองและนึกถึงความหลังแล้วรู้สึกสะเทือนอารมณ์น้ำตาคลอ นั่นแสดงว่าบันทึกนั้นเมื่อผู้ัอื่นมาอ่านย่อมได้รับอารมณ์และความรู้สึกของผู้เขียนไปด้วย

เพลงที่โกไข่แต่้งที่เขาซ่อนความรักไว้มีอยู่หลายเพลง เช่น คิดถึงอากง (แต่แกรมมี่ยังไม่นำเอาไปใช้) ที่เอาไปบันทึกเสียงใหม่จากอัลบั้มที่เราลงทุนทำกันเอง คือเพลง "ล้อมวงกินข้าว" ซึ่งเป็นความรู้สึกของโกไข่ที่นึกถึงตอนที่ลูกๆอย่างพวกเรา ๕ คนพี่น้อง กับลูกของอาอีก ๖ คนพี่น้องอยู่บ้านเดียวกัน เวลากินข้าวแม่จะเอาปลาทอดมาขยำกับข้าวใส่ซีอิ๊วในกาละมัง แล้วแจกช้อนพวกเราคนละคัน หันหน้าเข้ากาละมังผลัดกันตักข้าวเข้าปาก สนุกดีครับ

ขอบคุณครับครูอิง ผมสบายดีครับ

การได้ระลึกถึงพ่อแม่ตอนที่เราเป็นเด็ก มันเป็นความสุขของชีวิต

เสียใจด้วยนะครับเรื่องคุณพ่อ แต่ท่านก็อยู่กับครูอิงนานมากเหมือนกัน ท่านสบายแล้วเหลือแต่พวกเราที่ยังต้องดื้นรนกับชีวิตต่อไป

เดี๋ยวจะตามไปอ่านบันทึกครับ

หวังว่าครูอิงคงสบายดีเช่นกันนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท