สิ่งใดจะได้คะแนนระหว่างความถูกต้องกับความเข้าใจ


บางเรื่อง คนที่เป็นครูค่อนข้างตัดสินใจลำบากระหว่างความถูกต้องกับความเข้าใจ

          คนเรา เมื่ออยู่ในช่วงของความปลอดโปร่ง โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย ปลดเอาความรับผิดชอบออกไปจากตัวเองได้ ผมคิดว่า นั่นละคือ ความสุขที่แท้จริงของชีวิต ความสุขที่แท้จริงของผม เกิดขึ้นเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี่เอง หลังจากผมอำลาชีวิตราชการมา ตั้งแต่ ตุลาคม 2552

          ในระยะแรก ๆ ยอมรับว่าทำใจลำบาก เป็นห่วงงานที่คั่งค้างอยู่ กลัวจะไม่มีใครสานต่อ แต่ในที่สุดก็คิดแต่เพียงว่า ในระหว่างที่ทำงาน เราทำเต็มที่แล้ว คนอื่นต้องทำต่อจากเราได้แน่นอน  ความกังวลต่าง ๆ ก็หายไป หันไปเรื่องเที่ยว ตรงใหนไม่เคยไปก็ไป สนุกดี

          ตอนนี้เบื่อเรื่องเที่ยว เวลาว่าง มักจะคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ อย่างเช่นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผมไปเป็นวิทยากร บรรยายให้ครู ศรช. ที่เข้ารับการอบรมเรื่องเทคนิคการสอน ผมเล่าให้ฟังว่า ครูคนหนึ่งสอนเด็ก ป. 4 วิชาวิทยาศาสตร์ และถามเด็กว่า ทำไมคนที่นั่งรถ เวลารถเข้าโค้ง ต้องเอียงตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับความโค้งของถนน เด็กตอบว่า เป็นเพราะแรงโนมทวง ถ้าผู้เข้ารับการอบรมเป็นครูผู้สอน จะให้คะแนนเด็กหรือไม่ 

          เท่านั้นละ คำตอบค่อนข้างวุ่นวาย แต่พอสรุปได้ว่า กลุ่มค่อนข้างใหญ่เห็นว่าไม่ควรได้คะแนน เพราะคำตอบไม่สื่อความหมายว่าหมายถึงอะไร แต่ก็มีกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ สิบกว่าคน เห็นว่า ควรได้รับคะแนน เพราะเด็กพยายามจะตอบว่า เพราะแรงโน้มถ่วง แต่เขียนไม่ถูก แสดงว่าเด็กเข้าใจ และเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ถ้าเป็นวิชาภาษาไทย ไม่ควรให้คะแนน

          คำถามนี้เกิดขึ้น 10 กว่าปีมาแล้ว ผมจำได้ว่าไม่ฟันธง ว่าคำตอบของใครถูก เพราะเป็นเรื่องของมุมมองระหว่างความถูกต้อง กับความเข้าใจ ที่นำมาเล่าให้รับรู้ เพราะอยากได้คำตอบจากชาว G2K ว่า ถ้าคุณเป็นครู คุณจะให้คะแนนเด็กหรือไม่? 

หมายเลขบันทึก: 410648เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2010 12:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:14 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ

ถ้าเป็นครูคิมให้คะแนนค่ะ  ก่อนที่จะให้คะแนนต้องให้เขาตอบเป็นภาษาพูดก่อน  เขาก็จะตอบว่า "แรงโน้มถ่วง"

เอาโจทย์ "แรงโน้มทวง" มาเป็นเครื่องมือสอยเขาใหม่ว่า "คำที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยคืออย่างไร"  อันนี้ขึ้นกับวิธีการและกระบวนการสอนของครูว่าจะให้ความรู้แก่เด็กยั่งยืนอย่างไร

เพียงแค่เป็นยครูที่ขี้เกียจก็บอกเด็กไปเลยว่า...แบบนี้ถูกนะ "แรงโน้มถ่วง"  ก็แล้วไป  ก็ยังดีกว่าไม่ให้คะแนนหรือตัดคะแนน

สำหรับวิชาภาษาไทย  ต้องมีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวบ่งชี้มาวิเคราะห์ว่า...เราวัดอะไรจากเด็ก(คนนี้)

วันนั้นครูหยุย  บอกในงานมหกรรม KM ว่า "ให้ความสนใจอ่านเรื่องราว ความเป็นมา และติดตามงานของ กศน.เป็นพิเศษค่ะ

ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย meepole ได้ชื่อว่าเป็นครูขี้เหนียวคะแนน คนหนึ่ง แต่จะว่าด้วยเหตุ ปัจจัย กรณีนี้เด็ก (ป. 4) "เข้าใจถูกต้อง" แต่ภาษาไทยอ่อนแอ ดังนั้น meepole เป็นครูวิทยาศาสตร์จึงให้คะแนน และค่อยสอนภาษาไทยเพิ่มเติม

สอนเด็กปริญญาตรีมาหลายรุ่น ตอบข้อสอบข้อเขียนด้วยภาษาไทยที่ครูต้องแปลไทยเป็นไทยเองมากมาย เช่น กานเวลา นาลิกา และลองอ่านประโยคนี้ที่เด็กตอบคำถามคือ ."จะทดสอบง่ายๆอย่างไรว่าเป็นเบาหวาน" เด็กตอบว่า "เยี่ยวใส่พกแล้วเอาไปวางใต้ต้นไม้ให้มดอุด" แล้วจะให้คะแนนไหมคะ ???

สวัสดีครับป้าคิม (เรียกยายคิมจะแก่ไป)

ผมทำอะไรเรื่อยเปื่อย ว่างเว้นจากการเขียนบล็อกไปนาน แต่ยังระลึกถึงพวกเราอยู่ ผมเห็นด้วยนะว่าควรให้คะแนนเด็กในฐานะที่เข้าใจ เพียงแต่เขาเขียนไม่ค่อยถูกเท่านั้นเอง คนเป็นครูต้องเข้าใจความหมายที่เด็กเขียนมา ว่าหมายถึงอะไร คำว่าโนมทวงถ้าครูเดาไม่ได้ว่าหมายความว่า โน้มถ่วง ครูคนนั้นควรไปผูกคอตายที่ใหนก็ได้นะ ระลึกถึงกันอยู่เสมอครับ

สวัสดีครับคุณ mee pole

ขอบพระคุณครับ ที่ให้คะแนนเด็ก เพราะรู้ว่าเด็กเข้าใจแต่เขียนไปถูกเพราะอ่อนภาษาไทย ในกรณีของเบาหวาน ถ้าผมเป็นครู ผมให้คะแนนแน่นอนครับ เพราะเด็กรู้ว่าเบาหวานคืออะไร และอธิบายได้ ตามความเข้าใจของเขา ซึ่งค่อนข้างถูกต้องนะครับ ขอบพระคุณอย่างสูงที่เข้ามาให้กำลังใจกัน

สวัสดีค่ะ

ยังค่ะ  ยังไม่ผูกคอตายหรอก  ไปเออร์ลี่แบบยายคิมค่ะ  คนเราอย่าหลอกตัวเองนะคะ  เพื่อนรุ่นเดียวกันเขาได้เป็ยยายเป็นย่าแล้วค่ะ

จะมาว่าครูก็ไม่ได้  เพราะไม่ได้ทำหน้าที่แล้ว  อายตัวเองค่ะ

เรียนคุณยายคิม (ยายก็ยายครับ)

จ้า ผมเข้าใจแล้วว่าไม่ได้ทำหน้าที่ครูเลย ไม่อยากให้ใครเรียกว่า ครูคิม การเรียกตัวเองว่ายาย ก็ดีไปอย่าง เพราะแลดูอาวุโสดี แต่เกรงว่าตาที่บ้านจะไม่ค่อยชอบนะซิ

สวัสดีค่ะ

ไร้อาณาจักรค่ะ ไร้สังกัดอีกต่างหาก  สบายบรื๋อ 

ไม่ติดเรื่องอะไร ๆ ไม่มีการงานทำก็รู้สึกดีไปอย่าง แม้ว่าครูที่โรงเรียนแวะเวียนมาถาม มาคุยก็ได้ทดสอบตัวเองแล้วค่ะว่าไม่ติดใจอะไรเลย

กำลังชวนเพื่อนไปหาสนามทำวิจัยสักเรื่องค่ะ  เพราะอยากจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ มมหาวิทยาลัยให้อะไรเรามา ดูเหมือนยังไม่ถูกนำไปใช้ตอบแทนบุญคุณค่ะ

ขอขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณยายคิม

ดีครับ ผมเห็นด้วยกับการทำวิจัย เพราะเป็นประโยชน์ได้จริง ๆ แต่ในมุมมองของผม ผมคิดว่าน่าจะทำวิจัยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของคนในชุมชน เช่นมองว่า ทำอย่างไรโรงเรียนจะสร้างประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่คนในชุมชนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตตนเองได้ หรือเรื่องอะไรทำนองนี้นะครับ ถ้าลงมือเมื่อไร ส่งข่าวด้วย เผื่อผมมีมุมมองที่แปลก ๆ อาจจะช่วยเสนอแนะได้บ้าง ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ

ท่าน ผอ.มาพอดี  ตอนนี้มีความสนใจกระบวนการสร้างแหล่งเรียนรู้ขององค์กรอื่น ที่ส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมกับโรงเรียนและชุมชนค่ะ  จะไปรอดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ  กำลังเล็งสนามอยู่ ๒ จังหวัด

สวัสดีครับคุณยายคิม ดีที่สุดเลยครับ การเรียนรู้ของคนไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะแต่ ในรั้วโรงเรียน ที่ใหนก็เรียนได้ ในความหมายของผมแหล่งเรียนรู้ หมายถึงที่ใดก็ได้ในชุมชนที่มีความเหมาะสม เป็นสถานที่คนมาพบปะกัน และสิ่งสำคัญของการเป็นแหล่งเรียนรู้ ก็คือ ต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ส่วนจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องอะไรสุดแต่เขา เพราะทุกอย่างก็คือองค์ความรู้ การทำมาหากิน เทคโนโลยี กฏหมายชาวบ้าน แม้นกระทั่งการเลี้ยงหมา เลี้ยงแมว และต้องไม่ลืมนำเอาตัวช่วยไปไว้ที่แหล่งเรียนรู้ด้วยผมหมายถึงหนังสือและควรเป็นหนังสือทุกประเภท เพื่อให้ชาวบ้านค้นหาความรู้ได้ด้วยตนเอง อ่านมาก ฉลาดมากครับ ถ้าคุณยายจะทำจริง มีอะไรจะให้ผมช่วยกรุณาบอกเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท