คณะทำงานที่แต่งตั้งโดย สพฐ. ประชุมเตรียมความพร้อม 24 พ.ย.53
พิธีเปิด โดย ผอ.สพม.30 วันที่ 25 พ.ย.53
สนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ เช้า 25 พ.ย.53
สนทนากลุ่มครูผู้สอนวิทย์-คณิต ม.ปลาย บ่าย 25 พ.ย.53
สนทนากลุ่มนักเรียนชั้น ม.ปลาย เช้า 26 พ.ย.53
ทีมงานวิจัยกับตัวแทนนักเรียนหลังปิดการสนทนา
ตามมาชม กิจกรรมของอาจารย์ครับ เอาถั่ว มาฝากด้วย ครับ
การพัฒนาเริ่มต้นจากตัวเองก่อน แล้วก็รวมกลุ่ม สร้างแนวร่วม สร้างอำนาจต่อรอง พัฒนาการเกษตรชุมชน
ปีนี้น้ำน้อย ...ราชการขอให้ชาวนางดทำนา (แป๊ว แล้วไงต่ออะ รายได้หายไปหนึ่งรอบ หรือจะดันทุรัง ทำ สุดท้าย ข้าวแล้งตาย แย่งน้ำกันทำนา ฆ่ากันตายอีก ...)
ทำไม การปลูกถั่วขาย+ บำรุงดิน เป็นความคิดที่ต้องหาพวก
เพราะการปลูกน้อย เเปลงของตัวเอง ถึงเวลาดูแลจัดการยาก
(อ้าวเเปลงข้างๆ ทำนา น้ำซึมเข้ามา ) การเก็บเกียว ก็จะไม่มีพวก
หรือตอนขาย ไม่มีจำนวนต่อรอง กับ ตลาดผู้รับซื้อ เป็นเบี้ยหัวแตกไปครับ
สมมติ รวบรวมสมาชิก ที่มีความบ้า พอๆกัน
ในพื้นที่ 2 ตร.กม. ( 1 ตร.กม-=625 ไร่)
ให้ได้ซัก 20 คน คนละ 50 ไร่ ก็จะมีพื้นที่รวมกัน =1,000 ไร่
ผลผลิตถั่วเหลือง เฉลี่ยไร่ละ 250 โล โลละ 20 บาท
ตอนเก็บเกี่ยว ก็เรียกรถเกี่ยวมาได้ (หลายคนคิดว่าปลูกแล้วเก็บยาก)
หรือจะออกรถเกี่ยวถั่วมาใช้ในกลุ่มก็ยังได้
กลุ่มก็จะมีเงินจากการขายผลผลิตรวมกัน = 5,000,000 บาท
หักค่าใช้จ่าย ไปประมาณ ครึ่งนึงเหลือ 2,500,000 บาท
หารเฉลี่ย มีรายได้ นอกฤดูกาลปลูกข้าว 2,500 บาท /ไร่ ได้ปุ๋ยเพิ่มด้วยครับ
ดีกว่าปลูกข้าวแข่งกัน ให้โรงสีกดราคา ครับ
หากมีการรวมกลุ่ม ใช้ปัจจัยการผลิตร่วมกัน = Share Cost + เพิ่มอำนาจต่อรองได้ ครับ
หยุดให้ นายทุน "ทุบ" เกษตรกร เป็นเบี้ยหัวแตก กันเถอะครับ
ปล.ข้อสังเกตุ ทำไม
ขนม ของฝากจากญี่ปุ่น ส่วนมากเป็น
1.เเป้งห่อถั่ว
2.ถั่วห่อเเป้ง
ฝากอาจารย์.ด้วยครับ