จริงหรือที่บอกว่าพุทธกับพรามณ์แยกกันไม่ออก คุณคิดว่าไงบอกหน่อยสิ ผมไม่แน่ใจว่าคนพูดแบบนี้พูดในแง่ใด จงใจเจตนาที่จะสื่อถึงอะไร ในโลกนี้มีอะไรที่เป็นเส้นผมบังภูเขาอยู่มากหลาย แม้แต่ท่านผู้รู้ยังต้องยกให้ดังคำกล่าวที่ว่า "สิบมือยังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" ผมได้ยินคำอย่างนี้มานานแต่วันนี้อยากมาบ่นให้อ่าน
ผมอาจจะเปรียบอะไรไม่แจ่มแจ้งเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ แต่ก็พอจะอุปมาให้ฟังได้ลางๆว่า คุณคิดอย่างใดถ้ามีคนกล่าวว่า ของที่คุณถืออยู่ในมือก็เหมือน(เป็น)ของคนอื่นแยกกันไม่ออก สมบัติของคุณก็เหมือนสมบัติของผม หรือแม้แต่คู่นอนของเราก็เหมือนคู่ของเขา นั่นนะสินะไม่รู้ว่าคนพูดหมายถึงอะไร คำว่าเหมือนกันแยกกันไม่ออก มันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง
อย่างแรกเท่าที่คิดออกก็คือ เป็นของเหมือนกัน เงินเหมือนกันมีค่าเท่ากันฯ อีกอย่างก็คือเหมือนกันเงินคุณก็เหมือนเงินผม ผมสามารถเอามาใช้เพราะมันเป็นอันเดียวกันแยกกันไม่ได้
ผมเชื่อว่าท่านที่เป็นพราหมณ์ก็คงไม่ดีใจเท่าใดนักถ้ามีคนบอกว่าคำภีร์พระเวททั้งสามก็ดีหรืออื่นๆก็เป็นของพุทธ หรือท่านที่เป็นพุทธแท้ก็ไม่ดีใจเท่าใดนักถ้าบอกว่าพระไตรปิฎกเป็นของพราหมณ์
คำสอนของศาสนาต่างๆมีอยู่โดยเอกเทศ คือของใครของมัน ไม่ควรที่จะพูดเหมือนเป็นของมั่วกัน เพราะศาสดาก็เป็นคนละคน คำภีร์หรือคำสอนก็มีอยู่เฉพาะ หรือแม้แต่คนที่เป็นศาสนิกนับถือ ก็ยังมีสัญลักษณ์มีชื่อคนละอย่าง และถ้าเหมือนกันจริงก็คงพูดได้แค่คำว่า "เข้ากันได้" โดยอธิบายให้ชัดเจนว่าเข้ากันได้หรือเหมือนกันอย่างไร
ทำไมต้องเขียนเรื่องอย่างนี้ เพราะว่าทุกวันนี้คนมากหลายมักเชื่อว่าเป็นเช่นนี้จริงดังคำโฆษณา ดังจะสังเกตุเห็นได้ว่าในพิธีกรรมหลายอย่างอันเป็นมนต์ขลัง ปลุกเสก เลขยันต์ต่างๆคนหลายคนจะเข้าใจว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งที่บางคนยังไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกอันเป็นหลักคำสอนเลย หรือแม้แต่ยังไม่ได้อ่านคำภีร์พระเวทเลย
ผมจะไม่ติเตียนประเพณีต่างๆว่าดีหรือไม่ดี แต่ที่เขียนก็แค่อยากให้รู้แยกแยะและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าอันใด อันใด ใครสอนอย่างใด พระพุทธเจ้าสอนอย่างใด พระเจ้าสอนอย่างใด พราหมณ์สอนอย่างใดฯ และเมื่อรู้เข้าใจอย่างแจ้งชัดก็ขอให้ปฏิบัติตามคำสอนตามศาสนานั้นแค่นี้ก็คงพอ
โลกก็คงอลเวงเอียงกะเท่เล่ ปล่อยให้เส้นขนบังภูเขาต่อไปถ้าหากว่าคนที่นับถือศาสนาไม่รู้จักแยกแยะว่าศาสดาของตนสอนอย่างใด
ผมไม่เคยแคบเลยสักครั้งหากจะมีผู้รวบรวมศาสนาทั้งหลายเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อง่ายต่อความสมานสามัคคี เพราะผมเคยเขียนสนับสนุนแนวความคิดนี้ แต่ความเป็นจริงมีคนมากมายพยามรวบรวมมาแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เชื่อไหมไม่มีใครสามารถรวบรวมศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวได้ จะบอกว่าแม้แต่พระพุทธองค์ที่ผมเคารพศรัทธาก็ตาม
เพราะอะไรนะหรือ ตอบง่ายๆว่ามันคนละสมองความคิด ที่สำคัญไม่ใช่หัวใจดวงเดียวกัน ศาสนาจะเป็นอันเดียวกันหรือไม่ก็ตาม คนและโลกนี้ก็จะวุ่นวายแบบนี้ตราบนานเท่านาน ยกเว้นคนทั้งหลายจะหลุดพ้นด้วยกันทั้งหมด
ขออภัยท่านผู้อ่านทั้งหลายหากว่าข้อคำเขียนอาจกระทบใจของท่านบ้างเบาๆ คิดเสียว่าเป็นยาขมขนานเอกก็แล้วกัน เจตนาก็ไม่ได้นอกแนวนะครับ การฝึกสอนม้ามีหลายแบบฉันใดพระก็มีหน้าที่นำคำฯ มาสอนหลายอย่างฉันนั้น หากท่านจะแสดงความเห็นก็ไม่ต้องเกรงใจคิดเสียว่าเป็นการหยิบเส้นผมในตาของอาตมาก็แล้วกัน ภูเขาสวยนะครับแต่อาจจะมองได้หลายมุม
กราบนมัสการขอรับ
การที่คนเขากล่าวว่า ศาสนาพุทธในประเทศไทยเป็นองค์รวมของ พรามณ์ พุทธ ผี
ก็เพราะว่่า แต่เดิมความเชื่อของสุวรรณภูมิทั้งหมดนับถือผี วัฒนธรรมผีนั้นยอมรับว่า
เป็นอารยธรรมแรก ๆ ของมนุษย์ทุกชนเผ่าไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือเอเซียก็ตาม
เมื่อแต่เดิมนับถือผี ต่อมาทางราชสำนักก็ำำนำเอาพิธีกรรมที่เป็นการเซ่นสรวงยกยอเทวดา
มาจากพรามหณ์ฮินดู ดูจากพิธีกรรมในราชสำนักที่ตกทอดมาัยังทุกวันนี้ยังมีพรามหมณ์
ทำหน้าที่ อิทธิพลเหล่านี้ตกทอดไปยังชาวบ้านด้วย พุทธศาสนาแบบเถรวาทถือว่ามาหลังสุด
การที่มาหลังสุดใช่ว่าจะได้รับการยอมรับเลยทีเดียว ก็เิกิดการปรับตัวและผสมผสานเพื่อให้
แนวคิดของพุทธศาสนาอยู่รอด และใช้ได้ที่เดียวการที่พุทธศาสนายั่งยืนในประเทศไทย
ไม่ใช่เพราะเป็นศาสนาแบบปรัชญา แต่เป็นพุทธศาสนาแบบชาวบ้าน ที่ผสมกลมกลืนกัน
ผีบรรพบุรุษ และผีต่าง ๆ ที่เป็นอำนาจพื้นบ้าน และเรื่องราวเล่าของผีที่มักจะแพ้ทางกับพระเสมอ
นั้นแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างสิ่งใหม่กับสิ่งเก่า และแสดงออกมาทางพิธีกรรม ตำนาน
หากคนไทยรับพุทธศาสนาแบบปรัชญา โดยไม่ผสมผสานกับความคิดความเชื่อเดิมก็คงถูกต่อต้าน
และสูญหายไปตั้งนานแล้วขอรับ
ขอบคุณท่าน ผ.อ. ดีครับความเห็นที่หลากหลาย อาตมาไม่แปลกใจนะที่บางทีความเห็นของแต่ละท่านอาจไม่คล้ายกัน มันเป็นแง่มุมมองของแต่ละท่าน ซึ่งเป็นบทเขียนหนึ่งข้างบนว่า "คนเราต่างความคิด ต่างจิตใจ" กระนั้นก็ดีสังคมยังต้องมีบรรทัด ในการอยู่ร่วมกันเพื่อความหลุดพ้น รู้แจ้งชัด รู้ดีรู้ชั่ว และรู้จักแยกแยะ นีคือสิ่งที่เรียกว่าปัญญาอันเป็นของวิเศษของมนุษย์ที่มีอยู่เหนือสัพสัตว์ทั่วไป ปัญญาอันเป็นเลิศกว่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งอื่น
ในคำสอนของเถรวาทก็ไม่ได้ถึงกับห้ามเด็ดขาดในการเชื่อถืออันต่างไปจากพุทธศาสนา ถ้าสิ่งนั้นเป็นความดีงาม เป็นประโยชน์ แม้แต่ครั้งยังพระชนม์ชีพอยู่ก็มิได้ห้ามเรื่องความเชื่อ ลัทธิ ประเพณี แม้แต่ศาสนาพราหมณ์ซึ่งในสมัยนั้นเป็นคู่กัน ก็ไม่มีคำห้ามไม่ให้นับถือ แต่ทรงชี้ให้เข้าใจถึงประโยชน์และมิใช่ประโยชน์แห่งคำสอนนั้นๆ ทรงชี้ถึงเหตุแห่งคำสอนต่างๆนั้นด้วย เพื่อความรู้แจ้งแห่งคำสอนที่บุคคลนั้นๆนับถืออยู่ อาตมาคิดว่าเท่านี้นะฯฯฯ