พ่อแม่ สมัยก่อนเลี้ยงลูก 10 คนได้ แต่ปัจจุบันลูก 10 คน เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้


เรื่องนี้คุณว่าสะท้อนอะไร

...เรื่องนี้คุณว่าสะท้อนอะไร...

"พ่อแม่ สมัยก่อนเลี้ยงลูก 10 คนได้
แต่ปัจจุบันลูก 10 คน เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้"

ในอดีตเป็นตามที่ผู้ใหญ่ว่ากัน ตั้งใจเรียนนะลูก โตขึ้นจะได้งานดี ๆ เงินเดือนดี ๆ”
ได้งานดี เงินเดือนสูง ค่าครองชีพต่ำ สามารถซื้อบ้าน รถ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

สามารถส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ในยามแก่เฒ่าได้

แต่ปัจจุบันล่ะ กว่าจะเรียนจบ หมดเงินพ่อแม่เป็นล้าน ๆ !!
จะมีบ้านสักหลัง ไม่เป็นไร แถวรังสิตคลอง 13-14 โน่น ผ่อนที 25-30 ปี
บางคนตายแล้วลูกยังต้องผ่อนต่อเลย!!
โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว  ทำให้หลายคนมองโอกาสที่แตกต่าง
แล้วคุณล่ะมองหาโอกาสอยู่หรือเปล่า

 

ข้อความดังกล่าวผมได้คัดลอกมาจาก e-mail ที่ส่งเข้ามาถึงผม เป็น e-mail โฆษณาที่ชักชวนให้คนทำธุรกิจด้วยตัวเอง เพื่อให้เลิกเป็นลูกจ้าง หรือถ้ายังคงเป็นลูกจ้างก็ให้หาเงินเพิ่มโดยใช้เวลาว่างแค่วันละ 1-2 ชั่วโมงเพื่อมีรายได้เพิ่มตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท

 

ล้วนเป็นการโฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้น วันๆผมจะได้รับ e-mail คล้ายๆกันนี้วันละไม่ต่ำกว่า 10 – 15 e-mail

 

เจ้าของธุรกิจส่วนมาก มองทรัพยากรมนุษย์เป็นค่าใช้จ่าย จึงกำหนดจำนวนพนักงานและอัตราจ้างตามการขึ้นลงของธุรกิจ เมื่อธุรกิจตกก็ต้องลดต้นทุนการบริหารโดยการลดจำนวนพนักงานหรือลดเงินเดือน ทำให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายขาดความมั่นคง และมีรายได้ไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย

 

ธุรกิจขายตรงจึงเกิดขึ้น เมื่อก่อนมีไม่กี่แห่งแต่เดี๋ยวนี้มีเป็นจำนวนมาก ระบบขายตรงจะเป็นระบบที่ลอกกันมาจากต่างประเทศ ระบบนี้จะมีการทำสื่อโฆษณาไม่ว่าจะเป็นแผ่นปลิว หรือสื่อที่ส่งเข้าไปตาม e-mail เพื่อชักจูงให้คนเกิดความสนใจโดยยิงเข้าตรงกลางปัญหาของมนุษย์กินเงินเดือน หรือผู้ที่ไม่มีงานทำ สื่อโฆษณานี้จะชี้ให้เห็นว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ง่าย ไม่ต้องมีความรู้อะไร เขามีระบบที่ดี มีการช่วยอบรมและสอนงานให้ ข้อสำคัญที่สุดทำงานที่บ้านก็ได้ใช้เวลาวันละไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ผลตอบแทนเป็นเงินหลักหมื่น

 

เมื่อเราติดต่อกลับไปก็จะมีการนัดสัมภาษณ์ หรือบางรายเรียกว่าคัดเลือก แต่ในที่สุดทุกคนก็จะผ่านการคัดเลือกและได้รับการชักชวนและเร่งรัดให้ตัดสินใจเข้าร่วมทีม แน่นอนต้องเสียเงินเพื่อซื้อสินค้ามาใช้เองก่อน  ต้องเข้ารับการอบรม  ต้องเสียเงินเข้าร่วมกิจการรมต่างๆที่จะมีมา

ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นจะเชิญคนเก่าๆที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วออกมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง จะมีบุคคลหลายประเภท ทั้งผู้ที่มีการศึกษาต่ำ ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญา ตรี และ ปริญญาโท ผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจ      ผู้ที่เป็นนักบริหาร ข้าราชการ และอาชีพอื่นๆ เกือบจะทุกอาชีพ รวมถึงแม่บ้าน และนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่

 

 ทุกคนจะเล่าประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปแต่ที่เหมือนกันคือเมื่อเข้าร่วมทีมแล้วจะมีเงินรายได้ในแต่ละเดือนเป็นตัวเลขหลัก หมื่น หลักแสน และหลักล้าน ผู้เข้าร่วมทีมจะมีการแบ่งเป็นหลายระดับ ระดับสูงก็จะมีรายได้จากหลายทาง จนทำให้มีรายได้รวมสูงขึ้นตามลำดับขั้น ผู้ที่ได้ฟังส่วนมากจะคล้อยตาม และเกิดความหวังว่าตัวเองสามารถทำได้ ผู้ที่ยังมีงานประจำทำอยู่ก็อาจจะสมัครเข้าทีมแบบ Part Time ไปก่อน ถ้าดีแล้วค่อยลาออกจากงานประจำ สำหรับผู้ที่ไม่มีงานทำก็อาจจะเชื่อไปวิ่งหาเงินทองมาเพื่อนำมาซื้อสินค้าให้ได้ตามจำนวนที่ผู้ปรึกษาแนะนำ เพื่อสามารถเข้าอยู่ในระดับสูงที่จะมีรายได้เข้ามาหลายทาง

 

ธุรกิจที่จ่ายเงินเดือนประจำเลือกรับพนักงานที่จบการศึกษาสูงๆ ไม่ค่อยให้โอกาสกับผู้จบการศึกษาต่ำ แต่ธุรกิจขายตรงให้โอกาสกับผู้ที่ไม่จบการศึกษาระดับสูงๆ และแสดงตัวอย่างมากมายว่าสามารถทำรายได้มากกว่าคนจบการศึกษาสูงๆที่กินเงินเดือนประจำ

 

ผมไม่แน่ใจครับว่าธุรกิจประเภทนี้เป็นธุรกิจที่ให้โอกาสกับประชาชนที่ด้อยโอกาสและได้รับความเป็นธรรมน้อยจากสังคมทุนนิยมที่ปกครองประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน  หรือ เป็นธุรกิจที่เอาเปรียบประชาชนมากกว่าธุรกิจระบบนายจ้างลูกจ้าง

 

ธุรกิจที่มีเงินเดือนประจำให้ลูกจ้าง อย่างน้อยๆเจ้าของธุรกิจก็ยังลงทุนให้กับพนักงานบ้างไม่มากก็น้อย แต่ธุรกิจขายตรงนี้เป็นธุรกิจที่ไม่มีลูกจ้าง เป็นธุรกิจที่ประชาชนที่เข้ามาร่วมธุรกิจต้องลงทุนในการซื้อสินค้าที่เขาผลิตมาเพื่อทดลองใช้เองและนำไปขายตรงให้กับคนที่รู้จักและสร้างเครือข่ายเพื่อเพิ่มสมาชิกใหม่ทำให้ยอดขายสินค้าสูงขึ้นเพื่อได้รับค่าตอบแทนจากยอดขายสินค้าของเครือข่ายที่สร้างขึ้นมา

 

ผมได้เข้าไปศึกษากลไกในระบบขายตรง พบว่าเขามีวิธีการปลุกระดมเพื่อให้เกิด ความกล้าและการทุ่มเทในการทำงานเป็นอย่างมาก ทุกคนต้องบริหารตัวเอง  ผิดกับธุรกิจทั่วๆไปที่พนักงานส่วนมากขาดความกระตือรือร้น และไม่ทุ่มเท ให้กับงานเท่าที่ควรจะเป็น 

 

ผมยอมรับครับว่าธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจหนึ่งที่ให้โอกาสกับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจส่วนตัว มีโอกาสทำธุรกิจของตัวเองโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก ส่วนรายได้จากการทำธุรกิจจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวเองและเครือข่าย     แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการชักชวนให้ผู้ที่เขาทำงานกินเงินเดือนประจำ  มาทำงาน Part Time ในงานขายตรงนี้ ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาในธุรกิจขายตรงจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และดำเนินธุรกิจมากไม่น้อยอย่างที่โฆษณาเพื่อทำให้ได้ผลตอบแทนสูง เมื่อมีผลตอบแทนเป็นแรงจูงใจ ก็จะละเลยและเอาใจใส่ในงานประจำน้อยลง แถมบางท่านเอาเวลาของงานประจำไปใช้ในการทำธุรกิจ Part Time ทำให้การจ้างงานในระบบเงินเดือนประจำเกิดปัญหา

 

 ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๑๙ มิย ๔๙

 

หมายเลขบันทึก: 409398เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2010 22:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 18:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท