ต่อยอดจาก http://gotoknow.org/blog/otpop/404448 พร้อมประสบการณ์จากการเป็นวิทยากรให้ทีมสหวิชาชีพสถาบันจิตเวชศาสตร์ รพ. สมเด็จเจ้าพระยา กับการสอนปฏิบัติการนักศึกษากิจกรรมบำบัด ม.มหิดล ในอาทิตย์ที่ผ่านมา
แม้ว่าผมจะได้ฝึกทักษะการจัดกลุ่มกิจกรรมบำบัดแบบพลวัติมาหลายปี ในฐานะนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคมคนแรกและคนเดียวที่ศึกษาทาง Master of Clinical Science (Mental Health) จากออสเตรเลีย ก่อนที่จะจบ ดร. ทางกิจกรรมบำบัดเชี่ยวชาญการวิจัยพัฒนากระบวนการจัดการความล้าและการใช้เวลาว่างหลังโรคเรื้อรัง
แต่เมื่อค้นคว้าเนื้อหาเพื่อถ่ายทอดทีมสหวิชาชีพทางสุขภาพจิต ที่มีประสบการณ์การจัดกลุ่มกิจกรรมให้ผู้ป่วยโรคจิตเภทเรื้อรัง และเพื่อสอนนักศึกษากิจกรรมบำบัด ม.มหิดล รุ่นแรก ที่เรียนรู้หลักการกิจกรรมบำบัดและการฝึกกิจกรรมการรักษามาหนึ่งเทอมแล้วนั้น
ผมพบความท้าทายและความเข้าใจแล้วว่า "การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงแนวทางและการประยุกต์กิจกรรมบำบัดแบบกลุ่มพลวัตินั้นไม่ง่ายอย่างที่ผมคิด...ผมจึงปรับความคาดหวังให้ยืดหยุ่นและพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเห็นความสำคัญและเข้าใจโดยการสังเกต "พลังชีวิตที่สร้างได้จากการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตแบบกลุ่มพลวัติ" ทำให้ผมได้คิดสร้างแบบสังเกตและประเมินพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่มในหลายบทบาท ได้แก่ ผู้นำกลุ่ม ผู้ช่วยนำกลุ่ม ผู้เข้าร่วมกลุ่ม และผู้กระตุ้นพลังกลุ่ม/กระบวนกร และคาดว่าจะวิเคราะห์ข้อมูลเชิงวิจัยทางคลินิกต่อไป
เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การฝึกจัดกลุ่มกิจกรรมทั่วไป ไม่มีการขับเคลื่อนสู่พลวัติของกลุ่มที่มีพลังชีวิตในสถาบันข้างต้น เพราะ การจัดกลุ่มแยกกันทำเฉพาะวิชาชีพหนึ่ง ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบทีมสหวิชาชีพในการวางแผนจัดกลุ่มกิจกรรมแบบพลวัติร่วมกัน และการจัดกลุ่มมุ่งเน้นขั้นตอนและรายละเอียดของกิจกรรม (Activity) มากเกินไป ซึ่งมี/ไม่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่มีกระบวนการรับรู้และคิดเข้าใจระหว่างผู้บำบัดและผู้มีส่วนร่วมในกลุ่ม ตลอดจนไม่มีการปรับระดับความสุขความสามารถทางจิตสังคมในแต่ละครั้งของการจัดกลุ่มกิจกรรม ทำให้มีความซ้ำซากของกิจกรรมและไม่เชื่อมโยงกับความสุขความสามารถในการประกอบทักษะชีวิตหรือทักษะการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต (Occupation)
ในนักศึกษากิจกรรมบำบัดนั้น พวกเขาอาจฟังภาษาวิชาการของผมได้พอใช้ และอาจไม่มีเวลาตั้งใจอ่านบทเรียนที่ผมได้ให้ไว้อย่างไตร่ตรอง ทำให้คิดกิจกรรมต่างๆ น่าสนใจแต่ขาดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 20 นาทีถึงคุณค่าของสมาชิกกลุ่ม คุณค่าของกิจกรรมการดำเนินชีวิต และคุณค่าของขั้นตอน/วิธีการทำกิจกรรมกลุ่มใน 30 นาที อาจารย์รุ่นน้องผมกับผมได้แสดงความคิดเห็นแก่นักศึกษาแต่ละกลุ่ม และมีการมอบหมายงานให้แต่ละคนสังเกตการณ์กลุ่มตนเองและกลุ่มเพื่อน แล้วส่งบันทึกวางแผนและแสดงความคิดถึงความแตกต่างระหว่าง Activity & Occupation ที่สำคัญการเรียนรู้ของนักศึกษาน่าจะระบุข้อควรพัฒนาสู่มืออาชีพนักกิจกรรมบำบัดได้บ้าง
ผมเลยขอสรุปบทเรียนดังนี้ในหัวข้อ "สร้างกลุ่มกิจกรรม...พลังชีวิต"
ทบทวนการคัดเลือกสมาชิกเข้ากลุ่มกิจกรรมตามระดับความสามารถทางสังคม (เฉลี่ยจากผู้บำบัดมากกว่า 1 คน)
ระดับกลุ่มคู่ขนาน 1 คะแนน เมื่อผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มได้ แต่สับสน เงียบเฉย พูดมาก ไม่อยู่นิ่ง และไม่สนใจเข้าร่วมกลุ่มด้วยตนเอง (กิจกรรมที่กำหนดรูปแบบ)
ระดับกลุ่มผลงาน 2 คะแนน เมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรมของตนเองในกลุ่ม แต่อึดอัด เขินอายที่จะพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น (กิจกรรมหนึ่งชิ้นในเวลาอันสั้น)
ระดับกลุ่มช่วยกันคิดช่วยกันทำ 3 คะแนน เมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรมกับผู้อื่นได้ แต่ไม่รู้จักแสดงความคิดเห็นของตนเอง ไม่รู้จักฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ตั้งเป้าหมายในการทำกิจกรรม (กิจกรรมที่ใช้เวลานานและทุกคนสนใจทำร่วมกัน)
ระดับกลุ่มอารมณ์ร่วมใจ 4 คะแนน เมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรมกับผู้อื่นได้ แต่ไม่เปิดเผยตนเอง ไม่แลกเปลี่ยนความรู้สึกบวกลบกับผู้อื่น (กิจกรรมที่ทุกคนสนใจและมีพื้นฐานคล้ายกัน เน้นพึงพอใจมากกว่าผลงาน)
ระดับกลุ่มวุฒิภาวะ 5 คะแนน เมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรมกับผู้อื่นได้ ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ แต่มีปัญหาการวางตัวแสดงบทบาทที่เหมาะสม (กิจกรรมต่างวัย ต่างบทบาท เกิดความสำเร็จสมบูรณ์ได้) ซึ่งแยกรายละเอียดเป็น
เท่าที่สังเกตการฝึกปฏิบัติของทีมสหวิชาชีพ พบว่า มีความสามารถปรับกลุ่มแบบพลวัติได้ตั้งแต่กลุ่มคู่ขนานจนถึงกลุ่มวุฒิภาวะระดับต้น ซึ่งต้องมีกระบวนการวิจัยแบบ R2R2R เพิ่มเติมพร้อมทำ KM-KT มากขึ้นเพื่อเพิ่มสุขภาวะผู้นำและระดับวุฒิภาวะมากขึ้น ส่วนนักศึกษากิจกรรมบำบัดฝึกจัดกลุ่มแบบพลวัติครั้งแรกก็น่าชื่นชมที่พยายามสำรวจทรัพยากรอย่างพอเพียงและคิดกิจกรรมที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงได้บ้าง ได้แก่ กลุ่มแกะสลักผัก กลุ่มประดิษฐ์สายสร้อยสามัคคี กลุ่มดินปั้นตกแต่งกรอบรูป กลุ่มทำแกงเขียวหวาน กลุ่มทำตกแต่งขนมคัพเค้ก และกลุ่มตกแต่งทิชชูสีเป็นภาพการ์ตูน แต่ก็ยังต้องเพิ่มกระบวนการรับรู้-คิด-กระจายบทบาท-กระตุ้นทักษะชีวิตมากขึ้น จึงทำได้แค่ระดับคู่ขนานถึงระดับอารมณ์ร่วมใจ
นอกจากนี้ผมได้คิด แบบประเมินรูปแบบพลังชีวิตของกลุ่มกิจกรรมพลวัติ (Group Dynamics based Recovery Model Assessment, GDRM) R&D SK Draft 18-11-10 Permission Needed โดยให้ผู้ประเมินกาเครื่องหมายหน้าหัวข้อที่ “สังเกต ¨ อยู่ในกลุ่ม ¨ อยู่นอกกลุ่มและสมาชิกเห็น ¨อยู่นอกกลุ่มและสมาชิกไม่เห็น” และให้คะแนนพลังชีวิตระหว่างสมาชิก ตามความรู้สึกของผู้ประเมินโดยเลือกจาก 0 (ไม่มี) 1 (มีน้อยที่สุด) ถึง 10 (มีมากที่สุด) คือ เข้าใจกัน, ไว้วางใจ, ให้เกียรติ, มีความสุข, มีศักยภาพ, มีความหวัง, มีชีวิตชีวา และมีทางเลือก
มีคำถามน่าสนใจว่า ถ้าจัดกลุ่มข้างต้น แล้วผู้ป่วยไม่ดีขึ้นในแต่ละสัปดาห์ แล้วจะทำอย่างไร ผมจึงตอบว่า "เราต้องประชุมทีมสหวิชาชีพเพื่อพิจารณาปรับรูปแบบกลุ่ม และ/หรือประเมินผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพการรู้คิดต่อไป พร้อมกับการใช้เทคนิค Multi-Sensory Environment เช่น การประเมินการรับความรู้สึกในห้อง Snozelen(TM) (lin) ซึ่งผมได้ลองออกแบบบันทึก ใช่ ไม่ใช่ สังเกตไม่ได้ ในหัวข้อดังนี้
1. พฤติกรรมการรับความรู้สึก ชื่อสื่อ/อุปกรณ์ ............................................
1.1 แสดงพฤติกรรมเข้าหาสื่อ/อุปกรณ์
1.2 หยุดพฤติกรรมเข้าหาสื่อ/อุปกรณ์
2. การกระตุ้นการสัมผัส ชื่อสื่อ/อุปกรณ์ ..................................................
2.1 ดึงร่างกายออกทันทีและไม่ชอบ เมื่อร่างกายสัมผัสกับสื่อ/อุปกรณ์
2.2 นำร่างกายสัมผัสกับสื่อ/อุปกรณ์ด้วยความชอบและมีความหมาย
3. การกระตุ้นการมองเห็น ชื่อสื่อ/อุปกรณ์ ...............................................
3.1 จ้องมองทันทีอย่างตั้งใจที่สื่อ/อุปกรณ์ด้วยความชอบและมีความหมาย
3.2 สนใจมองใกล้สื่อ/อุปกรณ์ ภายในระยะ 30 ซม. นานกว่า 5 นาที
3.3 กลอกตามองในทิศทางเฉพาะขึ้นลง/ขวาซ้าย/ไม่แน่นอน
3.4 มองผ่านสื่อ/อุปกรณ์ด้วยความไม่สนใจ และ/หรือ ไม่ชอบ
4. การกระตุ้นการได้ยิน ชื่อสื่อ/อุปกรณ์ .................................................
4.1 ค้นหาที่มาของเสียง และสนใจสื่อ/อุปกรณ์ที่มีเสียงเป็นจังหวะ
4.2 ค้นหาที่มาของเสียง และสนใจสื่อ/อุปกรณ์ที่มีเสียงสูง/ต่ำ ดัง/ค่อย
4.3 ไม่ค้นหาที่มาของเสียง ไม่สนใจ และไม่ชอบสื่อ/อุปกรณ์ที่มีเสียง
กาหน้ารายชื่อทักษะชีวิตที่เกิดขึ้นขณะรับความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่เกิน 30 นาที
Communication Skills: Smiling/Laughing Psychogenic Crying Meaningful Vocalization Meaningful Non-verbal Maintain attention Interact with others Inappropriate behaviors
Cognitive Skills: Long Attention Span Good Memory Good Body functions Good Numeric Skills Good Spatial Relations Good Concept Formation Good Switching Skills
Functional Skills: Purposeful Participation Purposeful Engagement in Person-Object Purposeful Engagement in Object Purposeful Engagement in Person Functional Limitation
Relaxation Usages: Soft/Quiet Activities Comfortable Positions Relaxing Movements Enjoy doing things in the darken room Restrictive Environment
Leisure Participation: Physical Perception Creative Perception Social Perception Passive Participation No choice of Participation Independent Participation Dependency
ไม่มีความเห็น