หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ ๗ พ.ย.๕๓ ลงข่าวผลสำรวจความคิดเห็นของเอแบ็คโพลล์ ว่าประชาชนไทยปัจจุบันร้อยละ ๗๖ ยอมรับได้กับรัฐบาลที่ทุจริตขอให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดี ตนเองได้ประโยชน์ด้วย โดยมีตัวเลขร้อยละของการยอมรับเรียงตามลำดับดังนี้
อ่านข่าวนี้แล้วเกิดความรู้สึกและความคิดขึ้นมาหลายอย่าง
อย่างแรก รู้สึกเข้าใจเพื่อนบางคนที่เกิดความรู้สึกสิ้นหวังกับประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันนี้มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เจ็บปวดรวดร้าวว่าเขาไม่มีความหวังกับองค์กรใดๆ ในประเทศนี้แล้ว
อย่างที่สอง ผมนึกถึงผู้นำประเทศที่ผ่านมาบางคนที่สร้างวาทกรรมในทำนอง “โกงแต่พัฒนาบ้านเมืองไม่เป็นไร” หรือ "ตายแค่ ๒,๐๐๐ คน แต่ยาเสพติดหมดไป" หรือผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกที่สร้างวาทกรรม “จะแมวดำหรือแมวขาวไม่เป็นไร ขอให้จับหนูได้” (หมายถึงไม่ต้องสนใจว่าจะใช้วิธีอะไร ขอเพียงบรรลุจุดมุ่งหมาย) หรือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ในพระพุทธศาสนาเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้วที่สร้างวาทกรรม “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป”
สำหรับผมแล้วเชื่ออย่างสนิทใจว่า “วิธีการที่เลวไม่นำไปสู่ผลที่ดี”
ผมเชื่อในวาทกรรมของปัสกาล นักปรัชญาฝรั่งเศส ที่ว่า “ขอบฟ้าอยู่ในทุกย่างก้าวที่เราเดิน” (จำมาจากหนังสือหลายเล่มของ เสรี พงศ์พิศ ที่อ้างปัสกาล)
ผมเชื่อว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
ผมเชื่อว่า “ปลูกพืชใดย่อมได้ผลแห่งพืชนั้น” ปลูกมะระย่อมไม่ได้ผลเป็นฟักทอง
ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (กัมมุนา วัตตี โลโก) ใครทำกรรมใดย่อมรับผลแห่งกรรมนั้น เราทุกคนเป็นผลแห่งกรรมของเราเอง และกรรมทั้งหลาย ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมในปัจจุบันของเราล้วนส่งผลแก่เราอย่างแน่นอน ผลกรรมเกิดขึ้นทั้งในขณะที่ทำนั้น และเป็นเหตุให้เกิดผลในอนาคต
เมื่อเชื่อเช่นนี้แล้วก็จะเชื่อว่า การทุจริตของรัฐบาลไม่นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและการกินดีอยู่ดีของประชาชนอย่างแน่นอน อาจมีประชาชนบางกลุ่มได้ส่วนแบ่งเฉพาะหน้าบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ส่งผลให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน
การทุจริตก็ดี การฆ่าก็ดี ล้วนผิดศีลในทุกศาสนาใหญ่ๆ ของโลก
การฆ่า ผิดศีลข้อแรกในพุทธศาสนา ปาณาติบาต (ฆ่าคนที่เชื่อในลัทธิการเมืองต่างจากฉันไม่บาปอย่างนั้นหรือ?)
การทุจริต ลักขโมย ฉ้อโกง ยักยอกเอาทรัพย์สินของคนอื่นหรือของสาธารณะเข้าตนเองและพวกพ้อง ฯลฯ ผิดศีลข้อที่สอง อทินนาทานา
คำว่า ศีล หรือ ศีละ ศิลา หมายถึง ปกติ คือควรรักษาไว้ให้เป็นปกติ ควรเว้นจากการกระทำที่ไม่ปกติ เช่น การฆ่า การลัก
อย่างที่สาม ผมเองโดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจทัศนคติของมนุษย์จะใช้สถิติตีความจากข้อมูลตัวเลขได้ ผมเชื่อว่าหากจะเข้าใจทัศนคติของมนุษย์แต่ละคนที่เขามีต่อรัฐบาล (ไม่ว่าจะทุจริตหรือสุจริต) ต่อสังคม (ประชาชนกินดีอยู่ดี) และต่อตนเอง (ได้ประโยชน์ด้วย) ไม่อาจทำด้วยคำถามที่มีลักษณะปรนัย (มีคำตอบไว้แล้วให้เลือก) ผมไม่ทราบว่าในแบบสำรวจดังกล่าวมีวิธีเขียนคำถามอย่างไร ไม่ทราบว่าเขียนคำถามตรงๆ อย่างที่นำเสนอในผลการสำรวจ ในลักษณะคำถามที่มีเงื่อนไขในทำนอง ท่านยอมรับรัฐบาลทุจริตแต่ประชาชนกินดีอยู่ดีและตัวท่านได้ประโยชน์ด้วยหรือไม่
สำหรับผมแล้วหากถามโดยใช้เงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ดังกล่าว ถือเป็นคำถามลวง เพราะรัฐบาลที่ทุจริต (จริตเลว) ย่อมไม่สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้บ้านเมืองได้ ไม่สามารถทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้
คำว่า จริต มีรากศัพท์มาจากคำ จร แปลว่า ท่องไป (เช่นในคำ จราจร) ทุ แปลว่า ไม่ดี ตรงข้ามกับคำ สุ ที่แปลว่า ดี คำ ทุจริต จึงหมายถึง การท่องไปในทางไม่ดี ทางต่ำ ทางเลว (เช่นในคำ ทุศีล) สุจริตหมายถึงท่องไปในทางดี
ผมเคารพในประสบการณ์ของมนุษย์แต่ละคน และเชื่ออย่างสนิทใจว่าในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ทุกคนรู้ว่าการทุจริตไม่ดี และผมเชื่อว่าหากเราจะเข้าใจทัศนคติของแต่ละคนจริงๆ ต้องใช้เวลาอยู่กับเขาจริงๆ อย่างที่นักมานุษยวิทยาทำ นั่นคือ เข้าใจความหมายที่เขาสะท้อนผ่านเรื่องราวและการกระทำ (ไม่ตีความผ่านตัวเลข) นั่นคือทั้งสังเกตพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ปฏิสัมพันธ์ที่เขามีกับคนอื่น กับสิ่งแวดล้อม ใช้เวลาพูดคุยสัมภาษณ์ ฟังเขาเล่าเรื่องราว วาทกรรม และอุปมาอุปมัยที่เขาใช้สะท้อนความรู้สึก ความคิดความเห็นต่างๆ (อุปมาอุปมัยที่เขายกขึ้นมามีความสำคัญเนื่องจากในภาษาของมนุษย์เราไม่มีคำเพียงพอที่จะแทนประสบการณ์ทั้งหมดของเราได้)
แต่ผมก็ไม่ถึงขนาดเสนอว่าให้ทำอย่างนั้นกับคนจำนวนมากหรอก เพราะไม่ค่อยเห็นประโยชน์ แต่น่าจะเป็นประโยชน์กว่าหากใช้ทำความเข้าใจทัศนคติของผู้ที่อำนาจหน้าที่ของเขาส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก เช่น คนระดับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี นักการเมือง ผู้บริหารองค์กรรัฐและธุรกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย.
สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
๑๕ พ.ย.๕๓
แวะมาทักทายค่ะ ขึ้นชื่อว่าทุจริต ก็คือสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าผลตอบแทนจะออกมาเป็นแบบไหน ลึกๆในใจย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าเรากระทำสิ่งใดลงไป แต่นิสัยคนไทย ลืมง่าย อีกอย่าง ไม่มีทางแก้ปัญหาทุจริตในวงการเมืองได้อย่างถาวร จะมีเพียงลดน้อยลง หรือทุจริตอย่างไรไม่น่าเกลียดจนเกินไป ทุกวันนี้บ้านเมืองเต็มไปด้วยคนที่คิดเห็นแก่ตัวมากมาย แสวงหาอำนาจไม่รู้จักพอ การทุจริตเป็นเสมือนสิ่งที่อยู่คู่กับคำว่าการเมือง คนดีอยู่ไม่ได้นานถ้าไม่ตามน้ำ คงต้องพูดได้แค่คำว่า ทำใจค่ะ
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ สุรเชษฐครับ ส่วนตัวผมแล้ว ม.ชีวิต เท่านั้นครับ ที่จะทำให้ ประเทศดีขึ้นได้.
ทรงกฏ ดีนาง
15 พ.ย 53
ตั้งคำถามได้มีเลศนัยจริง ๆ ...
ไม่ชอบคำถามนี้จริง ๆ ครับ อาจารย์
ไม่อยากให้คนดีท้อถอย ;)
ดูจากกลุ่มตัวอย่างวิจัยแล้ว ผมไม่ค่อยจะแปลกใจกับคำตอบสักเท่าำไรเลยครับอาจารย์
เห็นด้วยกับหนานเกียรติครับ
สรุป
คนดีย่อมไม่ทำความชั่ว
คนชัวย่อมไม่ทำความดี
จิตสำนึกที่ดี จึงจะมีประโยชน์ต่อสังคม
ถ้าสังคมไทยทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีประเทศชาติย่อมเจริญรุ่งเรือง
กัมมุนา วัตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ผมเชื่อว่าความคิดมีตัวตน คิดอย่างไรได้อย่างนั้น ธรรมชาติจะแยกแยะกลุ่มคนที่คิดเหมือนกันไปอยู่ร่วมกัน
ขอสนับสนุนมุมมองของ อ.สุรเชษฐ์ ที่ว่า "หากเราจะเข้าใจทัศนคติของแต่ละคนจริง ๆ ต้องใช้เวลาอยู่กับเขาจริง ๆ อย่างที่นักมานุษยวิทยาทำ นั่นคือ เข้าใจความหมายที่เขาสะท้อนผ่านเรื่องราวและการกระทำ (ไม่ตีความผ่านตัวเลข)"
อ่านบทความชิ้นนี้แล้วคิดเชื่อมโยงไปถึงบทความของ อ.วินัย วงศ์สุรวัฒน์ เรื่อง "แบบสอบถามกับความสันหลังยาวของนักวิจัยทางสังคมศาสตร์" ตีพิมพ์ใน มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 10 พ.ย.2553
ผมได้สำเนาจากฐานข้อมูลข่าวมานุษยวิทยา โยนมาไว้ที่นี่แล้ว เชิญ "สอย" ไปอ่านได้ตามสะดวกครับ.
...ตั้งแต่ยาย..ออกมาอยู่นอกกระลา...มองเห็นข่าวคราวของประเทศที่ติดระดับความเจริญในด้านคอรัประทาน..ก็ได้เห็นแต่ความวุ่นวาย.รบราฆ่าฟันกันไม่สิ้นสุด...ก็คงจะเป็นกรรมตรงที่เกิด..และเห็นเป็นตัวอย่าง..หากเป็นไปอย่างที่เป็นอยู่นี้ก็คงจะสักวัน..ที่เราคงจะตกอยู่ในหลุมกรรมเหล่านั้นบ้าง...ก็ได้แต่ภาวนาหรือไง...(ยายธีเจ้าค่ะ..อนิจา.อนิจัง)
ทำดี "ดี" ส่วนการได้ "ดี" คือกากเดนของความดี ครับ
"Put the right at the first time" :ควรทำสิ่งที่ถูกต้อง ตั้งแต่ครั้งแรก ครับ
นอกจากภาคการเมืองแล้ว แล้ว ธุรกิจบุญ สองข้างทาง ก็เป็นเรืองที่ต้องตั้งคำถามเช่นเดียวกัน กับประเด็น ทุจริต ความโปร่งใส
เป็นการใช้ทรัพยากรของสังคม หมดไปกับสิ่งที่มองไม่เห็น ....ไปกับความเชื่อ ... ตรวจสอบไม่ได้เช่นเดียวกันครับ
สวัสดีครับอาจารย์ สุรเชษฐ
"จะทำดีเพื่อตัวเอง หรือจะยอมทำเลวเพื่อสังคม"
ความชอบธรรมเกิดจากการยอมรับของสังคม ณ ขณะนั้น
การแสดงความเห็นของเขาเกิดจากการสั่งสมของความเชื่อครับ...
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
เศร้าใจครับ
แต่ไม่แปลกใจ
ประเทศเราจึงด้อยพัฒนา
คิดผิด เชื่อผิดก็ทำผิด ทำให้ประเทศด้อยพัฒนา
สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน ศูนย์ปราชญ์ ปราชญ์ ครู อาจารย์และประชาชนที่คิดถูกช่วยกันครับ ก่อนที่สังคมไทย ประเทศไทย และชาติไทยจะแย่ไปกว่านี้
คอรัปชั่นในสังคมไทยแก้อย่างไร?
๑. เริ่มต้นจากตัวเราแต่ละคนเอง เพิ่มคนซื่อสัตย์สุจริตขึ้นในบ้าน(ครอบครัว)และเมืองได้ ๑ คน ก็ยิ่งใหญ่และมีพลังมากแล้วครับ
๒. ช่วยกันแสดงความชื่นชมยินดีผู้ดำเนินชีวิตและปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นกำลังใจให้เขา
๓. อบรมบ่มเพาะคุณธรรมว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแก่ลูกหลานและหรือลูกศิษย์ ผ่านตัวอย่างต่างๆ ของคนซื่อตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
๔. จากนั้นก็ไม่ส่งเสริมและสนับสนุนการคอรัปชั่นใดๆ ในบ้าน ที่ทำงาน ในชุมชน และสังคม ตามเงื่อนไขที่พอจะทำได้ของแต่ละคน