พลังชีวิตแทบหดหาย ความขมขื่นกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถห้ามปรามได้ หลังจากวันแรกเริ่มน้ำไหลหลาก พวกเราเริ่มสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตรอบข้าง บ้างออกมายืนรืมระเบียง บ้างชะโงกออกมานอกหน้าต่าง บ้างออกมายืนบนดาดฟ้าเพื่อโบกผ้า โบกไม้โบกมือให้กับเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งสัญญานออกไป ..
ความเดือดร้อนเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า หลายครอบครัวเดือดร้อนกว่าเราเยอะ ในขณะที่เรายังมีที่นอนนุ่มๆ สบายๆ เพียงแค่ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟที่อำนวยความสะดวกสบายเท่านั้น มองไปโดยรอบพบว่ามีอีกหลายครอบครัวที่ต้องออกมาใช้ชีวิตบนหลังคา การขนย้ายข้าวของเพียงแค่พอใช้ชีวิต ลูกเด็กเล็กแดงไม่มีแม้นมประทังชีวิต อากาศในช่วงเย็นและกลางคืนหนาวเหน็บ เค้าต้องอดทนกว่าเรามากมาย ..
ในขณะที่เรากลับออกมา เรายังมีบ้าน มีครอบครัวญาติพี่น้องคอยดูแล แต่พวกเค้าบ้านพังหายไป บ้านชั้นที่ ๑ เสียหายมากมาย สินค้าในตลาดกิมหยงได้รับความเสียหาย อาจขายไม่ได้เลย รถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ที่จมน้ำ จะทำอย่างไร เพราะคงไม่มีประกันภัยชนิดนี้ที่ไหน .. กี่ร้อย กี่พันล้านบาทที่สูญเสีย เม็ดเงินอีกเท่าไหร่ที่หายวับไปกับตา ..
ขอเพียงหวังให้พลังชีวิตของพวกเขากลับมาโดยเร็วด้วยเถิด ..
ภาพถ่ายดีจังเลยครับอาจารย์ณัฐพัชร์
ทำให้ต้องตามาเปิดดู นี่กลายเป็นทีมได้เรียนรู้มากมายแก่ตนเอง
ประสบการณ์ เรื่องราว ภาพถ่าย และช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้ประสบด้วยกันกับทั้งทีม
เป็นการเรียนรู้ในชีวิตที่เป็นธรรมชาติ อย่างไม่ได้ตั้งใจมาก่อนเลยนะครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์