ค่ำคืนนี้ตั้งใจจะบันทึกการลงพื้นที่ของจิตอาสา
ที่ลงทำงานกับแพทย์หญิงนฤมล (หมอจอยคนสวย)
เพื่อนโทรมาบอกว่าน้องชายของเพื่อนเสียแล้วด้วยโรคเบาหวานและความดัน
ได้ข่าวเศร้าจากเพื่อนที่สุรินทร์เมล์มาบอกมีใจความว่า
เรามาโรงเรียนแต่เช้าวันนี้ ก็รับพิจารณาเพื่อนเชิญชวน
เช้านี้ น้องชายเรา เป็นข้าราชการครู ป่วยเบาหวานความดัน
รักษาตัวก็พอสมควร 3 วันที่แล้ว เส้นเลือดในสมองแตกผ่าตัดสมอง แต่อาการไม่ดีขึ้น
2 โมงเช้านี้ กำลังจะนำกลับมาเสียชีวิตที่บ้าน
นี่ละคือสัจจธรรม ทุกคนก็คงไม่หลุดพ้น
เราปกติ ไม่เศร้าแต่อย่างใด น้องเขาไปดีแล้ว
อยู่ในแต่ละวันก็บริโภคยา วันละ 10 เม็ด 15 เม็ด
อดีตจบ ป.กศ. บ้านสมเด็จ
ไปทำงานต่างประเทศ 4 ปี
กลับมาสอบบรรจุครู
ชีวิตน้องชายเรา นักต่อสู้คนหนึ่ง
รักเพื่อนขอส่งกำลังใจไปให้เพื่อนและขอให้วิญญาณน้องชายจงสถิตยังสวรรค์วิมาน
สองวันมานี้เวลาว่างหลังเลิกงาน ทั้งหมดอุทิศให้กับงานเบาหวานชุมชนด้วยการ
โทรศัพท์ ชักชวนเพื่อนผู้ป่วยลงพื้นที่ช่วยคุณหมอจอยให้กำลังใจผู้ป่วย
ผู้ป่วยหัวใจจิตอาสาหลายคนต้องใช้ความพยายามที่จะติดต่อ
...เพราะงานล้นตัวอยู่แล้ว ......สนุกดีที่ได้ไถ่ถามทุกข์สุข
แพทย์หญิงนฤมล แพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยเบาหวานที่ตามสถานีอนามัย
และรพสต.อ.อำเภอเมือง จ.สมุทรสาคร
ซึ่งในแต่ละวันที่คุณหมอลงพื้นที่ จะมีผู้ป่วยเบาหวาน และความดัน
หรือไม่ก็ความดัน และเบาหวาน พี่น้องสองสายตระกูลโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ
หลั่งไหลเข้ารับการรักษากับคุณหมอจอยแน่นสถานบริการในแต่ละตำบล
ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยเก่า และมีผู้ป่วยใหม่ รวมกันแล้ว 1,200คน
คุณหมอจอยบอกว่าทำงานตรงนี้ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี เหนื่อยแต่ก็สุขใจ
ผู้ป่วยทุกคนต่างก็ต้องการความรวดเร็วในการให้บริการ อิอิ
ไม่เหมือนผู้ป่วยที่ไปรอรับการรักษาที่โรงพยาบาลเลย
กลุ่มนั้นต้องเป็นฝ่ายรอรับบบริการแล้วแต่จะเจออะไร ไม่ว่าแดดจะร้อน ฝน
จะตกก็จะนั่งรอ ยืนรอ นอนรอได้โดยไม่ปริปากบ่นแต่อย่างไร ซึ่งต่างกับการไปรับการ
รักษาตามสถานีอนามัย และรพสต. ครั้งหนึ่งได้ตามไปหมอจอยทำงาน ปรากฏว่าหมอไป
แต่เช้า สถานที่ยังไม่เปิดเลย หมอมาถึงก่อนผู้ป่วย! เป็นเรื่องที่หาชมได้ยากมาก ฮา...
ผู้ป่วยรายหนึ่งเล่าว่าคุณหมอจอยมารักษาก่อนที่คนไข้จะมา
และบางครั้งต้องไปเปิดประตูเลื่อนเอง
เพราะหมอไปก่อนเวลาเคารพธงชาติมาก
หมอจอยบอกว่าไม่อยากให้คนไข้มารอ แต่คนไข้บางคนก็ยังหงุดหงิดใจร้อน
บางคนมาใหญ่มาก ขอลัดคิวเลย ประเด็นนี้เคยเห็นเคยได้ยินด้วยตัวเองมาแล้ว
ต่างกับผู้ป่วยที่มารับการรักษาในโรงพยาบาล ทุกคนนั่งรอได้เป็นวันๆไม่บ่นเลย
นั่งดูหมอรักษาผู้ป่วยแล้วเหนื่อยแทน เพราะหมอตรวจไปสอนผู้ป่วยไปกว่าจะเรียบร้อย
แต่ละรายหมอก็คอแห้งแล้วคอแห้งอีก ทำอย่างนี้ติดต่อกันโดยไม่พักเลย
จนถึงเวลา 12.00 น จึงหยุดการรักษาวิ่งกลับมาทำงานที่รพ.ต่อ
เหนื่อยแทน ดูว่าจะไม่ต่างกับกับอาชีพแม่พิมพ์เลย
ที่ต้องใช้เสียงตัวเองอธิบาย ทำความเข้าใจกับผู้ป่วยและญาติ
ก็ทำให้นึกถึงเด็กน้อยที่แออัดอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเคล้ากลิ่ประชาบาล
ส่วนโรคโรคคอแห้ง แสบคอของครูไทยไม่ว่าจะเป็นฝุ่นชอล์ก หรือกลิ่นของปากกาเคมี
ที่สูดเข้าปอดทุกวันๆละไม่น้อยกว่า 5-6ชั่วโมง ทำให่ช้เกิดปัญหาเกี่ยวกับปอดได้เช่นกัน
ปัญหาเรื่องกล่องเสียง เส้นเลือดขอด ปอดอักเสบ ความดัน เบาหวาน เส้นเลือดตีบ
ไต กระเพาะและลำไส้อักเสบ นี่คือโรคหลังเกษียณของครูไทยส่วนใหญ่
ขอแสดงความเสียใจกับน้องของเพื่อนพี่ครูต้อยติ่งด้วยนะคะ
และเอาใจช่วยจิตอาสาที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีกับผู้ป่วยเบาหวาน
อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยค่ะ...
ฝากถึงน้องจิตอาสา....
แต่พี่คิดว่าพี่ไม่เป็นนะโรคพวกนี้ เพราะพี่เออร์ลี่ ไม่ได้เกษียณ อิ อิ
คลายเครียดนะคะพี่ครูต้อยติ่ง
เสียใจ แต่อย่าหมดกำลังใจนะครับ
ทุกชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป
เป็นกำลังใจให้พี่ครับ
มีความสุขทุกเวลานะครับ...
เสียใจด้วยค่ะ