เล่าสูกันฟัง มิได้มีเจตนาร้ายต่อใครนะครับ
การจัดสอบและคัดเลือกครูเข้าอบรมครู Master Teacher ทั่วประเทศทุกสาขาวิชาที่จัดสอบและเรียกอบรมแล้วนั้น มันเป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นกับคุณครู หลายท่านที่เดียว
Master Teacher หลายท่านตกใจ คิดว่าตัวเองได้คะแนนต่ำ พอไปอบรมก็ถึงบางอ้อ ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าให้ไปอบรมทำไม อบรมเสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อ หรือแม้กระทั่งเรื่องการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการอบรม ก็ไม่ทราบจะไปเบิกกับใคร ลองเข้าไปอ่านในเว็บไซต์ก็จะพบว่า มี Master Teacher หลายคนบอกว่า ขับรถข้ามจังหวัดไปอบรม ทำเรื่องเบิกค่ารถได้กิโลเมตรละ 4 บาท น่าอนาถใจครับ
ยังมีเรื่องที่พักอีก ซึ่งบางคนก็ไปอย่างฉุกลหุก หาที่พักไม่ได้ กว่าจะอบรมเสร็จต้องเปลี่ยนที่นอน 4 ที่ แล้วก็เบิกค่าที่พักไม่ได้ตามที่จ่ายจริง หรือไม่มีแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เจ้าของเรื่องไปให้ความกระจ่าง รวมทั้งการไม่ได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องการประชุมจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้วย ถามอะรก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นครับ
ผมให้อภัยครับ ค่ารถ ค่า....ผมไม่เบิกหรอกครับ เสียความรู้สึกดีๆ ให้ผมไปประชุม ไปทำอะไร ผมไปให้ครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะถ้าผมทำเบิกก็ไม่ต่างจากครูจากต่างจังหวัดเหล่านั้น ผมคงถูกเรียกไปบอกว่า ให้เปลี่ยนเป็นเบิกค่ารถเมล์นะ ทั้งที่ความเป็นจริงจากบ้านผมไปที่ประชุมนั้น ผมต้องนั่งรถเมล์หลายต่อกว่าจะไปถึง เอาชีวิตไปเสียเวลาบนรถเมล์ในกรุงเทพฯมากมายทำไมละครับ ผมไปรถใต้ดิน รถไฟฟ้า ไม่ดีกว่าหรือครับ จากบ้านนั่งรถมอเตอร์ไซรับจ้างไปปากซอย เดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายไปนั่งรถใต้ดิน รถไฟฟ้า มันก็เป็นอย่างนี้ แล้วจะให้เขียนเบิกเป็นค่ารถเมล์ รถประจำทาง ผมไม่เบิกหรอกครับ (......แหลไม่เป็น)
การเรียกประชุมด่วนเมื่อวันที่ 19-20 ต.ค. 2553 (หนังสือที่แจ้งให้ไปประชุมเป็นหนังสือด่วนที่สุดนะครับ) ก็สร้างความระทึกใจให้คนที่ได้รับเชิญไม่น้อยทีเดียว ผมก็เป็นหนึ่งในจำนวน 190 คนจากทั่วประเทศที่ถูกเรียกให้ไปเข้าประชุม เมื่อมีจทน.ท่านหนึ่งประกาศชี้แจงเหตุผลที่ต้องให้มาประชุมก็พอจะเบาใจลงบ้าง การประชุมครั้งนี้เป็นการขอความร่วมมือให้มาร่วมสะท้อนความคิดเห็น และความจริงของการอบรมครู Master Teacher ทำให้ทราบข้อเท็จจริงบางประการของการอบรมครู Master Teacher ซึ่งกว่าพวกเราหลายคนจะรู้ข้อเท็จจริงพวกนี้ก็นานแสนนาน พวกเราเพิ่งจะรู้ว่า พวกเราเป็นกลุ่มที่สอบแล้วบังเอิญทำข้อสอบได้คะแนนสูง (ทั้งสองครั้ง) ใช้งบไทยเข้มแข็ง (ซึ่งเงินทั้งหมด สพฐ.โอนไปให้ สพป.สพม. (ขออนุญาตใช้หน่อยเดี๋ยวจะตก trend)) ซึ่งเป็นงบที่รัฐบาลใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
เหมือนกับครั้งก่อนครับ ต่างคนต่างก็งงไปเจอกัน ให้มาทำอะไรอีกหนอ บางท่านก็ไม่มาเหมือนครั้งก่อนละครับ (ท่านแน่มาก:ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอันใด แต่ท่านไม่มา เขาก็จะไม่บังคับท่านให้เข้าไปเรียน e-learning ที่ใครต่อใครยังสมัครเข้าเรียนไม่ได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้หรอกครับ) อยู่ด้วยกันสองวัน บางท่านที่มาจากตจว. ลอยคอมาครับ บางคนบอกผมอย่างนั้นจริงๆ บางท่านก็กังวลว่าจะกลับบ้านทางไหนดี เพราะข่าวว่ารถไฟก็วิ่งไม่ได้ ถนนสายหลักก็น้ำท่วม ยิ่งดูข่าวจากทีวีก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ถ้าท่านผู้อ่านมีลูกเล็กๆ มีคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในสถานะผู้สูงวัยอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ท่วมเหมือนในทีวีก็น่าระทึกใจไม่น้อยเหมือนกันละครับ
ก็ช่วยกันทำงานตามที่ผู้จัดต้องการจนเสร็จ ได้เสียงสะท้อนที่แทบจะไม่ต่างกันครับ
ผมว่าหากเราไม่ถือฐิติจนมากเกินไปนัก อยากเรียนถามหลายๆท่านว่า ท่านได้เรียนรู้อะไรบ้าง หลายเรื่องไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอกครับ ถือว่ามันเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งในชีวิตของท่าน เจ้าของงานนี้ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในครั้งต่อไป หากท่านต้องรับผิดชอบงานแบบนี้ท่านจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ เราแทบจะไม่เคยมองที่ตัวเรา หลายท่านติดนิสัยที่อะไรก็จะต้องได้ทุกอย่างหรือเปล่าครับ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตท่านอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง สังคมเราก็จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้าง
ส่วนตัวผมขอให้กำลังใจคนที่ทำงานทุกท่าน ให้กำลังใจคุณครูทุกท่าน ขอให้ท่านคิด ช่วยกันทำให้สังคมไทยมีช่องว่าง (gap) ระหว่างคนไทยด้วยกันให้น้อยลง การเรียนรู้ปรับปรุงแก้ไข การช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือครับ ทุกคนต้องการความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากเพื่อนร่วมชาติไหมครับ อะไรที่พอจะช่วยกันได้ช่วยกันไม่ดีกว่าหรือครับ รอยยิ้มจะได้กลับมาสู่สังคมของเรา
ผมยังมีความหวังครับ ว่า สังคมไทยจะดีขึ้น รอยยิ้มจะกลับมาในไม่ช้านี้ คุณครูทุกท่านจะว่าอย่างไรครับ
ไม่มีความเห็น