จากการที่ได้ศึกษาและฟังการนำเสนอทั้ง 8 โรงเรียนในวิชาจิตวิทยาของอาจารย์วัชราภรณ์ คือโรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนสัตยาไส โรงเรียนฉือจี้ โรงเรียนทอฝัน โรงเรียนอาชีวมหาไถ่ โรงเรียนโพธิวิชาลัย และ มหาวิทยาลัยชีวิตซึ่งแต่ละโรงเรียนจะมีลักษณะเด่นที่คล้ายและต่างกันตามวัตถุประสงค์และบริบทของโรงเรียน ถ้าเราสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนทอสี และโรงเรียนสัตยาไส และโรงเรียนฉือจี้ จะเน้นการเรียนวิถีพุทธให้แก่นักเรียนสอนให้นักเรียนเป็นคนดีตามคำสอนของศาสนาพุทธ และวิธีการคิด ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ใกล้ชิดธรรมชาติ มีจิตอาสา ความมีระเบียบวินัยและสำนึกบุญคุณ โรงเรียนทอฝัน เป็นโรงเรียนที่พัฒนาส่งเสริมเด็กพิเศษให้เรียนเหมือนเด็กปกติเน้นการเสียสละอดทนและเมตตาสงสารของครูที่มีต่อเด็ก โรงเรียนโพธิวิชาลัยสอนแนวเศรษฐกิจพอเพียงทุกสิ่งทุกอย่างทำจากธรรมชาติ โรงเรียนอาชีวมหาไถ่เป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสคนพิการฝึกอาชีพสำหรับคนพิการได้มีงานทำ ส่วนมหาวิทยาลัยชีวิต เป็นการสอนพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนได้หลุดพ้นจากวิธีคิดแบบพึ่งพาและรอความช่วยเหลือจากรัฐหรือภายนอก หันมาพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความทุกข์ของชุมชน
จากชีวิตการทำงานในบทบาทที่เป็นครูได้นำลักษณะเด่นดังกล่าวมาใช้ในการเรียนการสอนนักเรียนโดยให้นักเรียนคิดและปฏิบัติด้วยตนเอง ปลูกฝังหลักวิธีคิดตามแนวพุทธให้มีจิตอาสา มีระเบียบวินัย ควรให้เด็กเรียนรู้ธรรมชาติ สำนึกบุญคุณผู้มีพระคุณ มีการนอบน้อม การไหว้ มีมารยาท การพูดจา และการนั่งสมาธิเพื่อฝึกจิตให้นิ่ง ปลูกฝังให้เด็กสำนึกรักถิ่นตนเอง และถ้ามีเด็กพิเศษมาเรียนร่วมก็ดูแลเมตตาสงสารพัฒนาส่งเสริมให้เขาเรียนร่วมกับเด็กปกติได้
1. โรงเรียนรุ่งอรุณ จะสอนให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง เน้นการให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในโรงเรียน มีการสอนนักเรียนจากแหล่งการเรียนรู้ จัดบรรยากาศในโรงเรียนและห้องเรียนให้เหมือนบ้าน ครูเปรียบเหมือนแม่ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น เน้นให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง จัดห้องเรียนให้มีบรรยากาศเอื้อต่อการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด ครูออกแบบการเรียนรู้เองและเหมาะสมและสอดคล้องกับอายุและพัฒนาการของผู้เรียน
2. โรงเรียนทอสี จะสอนนักเรียนให้เกิดความสนุกสนานตั้งแต่เขาเริ่มเตรียมความพร้อม มีการนั่งสมาธิก่อนเรียนทุกครั้ง จะพัฒนาจิตใจให้คิดแต่สิ่งดีๆ สอนให้นักเรียนรู้จักการวางตัวให้เหมาะสมในการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่เน้นความรู้ทางวิชาการแต่จะมีการเตรียมความพร้อมต้องนำหลักธรรมทางพระพุทธ
3. โรงเรียนสัตยาไส ฝึกเด็กให้นั่งสมาธิก่อนเรียนทุกวันมีการสวดมนต์ การอบรมคุณธรรมและจริยธรรมด้วยการเล่านิทานให้เด็กฟัง ครูมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ครูเป็นเหมือนพี่ เป็นเหมือนแม่ เพื่อให้นักเรียนอบอุ่นเพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำ เราต้องรักทุกคนในโลกนี้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืน ไม่ว่าจะเป็นรักธรรมชาติ ให้ทานโดยกินอาหารมังสวิรัติ ถือเป็นการใช้ทานที่ยิ่งใหญ่มาก
4. โรงเรียนฉือจี้ ชื่นชมนักเรียนเมื่อนักเรียนทำดี เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักเรียน ปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักคุณคนที่มีบุญคุณกับเรา และให้นักเรียนมองเห็นคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอและ ปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักการทำทานปลูกฝังการให้ผู้อื่น ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรเราต้องตั้งสติและให้รู้ว่าเรายังมีค่าต้องอยู่อย่างมีความหวังและมีจุดมุ่งหมายเพราะคนทุกคนมีประโยชน์
5. โรงเรียนทอฝัน รู้จักการเสียสละและความอดทนอย่างมาก ครูต้องมีความสงสารศิษย์ ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญกับเด็กพิเศษและนำวิธีการสอนของเด็กพิเศษมาปรับใช้กับเด็กปกติ ต้องอดทนไม่ว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดเพราะฉะนั้นต้องอดทนให้มากที่สุด คนเราไม่ใช้คบกันแล้วดูกันที่หน้าตา เราต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นให้ดีที่สุดเพื่อให้เขาอยู่ในสังคมได้
6. โรงเรียนอาชีวมหาไถ่ ไม่ดูนักเรียนที่รูปร่างหน้าตา เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีการตรวจร่างกายนักเรียนก่อนเรียนว่าร่างกายรับได้หรือเปล่า ถ้ารับมาแล้วเขาเรียนไม่ได้เขาจะเสียเวลามากเลย เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคล คนเราไม่ใช้คบกันแล้วดูกันที่หน้าตา เราต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นให้ดีที่สุดเพื่อให้เขาอยู่ในสังคมได้ดีที่สุด
7. โรงเรียนโพธิวิชชาลัย สอนให้เด็กรู้จักการพอเพียง พออยู่และพอกิน สอนให้ผู้เรียนฝึกแบบนี้ทุกครั้ง ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ไปตลอดชีวิต และสอนให้ผู้เรียนสำนึกรักบ้านเกิดของตนเอง คนเราต้องอยู่อย่างเพียงพอ แล้วจะทำให้ชีวิตของเราประสบความสำเร็จและไม่มีหนี้
8. มหาลัยชีวิต สอนให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง มีอิสระด้านความคิด ทุกอย่างตัวเองเป็นคนจัดการได้หมด ไม่ต้องนั่งรอครูมาให้ความรู้ การสอนแบบนี้ลดภาระของครูได้มากเลย และเป็นการสอนแบบใหม่ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ อยู่แบบพอเพียง มีอิสระทางความคิด และช่วยกันพัฒนาท้องถิ่นของตนเองให้คนในชุมชน มีการศึกษาและมีความสุขในการใช้ชีวิตประจำวัน
ในการนำมาใช้ในชีวิตส่วนตัวเราควรให้โอกาสคนที่ด้อยโอกาสเช่นคนพิการ เรียนรู้ธรรมชาติ อยู่อย่างพอเพียง เสียสละและอดทน นำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิต จะทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีค่า มีความสุขกับสิ่งที่เป็นและสิ่งที่ทำ
ไม่มีความเห็น