ชีวิตที่พอเพียง : ๑๐๙๙. ไปเที่ยวออสเตรเลีย ๖. บลูเม้าน์เท่น ๒


วันเที่ยว บลูเม้าน์เท่น จริงๆ คือวันที่ ๑๖ ก.ย. ๕๓ โดยเราไปเที่ยว ๔ แห่งคือ (๑) Evan’s Lookout (๒) Govett’s Leap (๓) Scenic World และ (๔) Mount Tomah Botanic Garden ทำให้เรารู้จัก บลูเม้าน์เท่นพอสมควร ใช้เวลาเต็มวันอย่างเต็มอิ่ม และสะดวกสบายพอสมควร

ที่จริงตอนเช้าก่อนออกไปเที่ยว เราร่วมกิจกรรมเลี้ยงอาหารนกก่อน ตามที่เล่าในตอนที่แล้ว และเนื่องจากเราอยู่ที่ Jembi – Rinjah Eco Lodge 2 วัน เราจึงได้เลี้ยงนกและถ่ายรูป ๒ วัน คือวันที่ ๑๖ และ ๑๗ ก.ย. เช้าวันที่ ๑๖ ก.ย. ผมได้ถ่ายวิดีโอไว้ด้วย

Evan’s Lookout หรือจุดชมวิว อีแวน อยู่ห่างจากโรงแรมของเราเพียงกิโลเดียว ดังขื่อถนนก็ชื่อ Evan’s Lookout Road ซึ่งเป็นถนนลาดยางเล็กๆ ๒ เลน แต่วิวสวยมาก มีไม้ดอกออกดอกสวยงามเป็นระยะๆ ที่เด่นที่สุดคือดอกซากุระสีชมพูอมม่วงสดใส ออกดอกเต็มต้น และมีซากุระสีขาวบ้าง ต้นไม้หลักต้นโตสูงใหญ่ให้ความร่มครึ้มที่ผมชอบมาก

ที่จริงเช้าวันนี้ผมไปชมบรรยากาศที่ Evan’s Lookout ถึง ๒ ครั้ง คือครั้งแรกราวๆ ๖.๓๐ น. ผมวิ่งออกกำลังด้วยและดื่มด่ำธรรมชาติด้วย ไปยัง Evan’s Lookout และครั้งที่ ๓ ราวๆ ๙.๓๐ น. ขับรถไปกับคณะ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามเป็นธรรมชาติดี และเราได้สัมผัสความเป็น “ภูเขาสีน้ำเงิน” ที่นี่

Govett’s Leap เป็นอีกจุดชมวิวหนึ่งอยู่ในเมือง Blackheath ที่เราไปชม เพราะเราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Mt. Tomah Botanical Garden ว่าอยู่ตรงไหนแน่ ศูนย์ข้อมูลอยู่ไม่ห่างจาก Govett’s Leap เราจึงไปชมเสียด้วย เราแวะจุดชมวิวเท่านั้น ไม่ได้เดินลงไปดูน้ำตก

Scenic World เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมวิวที่คนมาเที่ยว บลูเม้าน์เท่น ขาดไม่ได้ และเราได้ตั๋วฟรีจากโรงแรม Jemby – Rinjah Eco Lodge คือเรามาพักในรายการโปรโมชั่นของเขา เรียกว่า Family Escape ที่นอกจากที่พักแล้ว เขาให้ตั๋วไปชม Scenic World ด้วย และให้ชุด BBQ ชุดใหญ่ ที่เรากินกันเมื่อวาน และทำแซนด์วิชไปกินเป็นอาหารเที่ยงด้วย

ทางโรงแรมเพียงแค่โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ขายตั๋วของ Scenic World ว่าเรา ๔ คนจะไปใช้บริการวันนี้ และบอกเราให้ไปหาคนชื่อ ... ที่เคาน์เตอร์หมายเลข ๔ เราก็ได้ตั๋วมาคนละใบ สำหรับไปใช้บริการได้ ๓ อย่าง คือ Sky Way เชื่อมระหว่าง ๒ ยอดเขาสองข้างหุบเขา จามิสัน, Cable Car เชื่อมระหว่างยอดเขากับหุบเขาคนละฟาก, และ Train เชื่อมระหว่างยดเขากับหุบเขาฟากเดียวกัน เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ ๓ ชั่วโมง

เริ่มจากไปเข้าคิวขึ้น Sky Way ซึ่งก็คือกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่จุคนได้กว่า ๕๐ คน มีแต่ที่ยืน มีที่นั่งสัก ๔ ที่นั่งสำหรับคนที่ต้องการนั่ง แต่ไม่มีคนอยากนั่งเพราะเห็นวิวไม่ดี กระเช้ามีตู้เดียว แล่นกลับไปกลับมาระหว่างภูเขา ข้ามหุบเขาเบื้องล่างที่ลึกมาก เพื่อดูทิวทัศน์ ๓๖๐ องศา รวมทั้งมีส่วนที่เป็นกระจกใสให้ดูป่าที่อยู่เบื้องล่าง กระเช้าแล่นช้าๆ เพื่อให้คนชมวิว แต่กระนั้นก็ใช้เวลาเพียง ๓ – ๔ นาที ก็ถึงยอดเขาอีกฟากหนึ่งแล้ว เขาบอกว่าเดินไปที่ Echo Point ที่เราไปเมื่อวานได้ ใช้เวลาเพียง ๓๐ นาที ที่ยอดเขานี้มีที่เดินเที่ยวและชมวิว เราจะใช้เวลาอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจชอบ ทีมของเราไปเดินชมวิว ๑๐ นาที เพื่อรอกลับกระเช้าเที่ยวหน้า

สาวน้อยเป็นคนวางแผนว่า เราไปขึ้นรถไฟที่ชันที่สุดในโลก คือ ๕๓ องศา ลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง เดินเที่ยวตาม Bush walk ในป่าฝนตามใจชอบ แล้วกลับสู่ยอดเขาที่ Scenic World ตั้งอยู่ และรถของเราจอดอยู่ ลูกทัวร์อย่างผมมีหน้าที่ดื่มด่ำธรรมชาติ และถ่ายรูป ไม่ต้องกังวลกับการคิด สะดวกดีจริงๆ

การเดินทางลงหุบเขาด้วยรถไฟดิ่งเหวนี้ ใช้เวลาสักนาทีเศษๆ คล้ายช่วงเครื่องบินขึ้น พอลงไปแล้วก็ต้องชักรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แล้วสาวน้อยหัวหน้าทัวร์ก็เดินนำทางไปสู่ bush walk ผ่านบริเวณเหมืองถ่านหินเก่า ซึ่งเขาทำเป็นคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์ชุมชนเสียเลย ทำให้เรารู้ว่าเมื่อกว่า ๑๕๐ ปีก่อน ที่นี่เป็นเหมืองถ่านหิน และมีรางรถไฟใต้ภูเขารวมแล้วระยะทางยาวกว่า ๓,๐๐๐ ก.ม. สำหรับลำเลียงถ่านหินออกมา เราค่อยๆ เดินดื่มด่ำธรรมชาติป่าฝนเขตหนาวของเส้นทางกิโลเมตรเดียว ปูด้วยไม้อย่างดีจนเที่ยงก็นั่งพักกินแซนด์วิชที่สาวน้อยกับเลขา

นับเป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสและเข้าใจป่าฝนเขตหนาว คือมันอยู่ในหุบเขา ที่ความชื้นไหลลงหุบเขาเบื้องลางในรูปของน้ำตกและน้ำซับ เขาบอกว่าตัวน้ำความชื้นจากหุบเขาขึ้นสู่สันเขาข้างบนคือต้นเถาวัลย์ ซึ่งผมยังไม่เข้าใจ

ต้นไม้ที่ทำให้เราตื่นตาคือเฟิร์นยักษ์ ที่ต้นอาจสูงได้เป็น ๒๐ เมตร และปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ในป่าที่เขามีป้ายชี้ชวนให้ดู รวมทั้งร่องรอยฟ้าผ่าโดนต้นไม้

ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศในหุบเขาด้วยการเดิน bush walk พอหอมปากหอมคอเราก็ถึงสถานี Cable Car เพื่อกลับไปสถานีของ Scenic World ที่ซึ่งเราได้เห็นนกแก้ว Cockatoo สีขาวขนหงอนเหลืองตัวโต กินอาหารที่ทาง Scenic World จัดไว้เลี้ยง ดึงดูดนกมากินเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว

จากนั้นยังมีเวลาบ่ายเหลือ เราจึงตกลงกันไป Mt. Tomah Botanic Garden ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๔๐ ก.ม. แต่ก่อนอื่นต้องหาข้อมูลสถานที่ก่อน เลขาบอกว่าในแผนที่ระบุว่า มี i อยู่ในเมือง Blackheath ก่อนถึง Govett’s Leap Lookout เราจึงแวะหาแผนที่และข้อมูลที่นั่นและเลยไปดูหุบเขาจาก Govett’s Leap Lookout เสียเลย ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าที่ไหน วิวไม่ต่างกันมากนัก

ถึงตอนนี้โชเฟอร์มือหนึ่งหนังตาหย่อนยามบ่าย เลขาผู้เป็น woman for all season จึงรับหน้าที่ขับรถแทน ผมหลับไปงีบเดียวก็ถึง Mount Tomah Botanic Garden ซึ่งปิด ๑๗ น. เราจึงดูได้เพียงชั่วโมงเศษๆ ซึ่งก็คุ้ม เพราะได้แนวความคิดเรื่องการทำให้พิ้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สมบูรณ์ ต้องจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ด้วย รวมทั้งได้รูปสวนและดอกไม้งามๆ มามากมาย

เป็นอันจบวันที่ ๒ ที่ บลูเมาน์เท่น

วิจารณ์ พานิช
๒๐ ก.ย. ๕๓
บนเครื่องบินการบินไทยกลับกรุงเทพ

หินรูปเต่าที่ Evans Lookout

Scenic World แหล่งชมธรรมชาติ จากมุมสูง มุมต่ำ เหินชม และเดินชม

ต้นเฟิร์นยักษ์ป่าฝน ถ่ายจากมุมสูง

Solitary Rock หินเดียวดาย ถ่ายจากกระเช้าลอยฟ้า ระนาบเดียวกัน

ในกระเช้าลอยฟ้า Sky Way จากยอดเขาหนึ่งสู่อีกยอดหนึ่งข้ามหุบเขาลึกเบื้องล่าง คือ Jamison Valley

เดินทางลงจากสันเขาสู่หุบเขาด้วยถไปชัน ๕๓ องศา เรียบร้อยแล้ว

กว่าร้อยปีก่อนทางรถไฟนี้ใช้ขนถ่านหินขึ้นจากเหมือง

ปากทางสู่ bush walk มีหลายเส้นทางให้เลือก

Jamison Valley มองจาก Govett Leap Lookout

ดอกไม้พันธุ์ผสม Telopea speciosissina วางขายที่ Mt. Tomah Botanical Garden

ว่านหางจรเข้ออสเตรเลียออกดอกงดงาม มีทั่วไป

ไม่ทราบชื่อ เป็นดาวเด่นใน Mt Tomah Botanical Park

Grevillea baueri

Toona sinensis หรือ Chinese Toon


หมายเลขบันทึก: 401910เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2010 17:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม 2016 07:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

การเดินทางลงหุบเขาด้วยรถไฟดิ่งเหวโดยรถไฟที่ชันที่สุดในโลก คือ ๕๓ องศา       เพื่อลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง แม้ะใช้เวลาประมาณนาทีเศษ ๆ ผมคิดว่ามันเป็น          ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากเลยครับอาจารย์ 

ตามมาอ่านต่อด้วยความประทับใจค่ะ..ดอกไม้สวยและวิวงามๆ ..ขอบคุณค่ะ..

..มีข้อสงสัยว่า สาวที่คุณหมอเรียก "เลขา"..เปา บอกว่า เป็นลูกสาวของคุณหมอที่สนิทกับคุณป้า (คนยืนกลาง) ใช่ไหมคะ ??..

           

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท