เรื่องเศร้าที่ไม่เข้าใจ


วันหนึ่งๆเรามีเวลาอยู่ในโลกใบนี้เท่ากันคือ 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน คิดเล่นๆหนึ่งวันมี 1440 นาที นับเป็นวินาทีได้ 8640 วินาทีหรือ 24 ชั่วโมงเท่ากับ 1440 นาที ยามมีความสุขสั้นมากในความรู้สึกแต่ตรงข้ามยามมีทุกข์ 24 ชั่วโมงที่ดำรงชีวิตมันยาวนานมาก

 

          ทำไม๊ทำไมเราต้องเหงา ทำไม๊ทำไมโทรหาไม่อยากรับสาย โทรศัพท์มีก็ไม่โทรมา ก่อนรักโทรมาวันละสามครั้งก่อนและหลังอาหาร พอฉันรักแล้วทำไม๊ทำไมไม่โทรมา ทำเหมือนโทรศัพท์หมดโปรโมชั่น (อะไรกันนักกันหนา ไม่เข้าใจ รักจริงใจหรือรักไฝ่ต่ำ)
             ทำไมพอกลับบ้านก็มีแต่เรื่องวุ่นวายใจ ไม่มีใครเข้าใจฉัน บ้านก็รกรุงรัง อาการก็ไม่มีใครทำไว้ บอกให้ไปซื้อก็ไปซื้ออะไรที่ฉันไม่ชอบ บางสัปดาห์อาการเดิมทั้งสัปดาห์ ไข่ต้ม ต้มไข่ ลวกบะหมี่ บะหมี่ลวก ยำปลากระป๋อง ปลากระป๋องยำ ทอดปลาทู ปลาทูทอด
              วันหยุด อยากไปเที่ยวแต่ไม่มีเงินพอที่จะไป ไปเดินห้างด้วยกัน อยากมีใครสักคนคุยเป็นเพื่อนหรืออยากมีใครสักคนกินข้าวด้วยกัน ไปไหนๆก็ไปด้วยกันคงมีความสุขกว่านี้
           ทำไมญาติเรามีแต่คนเห็นแก่ตัว มันคอยจะแย่งมรดกไม่เคยที่จะคิดแบ่งให้เท่ากันได้ตรงนี้จะขอเพิ่มตรงนั้นมีแต่จะเอาท่าเดียว
            ทำไมรอบตัวฉันมันถึงได้มีแต่สิ่งที่แย่ๆ โคตรเซ็ง เซ็งโคตรๆ ฉันจะหาความสุขได้จากที่ไหน ถ้าได้เงินสักล้านฉันจะซื้ออะไรไปที่ไหนที่อยากไปคงมีความสุขกว่านี้
            ยังมีความทุกข์อีกมากที่เราต้องเผชิญในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์แต่ละเดือนแต่ละปีแต่ละทศวรรษ แต่ละศตวรรษถ้าเราอายุยืนยาวพอ วันหนึ่งๆเรามีเวลาอยู่ในโลกใบนี้เท่ากันคือ 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน คิดเล่นๆหนึ่งวันมี 1440 นาที นับเป็นวินาทีได้ 8640 วินาทีหรือ 24 ชั่วโมงเท่ากับ 1440 นาที ยามมีความสุขสั้นมากในความรู้สึกแต่ตรงข้ามยามมีทุกข์ 24 ชั่วโมงที่ดำรงชีวิตมันยาวนานมาก
              คนเรามักแสวงหาความสุขจากสิ่งภายนอกมาสร้างให้ เช่นต้องได้คนเอาใจ ต้องได้สิ่งของ ต้องได้เที่ยว ต้องได้พูดคุย ต้องได้......แต่เราลืมไปว่าความสุขยังมีอีกแบบหนึ่งคือสุขภายใน สุขที่ใจตัวเอง ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครมาทำให้  มโนปุพพํคมา ธมฺมา...ทุกข์หรือสุขหรือกิเลสทุกอย่างก็เกิดจากใจเราแหละทำให้เราทุกข์บ้างสุขบ้างตามที่เราคิด คิดตามกิเลสเราก็ทุกข์บ้างสุขบ้างตามกิเลสตัวนั้นๆ ราวกะเงาติดตามตัวเรา
             เรามีความสุขเพราะเราคิดอะไรบางอย่าง เรานั่งอมยิ้มกับความคิดเหล่านั้น แต่บางครั้งเราก็นั่งกลุ้มกุมขมับกับความคิดที่เราคิดวนเวียนรอบแล้วรอบเล่าย้ำคิดเรื่องเดิมๆที่ทำให้ทุกข์ใจ ทำไมเราไม่หยุดคิดเรื่องนั้นบ้างหละ      ต้องเสียสละต้องสลัดทุกข์ในใจ ( Get it out  เตะมันออกจากใจเรา) พอไม่สบายใจหรือทุกข์กายก็ตามต้องรู้เท่าทัน... อ้อมันเป็นของมันแบบนี้ตั้งนานแล้ว จะไปทุกข์อะไรกันนักหนา อย่าถามว่าทำไม มันต้องถึงบางอ้อ (อ๋อเข้าใจแล้ว)เราจึงจะมีความสุข
              ความสุขที่อาศัยสิ่งของเช่นเงินทองเพื่อนบริวารสามีภรรยาลูกหลานเป็นต้นทำให้เรียกว่าสามิสสุข คือความสุขอิงอามิส(อาศัยสิ่งอื่นอาศัยคนอื่นจึงมีความสุข)  ส่วนความสุขที่ไม่อาศัยคนอื่นสิ่งอื่นแต่ให้มันเกิดจากใจเราเองเรียกว่า นิรามิสสุข คือความสุขที่ไม่อิงอามิส ความสุขเราอยากมีแต่เวลาที่มีความสุขทำไมน้อยจัง หรือว่าทุกข์มีไว้ให้เราคนเดียว
              วิกฤติสร้างโอกาสมีคนสอนไว้ว่า ในวิกฤติแต่ละครั้งทำให้คนบางคนเป็นวีรบุรุษ เช่นปี 2540 เงินบาทเปลี่ยนค่าจาก 20 เป็น 40 บาท ในชั่วข้ามคืนดุจคืนข้ามปีก็ไม่ปาน คนตกงานเยอะหลายคนเครียดหลายคนหาอาชีพใหม่จนเป็นที่มาของร้านแซนวิสร้านหนึ่งและอีกหลายคนที่ทำตาม จากพนักงานธนาคารมายืนขายแซนวิซ ก็ยังทำมาแล้ว หากเขาทุกข์ใจไม่คิดทางดีไม่คิดหาว่ามีอะไรที่เราทำได้บ้าง คงไม่มีทางมีอยู่มีกินต่อไปอีกและหากไม่มีความจนบีบคั้นและคนหยามเหยียดว่า “คนอย่างเธอไม่มีปัญญาเป็นนักจัดรายการหรือเป็นครูได้" อาจไม่มีคนเขียนหนังสือขายในร้านหนังสือหลายคน
             มีเรื่องเล่าว่า เดิมทีมนุษย์เรามีแต่ความสุข เพราะว่าเทวดาเอาความสุขมาโปรยไว้ทุกหนทุกแห่งเพราะอยากให้คนมีความสุข ทุกที่โปรยด้วยดอกกุหลาบไร้หนาม แต่ว่ามีมารมาอิจฉาเห็นคนมีความสุขทนไม่ได้ มารมันไม่พอใจคนที่มีความสุข มารจึงเก็บเอาความสุขที่เทวดาหว่านโปรยไว้ให้มนุษย์หนีไปและนำไปซ่อนไว้ไม่ให้คนหาเจอ มารคิดว่าจะเอาไปซ่อนไหนดีเอาไว้บนยอดเขาสูงหรือใต้บาดาลหรือว่าบนต้นไม้สูงๆ มารรู้ว่าคนไปทุกแห่ง ในที่สุดมารก็เกิดไอเดียแจ๋วๆ ( Good Idea ) คิดวิธีซ่อนลึกลับได้  มารรู้ว่าคนเราเดินทางไปได้ทุกแห่งทุกหนได้ แต่คนมักลืมดูตัวเอง ลืมดูใจตัวเอง มารจึงเอาความสุขไปซ่อนไว้ในดวงใจของคนทุกคน    ดังนั้น เมื่อคนผู้ใดลืมดูใจตัวเอง ไม่รู้ว่าตนเองคิดอะไรอยู่ คนนั้นก็จะมีทุกข์ทันที หากคุณอยากมีความสุขคุณก็ต้องรู้ใจตัวเอง เห็นใจตัวเอง เปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองใหม่ ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ถ้าฉลาดมองเป็น
                 ในละครเรื่อง สงครามชีวิตโอชินตอนหนึ่ง สอนให้เรารู้ว่า "โอชินแม้ว่าอยู่ที่ใดก็เป็นคนขยัน ทำงานเก่งคนรักกันมากมายแต่ไม่อาจทำให้แม่สามีที่คิดจะชังตั้งแต่ตอนแรกรักได้"  งั้นถ้าเรามีคนชังบ้างก็หัดใช้คำว่า “ช่างมัน” ให้ถูกจังหวะเวลา  จงสู้ชีวิตถ้าคิดว่าถึงเวลาสู้  จงพักเมื่อถึงเวลาพัก ดุจกบและอึ่งอ่างจำศีลในยามฤดูแล้งซึ่งมีอาหารน้อย คนเราก็ควรหัดหยุดเมื่อมันเกินกำลัง และเมื่อมีโอกาสก็ทำต่อไป
                 “ ความสุขมันอยู่ในใจเราเอง” เราต้องดูที่ใจเราเหมือนเราส่องดูหน้าก่อนออกจากบ้าน เราแต่งเติมเสริมสีสันใบหน้า ส่องกระจกเจอใบหน้ามีสิวก็หาครีมมาทาหายามากินรักษาเพื่อให้สิวหาย แล้วทำไมเราไม่รักษาใจที่โดนความอยากได้เกินพอดี โกรธไม่ยอมให้อภัยเป็นปีๆ ถ้าใจเราเป็นโรคคือถูกความรัก ความชัง ความโกรธ ความริษยา ความกังวล ความเครียดเป็นต้นบังคับใจเราและลากเราไปตามอำนาจมันให้เราทกุข์ทรมานใจได้เป็นนานแสนนาน  “เราจะสุขหรือเราจะทุกข์ เราจะสู้หรือเราจะท้อแท้....? อยู่ที่ตัวเรา
                      วันที่มีความสุขเวลาที่ผ่านไปเหมือนสั้นๆ ทั้งที่เวลามี 24 ชั่วโมงต่อวันเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นความทุกข์วันนั้นคงยาวนาน คืนหนึ่งแสนยาวสำหรับคนที่รอคอย ความทรมานคือการรอคอยดังนั้นการรอคอยเป็นความทุกข์ใจชนิดหนึ่งเช่นรอให้ถึงพรุ่งนี้จะได้เจอแฟนมันแสนยาว เวลาเป็นไข้ปวดระบมกายกว่าจะผ่านคืนหนึ่งมันยาวนาน กว่าจะผ่านอีกวันก็ทรมาน 24 ชั่วโมงยาวนานกับคนที่มีทุกข์และคนรอคอย   ระยะทางแม้เพียงหนึ่งกิโลเมตรก็ไกลมากสำหรับคนที่แบกหรือถือของหนักบนกาย 
                วันเวลามันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้ จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นฤดู (ร้อน ฝน หนาว ) หลายฤดูกาลก็เป็นปี

  

หมายเลขบันทึก: 401572เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2010 12:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 13:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท