เรื่องฝากจาก พี่อ้อ (ศุภลักษณ์ พริ้งเพราะ) จากการไปนิเทศน์งาน ณ รพ.สต. ห้วยโพธิ์ ค่ะ
เขามีดีอะไรนะ ถึงได้ โล่
ศุภลักษณ์ พริ้งเพราะ.........ผู้เขียน
เสน่ห์การทำงานของ รพ.สต.ห้วยโพธิ์ ทุกคนมีอะไรก็จะเข้ามามีส่วนร่วมและช่วยกันอย่างเต็มกำลัง แม้แต่ตัวอาคารของ รพ.สต. ที่เกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชน ได้ก่อตั้งกองทุน
2 บาทต่อคนต่อวัน แล้วนำเงินจำนวนนั้นมาก่อสร้าง แม้กระทั้งค่าขึ้นเวรของเจ้าหน้าที่ที่ รพ.สต. เพราะที่นี่เปิดบริการนอกเวลาด้วย ไม่ว่าใครเจ็บไข้ได้ป่วยเวลาไหนก็ยังมารักษาพยาบาลที่นี่ได้โดยไม่ต้องเข้าไปในตัวจัง หวัด ที่นี่สามารถเปิดบริการแบบนี้ได้ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุน 2 บาท เป็นการเสียสละเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อคน แต่ผลตอบกลับมันยิ่งใหญ่จนประเมินค่าไม่ได้ ชาวบ้าน ทุกคนก็ได้มีส่วนร่วมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าที่นี่คือ รพ.สต.ของเรา ทุกคนจึงรักและให้ความร่วมมือทุกอย่าง ส่วนเจ้าหน้าที่ รพ.สต. ที่ทำงานที่นี่ก็เป็นคนในพื้นที่ จึงให้บริการได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง คนไข้สามารถเรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนเทศบาลก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของงบประมาณ กำลังคน หรืออะไรก็ตามที่ทาง รพ.สต. เข้าไปขอความร่วมมือก็จะได้รับการตอบสนองกลับมาอย่างดีเยี่ยม เราจึงได้สอบถามว่า รพ.สต. ทำอย่างไรถึงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี พี่หมูจึงได้บอกว่า เราต้องรู้จักขายไอเดียและความสัมพันธ์ส่วนตัว คนที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุขรู้ดีอยู่แล้วว่าเงินไม่ค่อยมี แต่งานเพียบ ท่าน ผอ.รพ.สต. ก็เริ่มเข้าไปนำเสนอว่าทาง รพ.สต.ทำงานอะไรบ้าง การทำงานเป็นอย่างไร ทำให้เทศบาลได้รู้จักบทบาทหน้าที่ของ รพ.สต และทางเทศบาล ก็มีพยาบาลวิชาชีพ เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอยู่ด้วยจึงทำให้ง่ายขึ้น เวลามีอะไรก็ไปรับรู้รับทราบนโยบายด้วยกัน อบรมด้วยกัน เหมือนแพคเก็ตคู่ จากนั้นก็จับมือกันทำงานด้วยกันไปไหนไปกัน เวลามีเด็กเกิดใหม่ก็เชิญท่านนายกไปมอบของขวัญ และเงิน 1,000 บาท และถ้ามีคนตายก็จะเชิญท่านไปมอบที่งานศพ เป็นเงิน 2,000 บาท ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พื้นที่ที่ รพ.สต. ห้วยโพธิ์รับผิดชอบมีจำนวน 18 หมู่บ้าน อสม. ประมาณ 200 คน ทุกคนจะได้รับการสอนงานก่อนที่ อสม. จะนำความรู้ไปปฏิบัติงานที่สุขศาลา เพราะทั้ง 18 หมู่บ้านมีสุขศาลาทุกหมู่บ้าน แล้วก็จะมีเจ้าหน้า อสม. ที่ประจำทุกวันตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 15.00 น. โดยแบ่งงานเป็นงานรักษาพยบาล งานยาและเวชภัณฑ์ งานสุขภาพเชิงรุก งานการเงินและบัญชี งานข้อมูลรายงาน โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เป็นพี่เลี้ยง การเปิดทำงานทุกวันก็จะเป็นในเรื่อง การล้างแผล ทำแผลเล็ก ๆ น้อย เป็นไข้เล็ก ๆ น้อย แต่ทุกที่จะมีรถฉุก เฉินมารับคนไข้ถึงที่ถ้ามีคนป่วยหนักที่ต้องส่งต่อ ส่วนหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติทุกเดือนก็คือ วัดความดัน ชั่งน้ำ หนัก ตรวจเบาหวาน วัดรอบเอว คัดกรองคนไข้ก่อนส่งต่อไปยัง รพ.สต. ก่อนที่ทาง รพ.สต.จะออกตรวจอะไร ทาง รพ.สต. จะทำประชาคมก่อน และดูข้อมูลพื้นฐานของชาวบ้านในหมู่นั้นว่าป่วยเป็นโรคอะไร อย่าง เช่น หมู่ 18 จะเป็นโรคมะเร็งที่ตับมาก ก็จะทำการตรวจพยาธิใบไม้ตับ โดยจะมี อสม.เป็นคนเตรียมตัวอย่าง และเจ้าหน้าที่จาก สสจ.และ สสอ. เป็นผู้ตรวจโดยออกไปตรวจยังที่สุขศาลา แต่ละหมู่บ้านจะมีตารางออกตรวจอย่างชัดเจน และก่อนคุณหมอจะไปตรวจจะมอบหมายให้ อสม.เตรียมทุกอย่างให้พร้อม อย่างเช่น คน ไข้เป็นกลุ่มเบาหวาน ก็จะให้ตรวจดูระดับน้ำตาลก่อน ชั่งน้ำหนัก หลังจากตรวจทุกอย่างแล้วก็จะมีทีมทำกับ ข้าวไว้ให้คนไข้ทาน จะมีงบประมาณลงไปให้ 1,500 บาท ต่อครั้งต่อพื้นที่ ตรวจเสร็จก็ทานข้าว เมื่อทานข้าวแล้วก็จะพบคุณหมอ ก่อนจะจ่ายยาก็จะให้ความรู้ในเรื่องของการทานยาว่าจะต้องทานอย่างไร บางคนทานแล้วอาการไม่ดีขึ้นอาจจะเป็นเพราะทานยาไม่ถูกวิธี จากนั้นก็จ่ายยา และกลับบ้าน ซึ่งเป็นอะไรที่ทุกคนต้องช่วยกันเป็นอย่างมากกว่าจะเกิดระบบตรงนี้ขึ้นได้ สมกับเป็น รพ.สต.ที่ได้รับโล่เลยจริง ๆ
การมีส่วนร่วมนี่เอง เป็นกุศโลบายที่แยบคายมากมายของพื้นที่ ขอบคุณนะคะสำหรับบันทึกดี ๆ ที่ฝากมา
สวัสดีครับ
ขอชื่นชมด้วยคนครับ
นอกจากได้โล่แล้ว
ผมคิดว่า คนทำงานทุกคน
ต้องมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมด้วยแน่นอนครับ
ขอบคุณสำหรับสื่อสารแบงปันเรื่องราวดี ๆ ครับ
ไปเห็นมากะตาแล้วค่ะท่านพี่ ทุกคนสดใสเบิกบาน ยิ่งพอตอนพูดถึงเรื่องงานที่ได้ทำ ท่านเปล่งประกายความสุขออกมาแทบทะลัก นั่งฟังเรื่องราวของท่าน ยิ่งฟังยิ่ง อิ่มใจค่ะ (^_^)
ใช่แล้วค่ะ คุณยาย คนหน้างานที่นี่ มีพลังแห่งศรัทธาในการทำงานอย่างยิ่งยวด แบบคะแนนเต็มสิบแทบจะให้เกินสิบเลยค่ะ (^_^)