หลังจากนั่งพักผ่อนสักพักหนึ่ง ฝ่ายประสานงานแจ้งต้องนำกระเป๋าสัมภาระ เข้าตรวจเช็คก่อนขึ้นเครื่อง และเข้าผ่านด่าน ตม.ขาออก และขั้นตอนต่าง ๆ หลายขั้นตอน ให้ทุกคนตรวจสอบพาสปอตของแต่ละคนให้เรียบร้อย พร้อมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงที่ผ่านด่านตรวจต่าง ๆ ก็ปรากฎว่า อาจารย์อ้วน ไม่สามารถเดินทางร่วมไปกับคณะได้ เนื่องจากพาสปอต หมดอายุ ทำให้บางคนดีใจ เพราะอาจารย์อ้วน ได้สั่งให้ทุกคนที่เดินทางไปในครั้งนี้ ห้ามพูดภาษาไทย ฮา ฮา ฮา
หลายปีที่ผ่านมาได้เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง แต่ดูเหมืนครั้งนี้จะตรวจละเอียด คงจะเพิ่่งผ่านวันที่ ๑๑ กันยายน ที่่ผ่านมานี่เอง และก่อนหน้านี้ก็ได้ข่าวเกี่ยวกับการวางระเบิดบนเครื่องบินมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้การตรวจเข้มงวดกว่าทุกครั้ง
ก่อนที่จะเดินทาง ฝ่ายประสานงานแจ้งว่าให้ทุกคนใส่สูทกันทุกคน ปรากฏว่าแต่งกันมาทุกคน พอเข้าด่านต่าง ๆ ทำให้เกิดความลำบากใจ เพราะต้องถอดสูทใส่ตระกร้าผ่านเครื่องตรวจทุกครั้ง แม้กระทั่งเข็มขัด มือถือ กระเป๋าสตางค์ และ รองเท้า ก็ต้องถอดผ่านเครื่องหมด
อีกเรื่องหนึ่ง พวกเราทุกคนต้องพก Notebook ไปด้วย ทำให้ลำบากไม่น้อย เพราะต้องดึงออกดึงเข้าจากกระเป๋าทุกคร้งที่ผ่านด่านตรวจ ยังดีที่ผู้เขียนไม่ได้พกไป เพราะสอบถามเพื่อน ๆ บอกว่าหากนำไปใช้ที่โรงแรมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก แต่เท่าที่สอบถามผู้ที่พกไป ปรากฎว่าไม่มีท่านใด ได้ใช้เครื่อง เพราะไม่มีเวลา
พอเวลาประมาณ ๐๗.๔๕ น. ก็ให้ทุกคนขึ้นเครื่องบิน ปรากฎว่าผู้เขียนได้นั่งคู่กับอาจารย์ Robin ชาวต่างชาติ ทำให้หนักใจมาก เพราะภาษาอังกฤษเรายังไม่ดีพอ ยังดีที่มีท่าน ดร.น้อย มานั่งด้วย เลยให้นั่งใกล้อาจารย์เสียเลย ดีนะอาจารย์อ้วน ไม่มา ไม่งั้นโดน...แน่
เครื่องบินใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมงสิบนาที ก็ถึงสนามบินนานาชาติชางกี ประเทศสิงคโปร์ เวลา ๑๑.๑๑ น. เวลาท้องถิ่น ซึ่งที่นี่เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย ๑ ชั่วโมง
สามารถติดตามอ่านข่าวความเคลื่อนไหวได้ที่นี่
ถ่ายภาพร่วมกับอาจารย์
กำลังตรวจสอบเอกสาร
สวัสดีค่ะ
สบายดีนะคะ กลับมาแล้วอย่าลืมเล่าประสบการณ์นะคะ
แวะมาบอกว่า ได้ลาออกจากราชการตามโครงการฯ เกษียณก่อนกำหนดแล้วค่ะ
ฝากเยี่ยมผู้อาวุโส ลีกวนยิว ด้วยนะคร้าบบบ