นักเีรียนที่ได้รับรางวัลโอลิมปิควิชาการระดับประเทศ ผลผลิตของการศึกษาในระบบใด


การศึกษาที่ทับซ้อนกันทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย การศึกษาตามอัธยาศัยตามความสนใจมีอิทธิพลมากที่สุด

หากเข้าใจความเป็นการศึกษาในระบบ ก็หมายความถึง
ระบบการศึกษาที่มีการสอนอย่างเป็นระบบ ก็คือมีหลักสูตร
ทุกอย่างดำเนินการไปตามขั้นตอนกระบวนการตามเวลา
มีการทดสอบ และให้ใบรับรองว่ามีประสิทธิภาพตามหลักสูตร
จะเห็นได้ว่า ใบรับรองคือสิ่งสุดท้ายของระบบการศึกษาในระบบ

อาจารย์วิทยากร เชียงกูล ได้สรุปถึงที่สุดของการศึกษาในระบบ
ในเพลงเถื่อนแห่งสถาบันไว้ว่า

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังอะไรไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

ดังนั้นจึงพบว่ามีการหยุดการเรียนรู้เมื่อได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น
ทั้งที่ความรู้มีอยู่ทั่วไป ความรู้ไม่หยุดนิ่ง ที่สำคัญไม่มีใครให้การรับรอง
ในความสนใจของเอกัตบุคคล จะมีการรับรองเป็นปริญญาบัตรบ้าง
เช่น บุคคลที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ แม้บางคนไม่จบป.4 แต่
ได้สร้างองค์ความรู้ทางการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย จนเป็นที่
ประจักษ์สถาบันต่าง ๆ จึงมอบปริญญากิติมศักดิ์ให้ ในต่างประเทศ
แม้ว่าบิล เกตจะไม่จบจากฮาร์วาร์ด เพราะเห็นความสำคัญของการเรียนรู้
ส่วนตนมากกว่าใบรับรอง สุดท้ายฮาร์วาร์ดก็ให้ปริญญาเอกแก่เขา
โดยไม่ต้องไปนั่งเรียนแต่ประการใด

การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยนี้ ผมจะไม่เขียนและไม่พูดถึง
สิ่งเป็นองค์กรในระบบของราชการ ที่มีเป้าหมายสุดท้ายเพื่อใบรับรอง
แต่จะกล่าวถึง การเรียนรู้ที่ผู้เรียนรู้ สนใจ ตั้งใจ ใฝ่ใจในการเรียนรู้
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มการเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มการสนใจใคร่รู้
ในตัวของเอกัตบุคคล โดยไม่มุ่งใบรับรอง

โจทย์วันนี้ก็คือว่า นักเรียนวิชาการระดับโอลิมปิค นั้นเป็นผลผลิตของ
การศึกษาแบบใดกันแน่ ???????????

ประเด็นแรก ถ้าเป็นผลของการศึกษาในระบบ นักเรียนวิชาการในระดับโอลิมปิค
ระดับโลก จะต้องได้รับเหรียญทั้ง ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา
คอมพิวเตอร์ ภาษาัอังกฤษรวมทั้งได้เหรียญทองโอลิมปิค ไปพร้อมกัน
เพราะว่าผลผลิตของการศึกษาไม่ได้มีอยู่แค่ความถนัดแต่เพียงอย่างไดอย่างหนึ่ง
อย่างแน่นอน เพราะกว่าที่จะเป็นระบบนั้นจะมีการส่งผ่านท่อนำความรู้หลายวิชาจาก
ครูไปสู่นักเรียน ผ่านชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า มีการวัดผลประเมินผลอย่างเข้มข้น
จนโค้งปกติเบ้ไปด้านหน้า

ประเด็นที่สอง ถ้าเป็นผลของการศึกษานอกระบบ คือการฝึกอบรมของเหล่าบรรดา
ติวเตอร์ที่ไม่สามารถให้ใบรับรองการศึกษาได้ แต่ได้ให้เทคนิคการทำข้อสอบ
วิธีสอบ วิธีท่องจำ วิธีเรียนรู้ เทคนิคสำคัญต่าง ๆ โดยที่ติวเตอร์เหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำไป
ว่าแผนการสอนนั้นทำอย่างไร ไม่สนใจว่าระบบจะเป็นอย่างไร แต่ถ้านักเรียนมี
ความพร้อมก็สามารถเรียนรู้เทคนิคเล็กน้อยของของข้อสอบ แม้ไม่ได้อ่านหนังสือ
ก็สามารถทำข้อสอบ รู้แจ้งเท่าทันในการวัดประเมินผล

ประเด็นที่สาม ถ้าเป็นผลของการศึกษาตามอัธยาศัย คือ ความสนใจส่วนบุคคล
ที่สนใจและถนัดในเรื่องนั้น ๆ หรือที่การ์เนอร์เรียกว่า สติปัญญาของคนนั้นมีมากกว่า 7ประการ เช่นชอบฟิสิกส์ หรืออะไรที่ถนัดอยู่แล้ว อ่านหนังสือทำแบบฝึกหัด
อยู่ประจำอยู่แล้วโดยไม่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียน เป้าหมายก็เพื่อศึกษาต่อหรือ
ปูพื้นฐานทางวิชาชีพส่วนตน

พอสรุปได้แล้วว่า การศึกษาตามอัธยาศัยมีความสำคัญสูงสุดเพราะความสนใจส่วนบุคคล นั้นเป็นหัวใจของการศึกษาถ้าขาดความสนใจส่วนตนเองเแล้วทุกอย่างก็
ล้มเหลว  ต่อมาการศึกษานอกระบบของติวเตอร์เสริมระบบความสนใจส่วนบุคคล
เมื่อสนใจแล้วหาเรียนรู้เองด้วยการจ่ายเงิน  สุดท้ายก็เป็นการศึกษาในระบบที่รอ
ใบรับรอง จะเห็นได้ว่าเมื่อก่อนที่เด็กเก่งสอบเทียบได้ จึงไม่สนใจการศึกษาในระบบ
เลย เพราะอย่างไรก็ได้เทคนิคทำข้อสอบ ระบบความจำ แม้ว่าสถาบันต่าง ๆ นั้น
จะอ้างว่าเป็นผลงานของการศึกษาในระบบ แต่จริง ๆ แล้วการศึกษามันซ้อนกัน
และมีใครตอบคำถามที่ว่า ทำไมสอนทุกสาระ แต่ได้โอลิมปิคสาขาเดียว คนเดียว
ถ้าเป็นผลงานของการศึกษาในระบบจริง

หมายเลขบันทึก: 398398เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2010 09:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท