ว้าวววววววววววววววว ดูชื่อบันทึกสิ
ไม่ต้องอ่านก็โดนแล้ว ชื่อเหมือนหนังเกาเหลาเลย
หนังเกาหลีเค้ารักและเข้าใจกัน
หนังเกาหลารักกันไม่เข้าใจกัน ไม่กินเส้น
สวัสดีค่ะท่านsmall man
ดีจังค่ะ เป็นการแนะนำหนังสือที่น่าอ่าน เข้าทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่านจังค่ะ ขอบคุณที่นำเสนอสิ่งดีๆ ค่ะ
น่าสนใจมากเลยค่ะ
หากมีเวลาก็จะลองไปหามาอ่านดู เพื่อที่จะได้เข้าใจกันมากขึ้น
ขอบคุณค่ะที่นำสิ่งดี ๆ มาเสนอ
สังคมไทยกำลังเปราะบางอย่างยิ่ง เพราะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความกลัวซึ่งกันและกัน
ปัญหาบ้านเมืองในตอนนี้
หนึ่งข้อมูลข่าวสารในสังคมที่มีอยู่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง นำเสนอเพียงด้านเดียว เพื่อจงใจให้คุณแก่ฝ่ายตัวเอง และจงใจให้โทษกับฝ่ายตรงข้าม
(ครับ ประมาณว่า "สื่อเลือกข้าง")
สองนักการเมืองคิดจะเอาแต่ประโยชน์ตัวเอง ไม่คำนึงถึงชาวบ้าน(ที่ตัวเองอ้างถึงตลอด) ไม่คำนึงถึงบ้านเมือง
(การเมือง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้นนะครับ)
วิธีแก้ คือ ต้องให้ความรู้คน ให้การศึกษา เพื่อให้ทันคนครับ
ขอบคุณมากครับ
ยังไงละก็ ลองหาซื้อมาอ่านดูนะครับ แล้วนำมาคุยกัน
สวัสดีค่ะท่านรอง
"จะรักกันอย่างไร ในเมื่อเรายังไม่เข้าใจกัน"
สวัสดีค่ะท่านรอง ฯ มาเยี่ยมอ่านสาระน่าเรียนรู้ทำให้ได้รู้จักหนังสือดีๆอีกเล่มหนึ่งค่ะ ขอบคุณค่ะยังคงติดตามอ่านบันทึกอยู่ค่ะแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาบันทึกไว้ อิอิ
+ สวัสดีค่ะท่าน... small man
เรามักจะแก้กันง่ายๆ มองกันง่ายๆ โดยมองกันแค่เหตุการณ์ในปัจจุบัน และก็มักจะแก้กันง่ายๆที่ปลายเหตุ โดยขาดมุมมองที่ลุมลึกไปถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่มีที่มาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
+ ประทับใจและเห็นด้วยกับความคิดนี้ค่ะ...ไม่ว่าปัญหาใด ๆ คนเรามักเป็นเช่นนี้ เราจึงแก้ไขปัญหาอะไรไม่มีคุณภาพซะที่ค่ะ...และยังแต่นำมาซึ่งปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวโยงกันไป
(ข้อความโดนใจค่ะ)......ความเข้าใจที่คนไทยแต่ละกลุ่มที่มีต่อคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกันนับว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะความเข้าใจบริบทหรือเงื่อนไขแวดล้อมกันซับซ้อนที่ผลักดันพฤติกรรมทางสังคมของคนแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้งรอบด้านเท่านั้น ที่จะช่วยลดความเกลี่ยดชังและความกลัวต่อกันและกันได้ จนสามารถจะมองเห็นซึ่งกันและกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ต่างก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเงื่อนไขแวดล้อมเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมของแต่ละคน หรือ แต่ละกลุ่มเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลายในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนมนุษย์ที่มีชะตากรรมร่วมกันอยู่อย่างมาก เพราะต่างก็สังกัดอยู่ในสังคมเดียวกัน ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมร่วมกัน และ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็ต้องรับผลแห่งความรุนแรงนั้นร่วมกัน ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม" ผมอ่านจบแล้วหูตาสว่างขึ้นอีกมากครับ
ครูตาได้อ่านเพียงใน blog ของท่านรองฯ ก็นึกถึงสภาพองค์กร/สังคมเดียวกันของ ศูนย์การเรียนรวมแม่ก๋งวิทยาเลยค่ะ กลุ่มคนที่ย้ายอยู่ในสังคมเดียวกันตั้ง 4 โรงเรียน ยากมากที่จะเข้าใจวัฒนธรรมของโรงเรียนใหม่ที่มาอยู่ด้วย ในเมื่อแต่ละคน หรือกลุ่มคนต่างยึดติดกับ paradigm เดิม ๆ วัฒนธรรมเดิม ๆ ซึ่งขาดการหลอมรวมใจกัน (ยากจัง) เมื่อจัดกิจกรรมแต่ละครั้ง แม้เราจะคิดว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่กลับยุ่งยากไปหมด ท่านคิดว่าปัญหาอย่างนี้ จะรอเวลา หรือว่า รีบจัดการดีคะ ?
* ขาดการหลอมรวมใจกัน (ยากจัง) เมื่อจัดกิจกรรมแต่ละครั้ง แม้เราจะคิดว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่กลับยุ่งยากไปหมด
* ท่านคิดว่าปัญหาอย่างนี้ จะรอเวลา หรือว่า รีบจัดการดีคะ ?
ขอตอบตามความคิดของผมนะครับ ผมว่าทางแก้ที่ดีที่สุด (แต่ทำยากที่สุด) ต้องแก้ด้วย Dialogue ครับ นำมาล้อมวง Dialogue กันบ่อยๆ ก็จะค่อยๆเข้าใจกันครับ
แต่ Dialogue ทำยากครับ เพราะขัดกับวัฒนธรรมของเรา
ตอนนี้ ที่จะพอทำได้ คือ คงต้อง "แก้ที่ตัวเอง" ครับ
ขอบคุณครับ
คุณsmall man ค๊ะ ขอเชิญชวนกันมาคิดบวก ในความต่างเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องดีที่ท้าทายและเป็นรางบอกเหตุหนสู่ความเป็นประชาธิปไตยไงอยากบอกว่าน้อยคนนักที่จะรักแรกพบ ดังนั้นการที่มีความไม่เข้าใจกัน เพียงให้เวลาติดตามตรึกตรองมองหลายมุม ใจนิ่ง ใจเย็น ใจกว้าง ก็จะเห็นความเป็นธรรมดา เริ่มจากตัวเราเปลี่ยนไม่ใช่คนอื่น เรื่องง่ายๆ คิดได้แล้ว เริ่มทำเลย จะเห็นความเป็นธรรมดาที่ว่านี้ทันที
คุณทองครับ
* ขอเชิญชวนกันมาคิดบวก ในความต่างเป็นเรื่องธรรมดา
(ดีมากเลยครับ
* เป็นเรื่องดีที่ท้าทายและเป็นรางบอกเหตุหนสู่ความเป็นประชาธิปไตย
(ประชาธิปไตย ต้องยอมรับความต่างครับ)
* ดังนั้นการที่มีความไม่เข้าใจกัน เพียงให้เวลาติดตามตรึกตรองมองหลายมุม ใจนิ่ง ใจเย็น ใจกว้าง ก็จะเห็นความเป็นธรรมดา
(ครับ มองหลายแง่หลายมุม)
* เริ่มจากตัวเราเปลี่ยนไม่ใช่คนอื่น เรื่องง่ายๆ คิดได้แล้ว เริ่มทำเลย จะเห็นความเป็นธรรมดาที่ว่านี้ทันที
(ดีมากครับ เริ่มที่ตัวเราก่อน)