นิรโทษกรรม : ความสมเหตุสมผลในทางการตลาด?

           พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การกดรีโมทของนายเนวิน ชิดชอบ (ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่กลับมีข่าวทางด้านการเมืองมากกว่ารัฐมนตรีอีกหลาย ๆ คนเสียอีก) ได้มีข้อเสนอเพื่อหาทางออกให้กับประเทศในการเดินหน้าเข้าสู่การสมานฉันท์ผ่านกระบวนการทางด้าน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ซึ่งใครจะเชื่อในเนื้อหาสาระหรือว่าแท้จริงแล้วมีวาระซ่อนเร้นเพื่อปกป้องพรรคพวกตัวเอง ก็ต้องใช้วิจารณญาณหาข้อมูลให้รอบด้าน ซึ่งต้องวิเคราะห์ทั้งเบื้องหลัง (อดีต) เบื้องกลาง (ปัจจุบัน) และเบื้องหน้า (แนวโน้มในอนาคต) ให้ออกว่าแก่นแท้ที่จริงแล้วอิงกับประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องหรือเพื่อปกป้องประโยชน์ของส่วนรวมกันแน่

 

         แต่ที่เห็นแล้วรู้สึกกังวลและไม่สบายใจก็คือ ข้อความที่พรรคภูมิใจไทยใช้ในการหาเสียงเพื่อสนับสนุนพ.ร.บ.นิโทษกรรมดังกล่าวนั้นมันสมควรหรือไม่ ?

 

รวมพลังปกป้องสถาบัน 

“นิรโทษกรรมผู้บริสุทธิ์”

หยุดความแตกแยก

 

 

 

 

           ประเด็นอยู่ที่ว่า “พวกคุณต้องการสื่อนัยอะไร?”

                 ๑. คนที่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกับพวกคุณ คือ คนที่ปกป้องสถาบันและจงรักภักดีอย่างนั้นหรือ?

                 ๒. ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมกับพวกคุณ คือ คนที่ไม่ปกป้องสถาบันและไม่มีความจงรักภักดีอย่างนั้นหรือ?

 

                   ในปัจจุบันคนไทยได้ถวายความเคารพสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบัน ด้วยความเคารพสักการะทั้งโดยสายเลือดและเลื่อมใสศรัทธาในพระราชปณิธาน พระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณต่าง ๆ ประกอบรวมเข้าด้วยกัน พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญประโยชน์ที่มีคุณูปการอย่างหาที่สุดไม่ได้ พระราชสถานะของพระองค์ในวันนี้จึงผูกพันกับคนไทยเกินกว่า “เป็นที่เคารพสักการะ” มาเป็น “เคารพ เทิดทูน บูชา” และฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวไทยทุกคน ดังคำกล่าวที่ว่า “ทรงเป็น ธ ผู้สถิตย์ในดวงใจของคนไทยทั่วหล้า”

 

                พวกคุณ (พรรคภูมิใจไทย) จะโน้มน้าวใจโดยใช้แผนการตลาดที่แยบคายอย่างไรหรือมีวาระซ่อนเร้นอย่างไรไม่มีใครว่า (เพราะปัญญาชนย่อมดูออก) แต่อย่านำเอาเรื่องของ “การปกป้องสถาบันหรือการแสดงออกถึงความจงรักภักดี” มามีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) ดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีความสมเหตุสมผลและมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง