ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้เริ่มตกผลึกทางความคิดของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์โดยเฉพาะเรื่อง “การทำงาน” ที่ผมได้คิดไต่ตรองมาหลายปี
สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อการแยกแยะ การทำงาน ออกจากการหาเงิน และออกจากการเลี้ยงชีพ
ที่ผมรู้สึกว่า คนจำนวนมากสับสน จนไม่ทราบว่าที่ผ่านมา หรือขณะนี้ตัวเองกำลังทำอะไรกันแน่
ทำให้
ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงกับผิดพลาดก็มีอยู่มากมาย
เกิดและอยู่มาจนแก่ จนเฒ่า จนตายไปกับ
ที่เป็นที่มาของความผิดพลาดในการดำเนิน และดำรงชีวิต
นับได้ว่า กว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายไปเสียแล้ว
ต้องมาใช้คำว่า “ถ้ารู้อย่างนี้....” ให้เสียความรู้สึกกันบ่อยๆ
เพราะการวางเป้าหมายที่ผิดพลาดแล้ว จะเปลี่ยนหรือต่อยอดในบั้นปลายนั้น เป็นเรื่องที่ทำแทบไม่ได้ หรือทำได้ยากจริงๆ
ดังนั้น
ผมจึงคิดว่า น่าจะรวบรวมความคิดที่พอจะตกผลึกมาให้เห็นแนวทางสำหรับคนที่คิดจะ “ทำงาน หางาน สร้างงาน และคิดที่สร้างผลงานฝากไว้กับสังคม ก่อนที่จะจากไป”
ที่ผมได้ทบทวนความจำเป็น และเขียนบันทึกนี้ เป็นลำดับที่ ๓ เพื่อตอบสนองระดับความคิดของคนระดับต่างๆในสังคม (สำหรับตอนที่ ๑ และ ตอนที่ ๒ นั้น เป็นการสะกิดให้คนคิดในระดับขั้นต้นและระดับกลาง ตามลำดับครับ)
แต่ ในส่วนตัวผมเอง ผมใช้หลักที่ตกผลึก และคิดแค่ว่า ปรัชญาและเป้าหมายของ "การทำงาน" ของผม
ก็เพียงเพื่อ “ขอให้ผมได้มีโอกาส"
อย่างอื่นๆ ที่อาจได้มาในระยะที่มีชีวิตและ "ทำงาน" ในโลกนี้ ถือว่าเป็นผลพลอยได้ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ณ วันนี้ ผมมาได้ข้อสรุปสำคัญว่า
งาน คือ สิ่งที่เมื่อทำแล้วเกิดผลอย่างยั่งยืน ตามหลักกลศาสตร์ว่า เท่ากับ แรง (ที่ออก) คูณด้วย ระยะทาง(สุดท้ายและยั่งยืน)
การสร้างงาน คือการทำให้เกิดผลต่างๆที่จะทำให้เกิดการทำงาน
การทำงาน คือการดำเนินตามขั้นตอน
ผลงาน คือ ผลที่เกิดขึ้นตามทิศทางที่กำหนดไว้ในแผนการทำงาน
ผลการทำงาน ที่นับถือกันทั่วไปนั้น
ต้อง “ยั่งยืน”
ไม่เป็นแบบ “การก่อเจดีย์ทรายบนชายหาด”
ที่ไม่นานน้ำทะเลก็จะพัดพังหายไป ไม่เหลือร่องรอยอะไร
ดังนั้น ผลงานที่ได้ จึงอาจแบ่งได้เป็น
ผลกระทบ ของการทำงาน ก็มีทั้งในระดับ
ที่ผู้ทำสามารถกำหนดเป้าหมายและดำเนินการให้เป็นไปตามนั้นได้ ตั้งแต่เริ่มขั้นตอนแรกของการทำงาน
ถ้ารู้ ตระหนัก และเข้าใจหลักการ ขั้นตอน และการดำเนินงาน จนกระทั่งคอยประเมินผลเป็นระยะๆ ก็สามารถทำให้การทำงานบรรลุผลได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ทั้งการใช้ทรัพยากรและเวลาที่มีของชีวิต
ที่จะทำให้เรา
ขอให้มีความสำเร็จในชีวิตทุกท่านครับ
ขอบพระคุณมากครับกับประสบการณ์ดีๆ
ขอแชร์ความคิดนะครับ กับคนที่มีประสบการณ์อันน้อยนิดอย่างผม
เมื่อวางเป้าหมายที่ดีแล้วก็ต้องทำงานด้วยจิตว่าง ตามที่ท่านพุทธทาสสอนไว้ครับ
ผมว่าทำงานในทางโลก(หาเลี้ยงชีพ)ก็ควรจะได้ในทางธรรม(ปฏิบัติทางจิต)ด้วย หมายถึงการหาเลี้ยงชีพใดๆก็ควรหวังผลในทางธรรมด้วย (มรรค8) "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" (ท่านพุทธทาส)
ส่วนผลงานก็ควรยกให้กับความว่างดีกว่าครับ สบายใจ เพราะที่สุดแล้วอะไรๆก็ว่างไปหมด แม้แต่ตัวเรา
ที่ว่ามาเป็นธรรมขั้นสูง มีน้อยคนที่จะสามารถเข้าถึงได้
ปุถุชนทั้วไปยังมีกิเลสหนาแตกต่างกัน ผมคิดว่าคงต้องมีระดับแตกต่างในทางปฏิบัติครับ แม้ว่างก็คงต้องมีระดับแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
การแยกแยะเป้าหมาย น่าจะทำให้การดำเนินชีวิตชัดเจนและน่าจะผิดพลาดน้อยลงครับ
ทั้งงาน และการทำงาน และความหวังในผลงาน