"จิตอาสา"
คำนี้คนจำนวนหนึ่งคงได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว แต่ยังมีอีกมากมายหลายล้านคน ไม่เคยได้ยินหรือรู้ความหมายของ
คำเล็กๆ คำนี้เลย
จิตอาสา คือ ผู้ที่มีจิตใจที่เป็นผู้ให้ เช่น ให้สิ่งของ ให้เงิน ให้ความช่วยเหลือด้วยกำลังแรงกาย แรงสมอง ซึ่งเป็นการเสียสละ สิ่งที่ตนเองมี แม้กระทั่งเวลา เพื่อเผื่อแผ่ ให้กับส่วนรวม...อีกทั้งยังช่วยลด "อัตตา" หรือความเป็นตัว เป็นตน ของตนเองลงได้บ้าง
"อาสาสมัคร" เป็นงานที่เกิดจากผู้ที่มี จิตอาสา ซึ่งมีความหมายอย่างมาก กับสังคมส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือ สังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น
การเป็น "อาสาสมัคร"
ไม่ว่าจะเป็นงานใดๆ ก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราควรทำทั้งสิ้น คนที่จะเป็นอาสาสมัครได้นั้น ไม่ได้จำกัดที่ วัย การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือ ข้อจำกัด ใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่ต้องมีจิตใจ เป็น "จิตอาสา" ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคม เท่านั้น
จิตอาสา...ทำไม?
หลายคนมีคำถามกับสังคมว่าทำไมความวุ่นวายของสังคมจึงมากนัก การแข่งขันที่ร้อนแรงในทุกๆด้าน การทำลายสิ่งแวดล้อม การเอาเปรียบผู้ด้อยโอกาส การปล่อยมลพิษสู่สังคม การว่าร้ายเสียดแทง การแก่งแย่งชิงดี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มาจากสาเหตุเบื้องต้นคล้ายๆกันคือ ความเห็นแก่ตัว หรือเอาแต่ได้ในส่วนตนเป็นหลัก ใช่หรือไม่
จิตสาธารณะตรงนี้ที่มองเห็นผู้อื่นเห็นสังคมดังนี้เองที่เราเรียกกันว่า " จิตอาสา " จิตใจที่เห็นผู้อื่นด้วย ไม่เพียงแต่ตัวเราเอง เราอาจจะยื่นมือออกไปทำอะไรให้ได้บ้าง เสียสละอะไรได้บ้าง ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แบบเพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ใช่ผู้เหนือกว่า มีน้ำใจแก่กันและกันไม่นิ่งดูดายแบบที่เรื่องอะไรจะเกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับฉันฉันไม่สนใจ สามารถแสดงออกมาได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการให้รูปแบบต่างๆ ตลอดจนการอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคม ปัจจุบันได้มีวาระแห่งชาติการให้และอาสาช่วยเหลือสังคมแล้ว เป็นการร่วมมือกันรณรงค์ส่งเสริม " จิตอาสา "ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นการปลุกน้ำใจคนไทยให้งอกงามกลับมาอีกครั้งหนึ่ง มาช่วยกันดูแลสังคมไทยร่วมกัน ดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน ตลอดจนปัญหาต่างๆรอบๆตัว อย่างน้อย มองออกมานอกกรอบของเรื่องตัวเอง ออกมาดูคนอื่น เห็นใจ เข้าใจคนอื่นกันมากขึ้น ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดี ทำดีให้เป็นรูปธรรมกันมากขึ้นในสังคมไทย มิใช่เพียงแต่วิจารณ์ ต่อว่าใครหรือคนกลุ่มใดที่ควรรับผิดชอบ แต่ออกมารับผิดชอบ มีส่วนร่วมด้วยกัน
ทำอย่างไรจะลดความเอาแต่ได้ลงบ้าง ตรงกันข้ามกับการเอาเข้ามาใส่ตัวก็คือ " การให้ " แก่คนอื่นออกไป เมื่อคนต่างๆเริ่มมองออกไปสู่ภายนอก แค่นอกจากตัวเองเท่านั้นเอง มองเห็นผู้อื่นอย่างลึกซึ้งแท้จริงมากขึ้น เริ่มเข้าใจมุมมองของคนอื่น เขาต้องการอะไร เขาอยู่ในสภาพไหน เราช่วยอะไรได้บ้าง มองเห็นสังคม เห็นความเป็นไป เห็นแนวทางที่จะช่วยกันลดปัญหา เริ่มให้ เริ่มสละสิ่งที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เวลา แรงงาน เงิน สิ่งของ อวัยวะหรือแม้กระทั่งสละความเป็นตัวเราของเรา ซึ่งนั่นเป็นหนทางการพัฒนาจิตใจแต่ละคนได้อย่างเป็นรูปธรรม
เพียงแค่คนไทยแต่ละคน ลุกขึ้นมาทำความดีกันคนละนิด คนละนิดเดียวเท่านั้น ประเทศชาติของเราน่าจะงดงามขึ้นอีกไม่น้อย เช่น เพียงร่วมกันบริจาคเงินกันเพียงคนละ ๑๐ บาท เราก็จะมีงบประมาณช่วยเหลือสังคมขึ้นมาทันที ๖๐๐-๗๐๐ ล้านบาท ถ้าเราอาสาช่วยเหลือสังคมคนละเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อปี เราก็จะมีถึง ๖๐-๗๐ ล้านชั่วโมงที่คนมาช่วยเหลือกัน เราลองนึกดูกันซิคะว่าสังคมเราจะเป็นอย่างไร ถ้าคนไทยมีจิตอาสากันเต็มแผ่นดิน ความสุขสงบของสังคมคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เรามาช่วยกันสร้าง " จิตอาสา " กันเถอะค่ะ
...จิตอาสา คำนี้จะคุ้นหูพวกเรามากขึ้น ....
...หากแต่เพียงมองรอบตัวท่าน...
...ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม...
จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบโดยรวมต่อประชากรทุกระดับชั้น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นในสังคมและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยากจนและด้อยโอกาส ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด จึงเกิดความหลากหลายของปัญหาและอาชีพ ซึ่งทำให้ขาดโอกาสในการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ชุมชนในตำบลไผ่ล้อม ซึ่งเป็นชุมชนเล็ก มีประชากรหลากหลายชนชั้น และหลากหลายอาชีพ ทำให้มีความแตกต่างของสภาพความเป็นอยู่ จึงทำให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิต เช่น ปัญหาการด้านสาธารณสุข การดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ในเขตพื้นที่ชุมชนในตำบล ไผ่ล้อมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การจัดการศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน กระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ มีทักษะการดำรงชีวิตที่เกิดจากการฝึกหัด สามารถใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเองและประกอบอาชีพ อีกด้านหนึ่งคือ เป็นการบ่มเพาะ กล่อมเกลา ปลูกฝังและปลุกจิตสำนึก เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เกิดความตระหนักในบทบาทหน้าที่ขึ้นในจิตใจ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สถานศึกษาทุกระดับ ทุกสังกัด และหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนและร่วมจัดการศึกษา จึงมีส่วนสำคัญในการจัดการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมที่จะส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาผู้เรียนอย่างเหมาะสม
ดังนั้น กศน.อำเภอภาชี จึงได้ตระหนักถึงกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งตรงกับมาตรฐานที่ 2 การจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานนอกระบบ ตัวบ่งชี้ที่ 2.1 คุณภาพของหลักสูตร ตัวบ่งชี้ที่ 2.2 คุณภาพของครู ตัวบ่งชี้ที่ 2.3 ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู ตัวบ่งชี้ที่ 2.4 คุณภาพของการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตัวบ่งชี้ที่ 2.5 ผู้เรียนเป็นคนดี ตัวบ่งชี้ที่ 2.6 ผู้เรียนมีความสุข และจะส่งผลให้สังคมและประเทศชาติ สามารถดำรงชีวิตได้เป็นปกติสุข จึงได้จัดโครงการจิตอาสาฯเพื่อพัฒนาการศึกษาขึ้น เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวข้างต้นได้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
การลงพื้นที่ทำงาน มอบความรู้ที่มีอยู่ให้กับเยาวชนซึ่งเป็นประชาชนในตำบลไผ่ล้อม ในการสร้างสื่อศิลปะ POP-UP ได้มากกว่าอะไรทั้งสิ้น
ลงพื้นที่ สอนคอมฯให้กับเยาวชนในตำบลไผ่ล้อม ขั้นตอนง่ายๆ ในการเข้าถึงผู้ปกครองของนักเรียน ที่จะมาเป็นนักศึกษา กศน.ตำบลไผ่ล้อมในอนาคต
http://www.4shared.com/audio/TGzM7gOS/BOYdPOD_-___feat___-_.html
มาเยี่ยมให้กำลังใจในการทำงานครับ
ครูครับถ้าว่างช่วยสอนครูทองใหม่แต่งหัวบันทึกหน่อยนะครับ เย้ๆๆ
สวัสดีคะ
เป็นโครงการที่ดีมากขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
สู้ๆๆๆๆครับพี่น้อง
เป็นกำลังใจให้คุณ อ.เต้ย
อธิบายคำว่า จิตอาสา ได้แจ่มแจ้งจริงๆนะคะครูเต้ย แถมนิดนึง ครูต้นใส่เสื้อได้ตรงกับตัวจริงเลยนะ(ขี้เมา) ใครช่างซื้อให้ถูกใจจริงๆ