ทวนทบเรื่องศรัทธา


ทุกวันนี้ถ้าอยากอ่านว่าพระอาจารย์ท่านนั้นดีอย่างโน้นท่านนี้ดีอย่างนี้ให้ไปหาซื้อพวกหนังสือพระเครื่อง,เรื่องลี้ลับมาอ่านอาจจะเจอได้มากกว่าการรอคอยอ่านข่าวสร้างสรรค์ดีๆในทางหนังสือพิมพ์หรือข่าวรายวัน.

ได้รับรู้ข่าวการร้องเรียนพระดังรูปหนึ่งและการที่เพื่อนรุ่นพี่มาคะยั้นคะยอชวนให้ลองไปรับธรรมะแบบจีนไต้หวันที่เกิดขึ้นในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดคำถามในใจถึงจริตศรัทธาของตัวเอง..แยกเป็นสองหัวเรื่อง เรื่องแรกคือ..กรณีข่าวทำให้ฉุกคิดและทบทวนตัวเองว่าตกลงที่เคยไปวัดหรือธรรมสถานต่างๆบ่อยๆหรือประจำนั้นเป็นเพราะเราเกิดศรัทธาในธรรมมะที่พระอาจารย์ซึ่งท่านอยู่ณ.ที่นั้นอบรมสั่งสอนหรือไปเพราะมีศรัทธาในตัวพระอาจารย์..ถ้าเป็นอย่างหลังคือศรัทธาตัวบุคคลต่อไปฉันคงจะไม่ค่อยกล้าไปที่ไหนๆอีกเพราะกลัวเสียกำลังใจและสูญเสียศรัทธา.อ่านหนังสือธรรมะหรือเปิดMP3อยู่บ้านน่าจะบาปทางใจน้อยกว่าไปวัดเป็นแม่นมั่น..

                                   

ทุกวันนี้ถ้าอยากอ่านว่าพระอาจารย์ท่านนั้นดีอย่างโน้นท่านนี้ดีอย่างนี้ให้ไปหาซื้อพวกหนังสือพระเครื่อง,เรื่องลี้ลับมาอ่านอาจจะเจอได้มากกว่าการรอคอยอ่านข่าวสร้างสรรค์ดีๆเกี่ยวกับพระและพุทธศาสนาในทางหนังสือพิมพ์หรือข่าวรายวัน..

ข่าวพระสงฆ์ที่จะเจอมักไม่พ้นเรื่องนินทาว่าร้ายหรือประวัติมั่วสุม ดังนั้นปัญหาระบบจัดการวัดแบบไทยๆจึงมักกลายเป็นข่าวก่อความรู้สึกและทัศนคติเชิงลบเพื่อให้ได้รับรู้และวิจารณ์กันไปตามประสาชาวโลก..ไม่เข้าใจว่าทำไมเราจะต้องสร้างภาพหรือคาดหวังความสมบูรณ์แบบในความไม่สมบูรณ์แบบ ไปเพื่ออะไร อัธยาศัยของพระอาจารย์ทุกท่านยังไงก็มีจุดอ่อน(ไม่สามารถตอบโจทย์ของคนได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็น)แต่ถึงกระนั้นธรรมของพระศาสดาที่พระสงฆ์ท่านได้ศึกษาและเอามาถ่ายทอดต่อ..หากทดลองปฏิบัติและพิจารณาตามเงื่อนไขของท่านจะพบว่าพระทุกรูปท่านสอนได้สมบูรณ์หมดเพียงแต่ว่าเรามีปัญญา มีความชื่นชอบและเชื่อมั่นในสไตล์การสอนแบบไหนเท่านั้น เป็นจริตของแต่ละคน..

จากหัวข้อแรกมาที่หัวข้อสอง..ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของตัวเอง.

.มองในด้านหนึ่งก็ขอบคุณความมีน้ำใจของพี่เขาที่ตั้งอกตั้งใจขยันมาชวนให้ทำความดี การกินเจเป็นสิ่งที่ดีและโดยส่วนตัวก็ชอบที่จะทำเมื่อมีโอกาส..แต่ขั้นอุทิศตนเองแบบพี่เขาคงขอคิดดูก่อน อีกทั้งทิษฐิตัวเองที่ไม่เชื่อการอฐิษฐานขอพลังเทพเจ้าบนสวรรค์หรือเกจิต่างๆมาช่วยดันให้ตัวเราบรรลุธรรมหรือหลุดพ้นจากวัฏฏะ..คิดว่าค่อนข้างขัดแย้งกับที่เคยได้เรียนหรือฟังหลวงพ่อแถวบ้านสั่งสอนมาตอนเด็กๆ..พี่เขายังบอกว่าต่อไปในยุคพระศรีอาริย์เราจะไม่ไหว้พระแบบที่เคยไหว้ในปัจจุบัน..หากไม่อยากหลุดจากกระแสควรเลือกไปวัดแบบใหม่ๆที่มีความเชื่อเหมือนๆกัน..แม้เป็นคนชื่นชอบนวัตกรรมแต่ก็ยังมีคำถามและก็คำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการแสดงออกและการหนทางพ้นทุกข์แบบชาวพุทธยุคปัจจุบันและอนาคต...แม้จะรู้ว่าพี่เขาเป็นคนดี ใจบุญและมีความมั่งคงในการปฏิบัติทางธรรม.แต่กลายเป็นว่าฉันมักต้องคอยหลบผู้ที่ชักชวน..กฏของครอบครัวที่ตระหนักรู้คืออย่าปฏิเสธเรื่องทำบุญทำทานแต่การปฏิบัติตนตามศรัทธาทางศาสนา ฉันคิดว่ามันเป็นคนละอย่างกับการทำบุญ..เพราะอึดอัดใจไม่อยากดับศรัทธาของพี่เขาด้วยการบอกตรงๆว่า๑.เราชอบและยังมีความสุขกับไหว้พระแบบเบญจางคประดิษฐ์อยู่ ดังนั้นอย่าเสียเวลามาชวนไปฝึกไหว้พระแบบอื่นๆเลยค่ะ ๒.หนูเคยแสดงตนว่าเป็นพุทธมามกะไปแล้วเป็นทาสีในพระพุทธโคดมไปแล้วเมื่อตอนเด็กๆพอโตขึ้นหรือเริ่มแก่ลงจะให้มาเปลี่ยนความเชื่อและละคลายจากการน้อมระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าหันมาเชื่อในเทพหรือเกจิองค์อื่นๆแทนที่นั้น ทำไม่ได้..แม้จะบอกว่าเป็นพุทธเหมือนกันไม่ได้เป็นศาสนาอื่นแต่ก็รู้สึกฝืดฝืนใจมาก..อาจทำให้ไม่ได้บุญอย่างที่พึงจะได้ และ ๓.เป็นคนอยากทำบุญด้วยจิตศรัทธามากกว่าการกลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือจะไม่ได้เข้าถึงนิพพาน..เขียนทบทวนมาถึงตรงนี้รู้สึกเชื่อมั่นในศรัทธาต่อพระสงฆ์และธรรมะของพระพุทธเจ้ามากขึ้น..เริ่มรู้แนวว่าหากเจอกับการชักชวนของพี่เขาอีกฉันจะคุยหรือตอบปฏิเสธกับพี่เขาว่าอย่างไร

          

หมายเลขบันทึก: 395452เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2010 12:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

แบบนี้ต้องใช้หลักกาลสูตรของพระพุทธองค์แล้วครับ

@ขจิต ฝอยทอง

 :ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ..อาจารย์ยังดูหล่อเหมือนเดิมเลย..อิอิ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท