ทำให้อาคารบ้านเรือนเป็นสีเขียวด้วยพืชพันธุ์ การทำความดีเพื่อพลโลกช่วยลดภาวะโลกร้อน....


ถ้าหากทุกครัวเรือน หันมาช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ให้มีพืชพันธุ์ที่หลากหลาย พื้นที่มากก็ปลูกพันธุ์ไม้ใหญ่ พื้นที่น้อยก็ปลูกพันธุ์ไม้เล็ก

         ถ้าหากทุกครัวเรือน  หันมาช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ให้มีพืชพันธุ์ที่หลากหลายโดยยึดหลักการ  พื้นที่มากก็ปลูกพันธุ์ไม้ใหญ่  พื้นที่น้อยก็ปลูกพันธุ์ไม้เล็กก็น่าจะเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์มากสำหรับโลกกลม ๆใบนี้

          ด้วยเหตุดังกล่าวจึงขอนำเอาความรู้เรื่องอาคารสีเขียวมาแบ่งปันเพื่อที่อาจจะทำให้เราคิดได้ว่าเราก็สามารถกระทำการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้

          เพราะเมื่อจะพูดถึงการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ใครต่อใครหลายคนคงพากันนึกถึง การปลูกป่า การใช้ถุงผ้า การประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุรีไซเคิล คงจะมีน้อยคนที่จะนึกถึงธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ หรือถ้าจะนึกถึงก็คงเป็นพียงแค่การปลูกต้นไม้ภายในอาคารเท่านั้น
   
           อาคารเขียว เกิดจากแนวคิดในช่วงวิกฤติพลังงานระหว่างปี พ.ศ. 2513 หลายองค์กรในอเมริกาเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะมีองค์กรเฉพาะเพื่อประเมินความเป็น “สีเขียว” ของอาคาร ดังนั้นสถาปนิกแห่งอเมริกาจึงจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมขึ้นใน ปี พ.ศ. 2523 ให้เป็นแหล่งความรู้และค้นหาวิธีการออกแบบอาคารที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีองค์กรทยอยเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งโปรแกรม LEED การออกแบบเพื่อการเป็นผู้นำทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ของอเมริกา ในปี พ.ศ. 2526
   
            อาคารสีเขียวแท้จริงคือ แนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรของตัวอาคาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน น้ำประปา และวัสดุต่าง ๆ รวมทั้งลดผลกระทบของตัวอาคารต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคารและสิ่งแวดล้อม ผ่านการออกแบบ การก่อสร้าง การดำเนินการ การบำรุงรักษา ไปจนถึงการกำจัดอย่างมีคุณภาพมากขึ้น ตลอดช่วงชีวิตการดำรงอยู่ของตัวอาคาร
   
          หากอาคารในบ้านเราที่มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ทั้งที่ก่อสร้างเสร็จแล้วและที่กำลังจะก่อสร้าง ทุกอาคารหันมาใส่ใจ หรือรัฐบาลกำหนดขึ้นมาเป็นมาตรฐาน หรือตั้งเป็นกฎเกณฑ์ที่ทุกอาคารต้องปฏิบัติ คงเกิดประโยชน์อย่างมากมาย มหาศาล เพราะอาคารสีเขียวใช้พลังงานน้อยกว่าอาคารปกติร้อยละ 40-50 และใช้น้ำน้อยกว่าร้อยละ 20-30 โดยแม้จะทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-8 แต่ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จะคืนทุนส่วนนี้ ภายใน 3-5 ปี
   
          การได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับแสงแดดและมองเห็นทิวทัศน์ จะทำให้คนทำงานรู้สึกเชื่อมโยงกับโลกภายนอก และจิตใจสงบสบาย งานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่าหากมีโอกาสสัมผัสแสงแดดและทัศนียภาพในที่ทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานของคนจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12-15
   
         ด้านคุณภาพของอากาศ อาคารสีเขียวนั้นทั้งสดชื่นและดีต่อสุขภาพ เนื่องจากจำเป็นต้องสร้างให้มีอากาศบริสุทธิ์พัดผ่านอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานสากลของสมาคมวิศวกรรมระบบปรับอากาศระบายอากาศและการทำความเย็นแห่งสหรัฐอเมริกา (ASHRAE) 62 ข้อ อาคารสีเขียวจะหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุภายในอาคารที่ก่อให้เกิดสารอินทรีย์ไอระเหยอันเป็นอันตรายต่อร่างกาย
   
       สำหรับประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นการเพิ่มความสมบูรณ์และปกป้องความหลากหลายของระบบนิเวศพัฒนาคุณภาพอากาศและน้ำ ลดการเกิดขยะ อนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ลดการ ปล่อยกรีนเฮาส์ก๊าซสู่ชั้นบรรยากาศ สำหรับประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ : เราสามารถลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน เพิ่มคุณค่าให้สินทรัพย์และเพิ่มกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจของพนักงาน และเพิ่มมูลค่าการใช้งานตลอดช่วงชีวิตของอาคาร
   
      ส่วนประโยชน์ต่อสุขภาพและสังคม จะสามารถพัฒนาคุณภาพของสภาพแวดล้อมทางอากาศ อุณหภูมิ และเสียง ทำให้ผู้ใช้อาคารมีสุขภาพและความสะดวกสบายมากขึ้น ลดภาระต่อระบบสาธารณูป โภคในท้องถิ่น และเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้สังคมโดยรวมอีกด้วย
   
      “เอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำของโลกในแง่ปริมาณของ อาคารสีเขียวสร้างใหม่ ที่จะผ่านการรับรองมาตรฐานในทศวรรษต่อไปนี้ คิดเป็นพื้นที่อาคารรวมถึงแปดพันล้านตารางฟุต และจีนจะเป็นผู้นำระดับภูมิภาคที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในหมวดอาคารเพื่อการพาณิชย์ ถึง 4.7 พันล้านตารางฟุต และอาคารที่พักอาศัย 3.5 พันล้านตารางฟุต มากที่สุดภายในปี พ.ศ. 2563 คิดเป็นร้อยละ 2-3 ของพื้นที่การก่อสร้างทั้งหมด” โดย มร.ฮิเซม เอ็ม แทบก้า ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจสิ่งแวดล้อมภาคพื้นเอเชีย บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ
   
        ประเทศจีนตั้งเป้าอาคารสีเขียวไว้อยู่ที่ 400 พันล้านตารางฟุต ภายในปี พ.ศ. 2568 เท่านั้นแม้เกณฑ์ในการประเมินอาคารสีเขียวของจีนจะเกิดและพัฒนาขึ้นช้ากว่าประเทศอื่น แต่ความที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ ทำให้น่าจะกลายเป็นมาตรฐานหลักของท้องถิ่นในการก่อสร้างต่อไป และอินเดียจะตามจีนมาติด ๆ ในด้านปริมาณพื้นที่ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานก่อสร้าง โดยมีการเติบโตอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่น
   
        ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ โครงการที่ผ่านมาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่มีอยู่เดิมทั้งประเภทพาณิชย์และที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในประเทศที่กฎหมายเดิมใกล้เคียงกับมาตรฐานของอาคารสีเขียวอยู่แล้ว เช่น ออสเตรเลียและสิงคโปร์ ขณะที่ไทยยังไม่มีกฎหมายบังคับให้ทุกอาคารต้องได้รับมาตรฐานอาคารเขียว
   
        สำหรับในประเทศไทยเราแม้จะยังไม่มีกฎหมายบังคับแต่ไทยมีอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวแล้วหลายแห่ง อาทิ อาคารปูนซิเมนต์ไทย สำนักงานปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีอาคารที่ได้รับการรับรองเรื่องคุณภาพของสภาพแวดล้อมภายในอาคารโดย บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รถไฟฟ้ามหานคร ศูนย์การค้ามาบุญครอง โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นต้น

         เรา ๆ ซึ่งยังไม่มีอาคารใหญ่โต เราต้องหันกันมาช่วยลดภาวะโลกร้อนกันได้  บ้านเรือนของเราก็สามารถปลูกพืชเล็กพืชน้อยให้เกิดความร่มรื่นได้  และพืชหลายชนิดก็สมารถนำมาบริโภคที่ปลอดภัยได้อีกด้วย

   ........................................................................................................

      แหล่งที่อ้างอิง....เดลินิวส์ออนไลน์   11  กันยายน 2553

หมายเลขบันทึก: 393065เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2010 15:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2012 01:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับคุณ ธนา เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี " เพราะเมื่อจะพูดถึงการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม ใครต่อใครหลายคนคงพากันนึกถึง การปลูกป่า การใช้ถุงผ้า การประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุรีไซเคิล "

พวกเราชอบทำในสิ่งที่เหมือน มาม่า ส่วนการค้นหาสาเหตุ สร้างนำหลักคิด จิตนิยม ก็จะไปทับถมอยู่ วาทะกรรม ปลูกปัญญา สร้างจิตอาสา.......

       สวัสดีครับ คุณวอญ่า-ผู้เฒ่า

       ผมชอบความคิดเห็นของคุณที่ว่า

"พวกเราชอบทำในสิ่งที่เหมือน มาม่า ส่วนการค้นหาสาเหตุ สร้างนำหลักคิด จิตนิยม ก็จะไปทับถมอยู่ วาทะกรรม ปลูกปัญญา สร้างจิตอาสา......."

     ได้ข้อคิดที่จะนำไปรวบรวมเขียนต่อได้มากครับ  ขอบคุณที่แบ่งปันความคิดครับ

-สวัสดีครับคุณธนา.....

-สบายดีนะครับ

-มาร่วมกันลดภาวะโลกร้อนกับ"ถุงนม" ของน้อง ๆ ยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านท่าไม้ด้วย นะครับ....

-ขอบคุณครับ

ที่ที่ฉันอยู่ เขาประกาศตัวเป็นองค์กรสีเขียว

แล้วเขาก็ย้ายต้นไม้ใหญ่ออกหมด

เพื่อทำที่จอดรถ

เสร็จแล้วเขาคงทาอาคารเป็นสีเขียวสดๆ

เพื่อให้เป็น องค์กรสีเขียว ต่อไป

ตอบโจทย์ อาคารสีเขียวไหมคะ???

(เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า)

-สวัสดีครับคุณธนา.....

-สบายดีนะครับ...

-มีเรื่องจะรบกวนอีกแล้วครับ...

-อยากให้คุณธนาช่วย "สานอักษร" เรื่องนี้ด้วยครับ.... http://gotoknow.org/blog/boonsong2523/392721

-"พระไม่ผิด..." ครับ

-ขอบคุณครับ

       สวัสดีครับ คุณเพชรน้ำหนึ่ง   ผมนำการบ้านมาส่งครับ ขอบคุณที่ให้เกียรติผมช่วยจักสานอักษรครับ ผมเข้าไปชมวัดทางเวปแล้วครับ เลยเขียนโคลงกระทู้นำมามอบตามคำขอครับ    

                 วัด....ลือชื่อ"ท่าไม้"         โบราณ

                 อินท....คือสถาน              ที่นั้น

                 อาราม....คู่เมืองนาน        ศตวรรษ      สองเอย

                 มีพระพุทธปูนปั้น             ท่านได้กราบชม

                         ธนา นนทพุทธ

                                      จักสานอักษร

  • เคยได้ยินแนวคิดเรื่องการสร้างบ้านสีเขียวมาบ้าง แต่เข้าใจไม่ชัดว่าจะทำอย่างไร
  • ชอบแนวคิดเรื่องประหยัดพลังงาน ตอนสร้างบ้านก็พยายามคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
  • ตอนนี้พยายามใช้ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนโลก ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มกำลังค่ะ

สวัสดีค่ะ

เป็นสิ่งที่ดีน่ะค่ะ ถ้าเราร่วมใจกันทำ

เพราะโลกใบนี้เป็นสถานที่ที่เราต้องอยู่ไปอีกนานเลยค่ะ

ขอบคุณที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ค่ะ

สวัสดีครับคุณธนา แวะมาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ

สำหรับคนพื้นที่น้อยก็อาศัยปลูกกล้วยไม้

สวัสดีค่ะ

       ต้นไม้ มีผลดีต่อชีวิตหลายอย่างมาก และยิ่งเราเอาใจใส่ดูแลสม่ำเสมอก็ยิ่งดีต่อร่างกายและใจเลยนะคะ  ดาชอบต้นไม้ดอกไม้มากค่ะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ทั้งความสวยงามและเป็นอาหารที่อร่อยดีต่อสุขภาพอีก อยากให้ปลูกกัน ทุกบ้านเท่าที่ที่จะปลูกๆได้ ไม่ว่าบ้านใกล้ บ้านไกลเมื่อมีต้นไม้ ทุกบ้านก็จะมีผลดีไปพร้อมๆกัน สถานที่ทำงาน อาคารตามถนน หากปลูกต้นไม้ใหม่ๆขึ้นมาก็น่าจะปลูกต้นไม้ที่ดูดสารพิษได้  ก็จะดีขึ้นอีกกว่าต้นไม้ปรกติทั่วไป 

      ซึ่งมีผลงานวิจัยตามพระราชดำริในหลวงอยู่แล้วก็น่าจะนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนหรือหน่วยงานทราบ ว่ามีต้นอะไรบ้าง ส่วนที่นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ค้นคว้ามา 25 ปี 50 ชนิด เมืองไทยเราหาปลูกได้ประมาณ 40 ชนิด นั้นเหมาะที่จะปลูกตามสำนักงานและบ้านเรือน แปลกนะคะ ทำไมไม่มีการบอกกล่าวให้ประชาชนทราบ มีแต่หนังสือบางเล่ม ให้อ่าน ส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่ได้อ่านและทราบ   หน่วยงานราชการก็ทราบแต่ก็ไม่เห็นบอกสื่อกระจายข่าวให้ประชาชน หามาปลูกกัน  

        ถือว่าสำคัญอย่างหนึ่งเพราะสิ่งแวดล้อมนอกบ้านมีสารพิษ ทั้งนั้น แม้แต่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็มีต้นไม้ดูดสารพิษที่เป็นชนิดที่ออกมาจากคอมได้ ซึ่งน่าปลูกไว้ในที่ๆมีคอมฯหลายๆเครื่องอยู่ในห้องเดียวกัน เช่น ในโรงเรียน  สำนักงานต่างๆ  ฯ แต่คนไทยชอบบอกว่าไม่เป็นไรนะคะ สะสมทุกๆวัน พออายุมากสักหน่อยโรคก็เรียงแถวมาอยู่ด้วย    ความสะดวกสบาย ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องหามาปลูกใหม่ ไม่ให้มีอะไรเกะกะในห้อง   ฯ ทั้งที่ช่วยดูดสารพิษให้ ให้ออกซิเจน  ฯลฯ  ก็มองข้ามได้เสมอ ตราบใดที่ยังไม่ป่วย    ขอบคุณมากค่ะ

              

         http://gotoknow.org/blog/abcdefghk/312525

                     ต้นไม้ดูดสารพิษ

  • สวัสดีครับ คุณธนา
  • แวะมาเติมเต็มความรู้ครับผม
  • ที่บ้านผมก็ทำบ้านเรือนให้เป็นสีเขียวเหมือนกัน ปลูกผ้า ปลูกต้นไม่ ไงครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท