การเกิดแนวคิด และทฤษฏีทันสมัยนิยม ทำให้เกิดภาพของการก้าวย่าง การเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนของกลุ่มประเทศในโลกอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มกระทำ และกลุ่มที่ถูกกระทำ กลุ่ม กระทำคือ กลุ่มประเทศแม่ ประเทศศูนย์กลางที่มีอำนาจมีอิทธิผลมาก เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มประเทศผู้ถูกกระทำ คือกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาหรือที่เรียกประเทศกลุ่มบริวาร โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มละตินอเมริกา ซึ่งการปรับเปลี่ยนไม่สอดคล้องกับทรัพยากรทางธรรมชาติที่แต่ละประเทศมีอยู่ ระหว่างละตินอเมติกา และแองโกลอเมริกา ซึ่งพอจะเปรียบเทียบได้คือ
กลุ่มละตินอเมริกา แองโกลอเมริกา- มีทรัพยากรธรรมชาติมาก - มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย- เป็นอาณานิคมของโปรตุเกส / สเปน - เป็น อาณานิคมของ อังกฤษ และอเมริกา- มีเศรษฐกิจทางการเกษตรอย่างเดียว (ตายตัว) - มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและ- ถูกกดขี่ และครอบงำ หลากหลายเป็นอิสระ กรณีตัวอย่างของผลจากการถูกกระทำของกลุ่มประเทศแม่ต่อประเทศ บริวารมีหลายกรณี เช่น กรณีโครงการอุตสาหกรรมชายแดน แม็กซิโก (ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี) กรณี กาแฟ : บราซิล , กรณี เนื้อวัว, กรณีกล้วยซึ่งกรณีเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายกับความเป็นมนุษย์และถูก กดขี่มากมายเช่น
1.
เป็นการเอารัดเอาเปรียบประเทศด้อยพัฒนาอย่างรุนแรง
2.
เป็นการละเมินสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างรุนแรง และกว้างขวาง
3.
สูญเสียเอกราชทางอ้อม
ประเทศที่มั่งคั่งใช้ความได้เปรียบบีบบังคับประเทศยากจนทางอ้อมโดยใช้ข้อตกลงเดียวกับระบบภาษี การใช้ โควต้า มีการบังคับใช้มาตรการทางการเงิน เพื่อสนองประเทศแม่ จนทำให้การบริหารจัดการเรื่องการเงิน การคลังมีปัญหา จนต้องตัดงบประมาณในส่วนทางการศึกษา สาธารณสุข เกิดวิกฤตการรุนแรง เด็ก ๆ ตายเพราะขาดสารอาหาร มากมาย จากสถานการเลวร้ายเหล่านี้ทำให้เกิดข้อโต้แย้งจากนักวิชาการในกลุ่มประเทศโลกที่ 3 จึงเกิด”ทฤษฏีการพัฒนาแบบพึ่งพา” ซึ่ง เป็นแนวคิดจากทัศนะของคนโลกที่ 3 ในขณะเดียวกัน ทฤษฏีทันสมัยนิยมเป็นการสะท้อนแนวคิด การพัฒนาจากกลุ่มประเทศมั่งคั่งยุโรปตะวันตก ที่มาของทฤษฏีพัฒนาได้มาจากมูลเหตุสำคัญ 2 เรื่องดังนี้
1.
ความล้มเหลวของโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ(
ECLA)ที่มุ่งทำให้เป็นอุตสาหกรรม คิดว่าจะทำให้ภาวะด้อยพัฒนาหมดสิ้นไป
2.
การปฏิวัติสังคมได้เลย (ของชนชั้นกรรมาชีพ)
ลักษณะสำคัญของการพัฒนาแบบพึ่งพา -อธิบายถึงความไม่เท่าเทียมกันเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว กับประเทศด้อยพัฒนา ประเทศที่พัฒนาแล้วมีระบบเศรษฐกิจนิยมก้าวหน้าเพราะการดึงเอา มูลค่าส่วนเกินทางเศรษฐกิจมาจาก ดินแดนในอาณานิคมของตนเอง (ประเทศด้อยพัฒนา) สรุปทฤษฏีการพึ่งพา มีลักษณะสำคัญ 3 ประการ
1.
บริบททางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลทำให้ประเทศบริวารตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบประเทศเมืองแม่ เนื่องจาก
“การแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียมกันบนพื้นฐานของวัตถุที่มีมูลค่าเท่ากัน
2.
สายสัมพันธ์ระหว่างช่วงชั้นผู้ปกครองในประเทศบริวารกับประเทศเมืองแม่ที่ร่วมกันในการเอาเปรียบผู้ยากไร้และสมบัติของประเทศบริวาร
3.
ความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันด้านการแลกเปลี่ยนสินค้า ผ่านระบบตลาดระหว่างประเทศและการแบ่งงานกันทำในโลก นำไปสู่การด้อยพัฒนาของประเทศบริวาร
Amin ให้ความเห็นว่า 1. ระบบทุนนิยม (เมืองแม่) เข้ามาทำลายระบบและรูปแบบการผลิตที่เน้นเพื่อการผลิตยังชีพเป็นหลัก โดยทำให้เกิดลักษณะพึ่งพิงประเทศเมืองแม่ 2.ประเทศเมืองแม่ สร้างความเหนือกว่าในทุกด้าน ทำให้รายได้ของประเทศบริวารต่ำกว่ามาก 3 .เกิดสภาวะไร้ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจใน ประเทศบริวารทำให้เกิดอุปสรรคต่อการสะสมทุน 4. การส่งคืนกำไรสู่ประเทศเมืองแม่ ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการพัฒนาของประเทศบริวาร 5. ประเทศด้อยพัฒนา ลำลังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา เพราะมีโครงสร้าง ดังนี้ 5.1 ความไม่เสมอภาคในการกระจายของการพัฒนา 5.2 ถูกบังคับให้ปรับการผลิตสอดคล้องกับความต้องการของประเทศศูนย์กลาง 5.3 ถูกครอบงำทางเศรษฐกิจในรูปของการพึ่งพึ่งทุนการค้าระหว่างประเทศ 5.4 ถ้าจะพัฒนาตนเองต้องท้าทายการผูกขาด / ครอบงำของประเทศศูนย์กลางระบบทุนนิยม บทเรียนจากละตินอเมริกาเป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าศึกษาสำหรับทุกท่าน เพื่อจะได้รู้ที่ไปที่มา และการเปลี่ยนแปลงของมวลมนุษย์ที่ผ่านมาและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และอยู่กับมันได้อย่างดีและมีความสุข
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ศิริพงษ์ สิมสีดา ใน นโยบายรัฐกับการพัฒนาชุมชน
อ่านแล้วสรุปได้เยี่ยมมากครับ
แล้วพี่ศิริพงษ์คิดว่า สิ่งเหล่านี้จะสามารถนำมาใช้กับประเทศไทยในปัจจุบันได้อย่างไรบ้างครับ