หนูอยากใส่กระโปรงแดง
เด็กน้อยที่มาพร้อมกันทั้งสองคน ซึ่งมาจากครอบครัวที่พ่อกับแม่แยกกันอยู่ มีพี่น้องทั้งมด 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คน ทั้งบ้านเรียนหนังสือคนโตคนเดียว แต่เรียนได้แค่ ป. 4 ก็ไม่อยากไปเรียนแล้ว วิ่งเล่นหรืออกไปช่วยแม่เก็บขยะขาย สภาพบ้านไม่เหมาะสมที่จะอยู่ เพราะใช้ถุงปุ๋ยมาทำหลังคา โดยไปสร้างบนพื้นที่ที่ว่างอยู่ ที่นอนก็ไม่พอนอน อาหารการกินไม่ต้องพูดเลย ได้กินอาหารที่ไม่ทีประโยชน์ ถึงแม้บางวันจะมีคนข้างบ้านจุนเจือด้วยอาหารจากวัด แต่อาหารเหล่านั้นเมื่อมาถึงบางอย่างก็บูดแล้ว
เด็กน้อยเริ่มเข้าเรียนเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ด้วยอายุ 8 ปี ทางโรงเรียนจึงให้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แต่เขียนอะไรไม่ได้เลย แม้แต่อ่าน จึงทำให้เป็นปัญหาของเด็กเมื่อไปเรียนหนังสือก็กลัว ทำให้ส่งผลกระทบต่อจิตใจและการขับถ่าย โดยเฉพาะปัสสาวะราดกระโปรงหรือกางเกงของตนเอง
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ครูจิ๋วได้ไปพบกับคุณครูประจำห้องในชั้น ป.1 ทุกคน เพราะต้องทำประวัติส่งที่โรงเรียน คุณครูสาย ชั้น ป.1 เกิดการถกเถียงเสนอแนะวิธีการช่วยเหลือเด็กในเรื่องการอ่านออก เขียนได้ รวมถึงการมีสมาธิของเด็กเอง ครูบางคนก็บอกว่าไม่ต้องให้มาเรียน แต่บางคนก็บอกว่าให้มาเรียน เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสปรับตัว เรียนรู้ชีวิตในการใช้ชีวิตรวมกับผู้อื่น
แต่เหลือสิ่งอื่นใด เด็กน้อยอยากใส่กระโปรงแดง ซึ่งเป็นเด็กชั้นอนุบาล แล้วค่อยๆหัดเขียนหัดอ่านไปก่อน พร้อมเมื่อไรสามารถเรียนทันคนอื่น แต่เมื่อกลับมาที่บ้านอุปถัมภ์เด็ก มาอ่านหนังสือ และการผสมคำสระ เด็กอ่านได้ดีกว่าเด็กคนอื่น อ่านครั้งเดียวสามารถอ่านนำเพื่อนได้เลย แต่ไม่ชอบเรียนอะไรที่ซ้ำซาก มีวิธีการเล่นที่เข้ากับเพื่อนๆได้ดี แต่อาจจะพบเรื่องการเรียนรู้บางเรื่องบกพร่อง
เป็นครั้งแรกในชีวิตของหนูน้อยได้เล่นของเล่น
และเป็นการเรียนรู้ครั้งแรก จำเป็นที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือ