ศูนย์ข่าวพลเมือง ฅนคอน
ศูนย์ข่าวพลเมือง ฅนคอน เกาะติดชุมชน สิทธิชุมชน สิทธิพลเมือง

ชาวบ้าน VS อดีตนายอำเภอสิชล ขึ้นศาล สภาทนายความ ยื่นมือช่วย


ปีกว่าๆ จากการที่พี่ด้วง นายปิติพงษ์ คิดการเหมาะ ถูกนายอำเภอฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท จากการไปรอยื่นหนังสือ รมต.ประจำสำนักนายก เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๕๒ ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ๓๑ มีนาคม ๕๒ พี่ด้วงถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา สภ.อ.สิชล มีชาวบ้านประมาณ ๓๐๐ คน ไปให้กำลังใจและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อสู้ในชั้นศาล

ชาวบ้าน VS อดีตนายอำเภอสิชล ขึ้นศาล  สภาทนายความ ยื่นมือช่วย

เรื่อง/ภาพ  : สานศรัทธา

ศูนย์ข่าวพลเมือง ฅนคอน ฉบับที่ ๕ พฤษภาคม ๕๓

 

        จากคดี ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ระหว่าง นายอิสรา ทองธวัช นายอำเภอสิชลสมัยนั้น และนายปิติพงษ์ คิดการเหมาะ ศาลนัดไต่สวนทั้ง ๒ ฝ่าย เมื่อวันที่ ๑๘ – ๒๑ พฤษภาคม สภาทนายความ ทีมงาน นายสักกอแสงเรือง รุดช่วย

        ปีกว่าๆ จากการที่พี่ด้วง นายปิติพงษ์ คิดการเหมาะ ถูกนายอำเภอฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท จากการไปรอยื่นหนังสือ รมต.ประจำสำนักนายก เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๕๒ ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ๓๑ มีนาคม ๕๒ พี่ด้วงถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา สภ.อ.สิชล มีชาวบ้านประมาณ ๓๐๐ คน ไปให้กำลังใจและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อสู้ในชั้นศาล

        จากนั้นในทุกเดือน พี่ด้วงได้ไปรายงานตัวที่อัยการ นับสิบครั้งเพราะยังไม่ส่งฟ้อง เนื่องจากอัยการส่งให้ สภ.อ.    สิชล แก้สำนวนเพิ่ม ระหว่างนี้ นายอิสรา ทองธวัช ได้ย้ายไปเป็น ผอ.สำนักหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทย โดยมอบอำนาจให้ นายพงษ์ศักดิ์ ตรึกตรอง ปลัดอำเภอสิชลดำเนินการแทน

        จากนั้น เครือข่ายชาวบ้านได้ส่งเรื่องไปยังสภาทนายความ ให้ช่วยเป็นทนายคดีนี้ เพราะลำพังชาวบ้านจะว่าจ้างทนายความสักคนก็ลำบากเรื่องเงินทุนมากอยู่ ขนาดพี่ด้วงไปรายงานตัว ชาวบ้านก็ช่วยเรื่องเงินเรื่องทองมาโดยตลอด  ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทราบว่ามีญาติ เพื่อนๆ นายอำเภอพยายามมาขอถอนเรื่องตลอด แต่ในความเป็นจริงและตรงกันข้ามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายนายอำเภอต้องถอนเรื่อง เพราะชาวบ้านเป็นจำเลย ไม่ใช่โจทย์ แต่เรื่องราวก็เงียบไป จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างขึ้นศาล เมื่อวันที่ ๑๘ – ๒๑ พฤษภาคม ที่ผ่านมา  โดยฝ่ายโจทย์เบิกพยาน ๕ ปาก ฝ่ายจำเลยเบิกพยาน ๗ ปาก

        ฉบับนี้กองบรรณาธิการเข้าร่วมเป็นพยานด้วย โชคดีมีทั้งเทปบันทึกเสียง ภาพถ่ายในเหตุการณ์ต่างๆอย่างครบถ้วน ทั้งหมดจึงต้องนำขึ้นเพื่อเบิกความในศาลด้วย งานนี้หลายคนสนใจและตื่นเต้นไม่น้อยแม้ว่าจะเป็นคดีเล็กๆ แต่มีผลกระทบสูงมากๆ เกี่ยวกับกระบวนการต่อสู้ เพราะตอนเริ่มกระบวนการสู้ใหม่ๆ ชาวบ้านเล่าว่า อดีต สส.ในพื้นที่คนหนึ่ง เที่ยวบอกชาวบ้านว่า “ใครต่อต้านหน่วยงานรัฐ ติดหราง (ตาราง) จนไข่หลุด”

        ทั้ง ๔ วันชาวบ้านแห่ไปให้กำลังใจอย่างล้นหลามจนเก้าอี้หน้าบัลลังก์ไม่พอ พร้อมทั้งนำข้าวห่อไปรับประทานที่ศาลด้วย  บรรยากาศเข้าไปครั้งแรก ต่างเกร็งกันทั่วหน้า เพราะบรรยากาศหน้าบัลลังก์ขลังอยู่ไม่น้อย อีกทั้งดาบตำรวจในห้องพิจารณาที่มีถึงสองคน จ้องตาไม่กระพริบ ขนาดผมเอง หายใจก็กลัวจะมีเสียงดัง (ฮา) ขำก็แต่ป้าเริญ คลองท่าทน ในศาลห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง แต่แกขาดหมากไม่ได้ต้องเต็มปากอยู่เสมอ โชคดีที่ไม่ถูกห้าม แกต้องอมหมากแก้มตุ้ยไว้เต็มปาก นั่งเหมือนตุ๊กตาที่ถูกจับไปวาง แถมถูกพรรคพวกแซว พกอาวุธ กรรไรคีบหมาก อีกต่างหาก

        แต่หลังจากผ่านครึ่งวันแรก บรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง นอกศาลในวงกินข้าว ทั้งตำรวจหน้าบัลลังก์ เจ้าหน้าที่ศาล กินข้าวร่วมกัน หยอกล้อทักทายอย่างสนุกสนาน อีกทั้ง มีเรื่องขำขำ เล่าไปเล่ามากันอย่างสนุก

        เมื่อตอนอยู่ห้องพิจารณาคดี ท่านผู้พิพากษา พยายามไกล่เกลี่ย เพราะเห็นว่า จำเลยและและพยานจำเลย ล้วนเป็นเกษตรกร ชาวไร่ ชาวเลทั้งสิ้น เพื่อยอมความซึ่งกันและกัน

        “ที่จริงผมขอโทษนายอำเภอก็ได้  เพราะผมเด็กกว่า อาวุโสน้อยกว่า ถ้าผมพูดอะไรผิดไป แต่คำพูดที่นายอำเภอฟ้องผมนั้นผมไม่ได้พูด” พี่ด้วงออกมาเล่าให้ฟังภายหลัง แต่สุดท้ายก็ไม่ตกลง ต่างฝ่ายต่างเบิกความกันตลอด ๔ วัน

        จากเหตุการณ์ ฝ่ายจำเลยต่างออกมาสรุปได้ใจความว่า ที่ฝ่ายโจทย์เบิกความไปนั้น   “อดีตนายอำเภอสิชล ยืนยันว่า ได้ยินได้ฟังด้วยตัวเองประมาณ ช่วง ๑๐ – ๑๑ โมง พยานฝ่ายโจทย์ต่างเบิกความในทางเดียวกัน ในเรื่องเวลาและข้อความ ต่างคนต่างได้ยินที่นายปิติพงษ์ เป็นคนพูด แต่ในเวทีในวันนั้น มีคนขึ้นปราศรัยประมาณ ๒๐ คน แต่พยานไม่ทราบเรื่องที่คนอื่นพูดเลย อีกทั้ง สารวัตรสอบสวน สภ.อ.สิชลก็ไม่ได้ทำแผนที่เกิดเหตุไว้ ฝ่ายโจทย์เบิกพยาน ๕ ปาก เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๘ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อบต.ในพื้นที่ ชาวบ้าน ณ จุดเกิดเหตุ สารวัตรสอบสวน และปลัดอำเภอสิชล นายพงษ์ศักดิ์ ตรึกตรอง แต่พยานทั้ง ๕ คน ต่างไม่เห็นซึ่งกันและกัน ทั้งที่อยู่ในจุดเกิดเหตุเดียวกัน”

        จากเหตุการณ์ ฝ่ายจำเลย และพยานฝ่ายจำเลยถูกซักอย่างหนักจากอัยการแต่ละคนนับชั่วโมง มีลุงวิน จินดานิล เป็นพยานคนแรก  นายชัยพงค์ เมืองด้วงคนที่สอง พี่พรนางอวยพร   บุญพรหมคนที่สาม ต่างถูกซักอย่างหนักจากท่านอัยการถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ในช่วงพยานฝ่ายจำเลยสามปากสุดท้าย อัยการไม่เข้าร่วมซัก จนเป็นการเบิกความฝ่ายเดียว นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เบิกความเรื่องซีดีบันทึกเสียง  นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว เบิกความเรื่องเวลา ภาพถ่าย และเหตุการณ์ประกอบ พร้อมทั้งแผนที่เกิดเหตุต่างๆ

        คนสุดท้ายวันสุดท้ายของพยานฝ่ายจำเลย นางศยามล ไกรยูรวงศ์  ซึ่งเป็นอนุคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตอนเกิดเหตุ ยืนยันว่าตอนเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. นายอำเภอสิชล ได้ร่วมเข้าให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีคุณสุนี ไชยรส เป็นประธานเรื่องตรวจสอบการโค่นยางพาราในพื้นที่ และระยะการเดินทางจากตัวจังหวัดถึงพื้นที่ประมาณ ๖๐ กิโลเมตร พร้อมทั้งเบิกเอกสารสรุปการประชุมและเอกสารถอดเทปตอนนี้นายอำเภอพูดในที่ประชุมด้วย

        เหตุการณ์และข้อมูลทั้งหมดข้างต้น เป็นการสรุปและประมวลในวงรับประทานอาหาร ทั้งนี้ในด้านรายละเอียด จะเผยแพร่หลังศาลพิพากษา ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๕๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. ซึ่งในวันดังกล่าวคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังผลการพิจารณาคดีจำนวนมาก

        คงเป็นอีกกรณีหนึ่งในกระบวนการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนในเรื่องสิทธิ การปกป้องทรัพยากร การขึ้นศาลคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปกป้องทรัพยากร สมบัติชาติใครก็สามารถทำได้ แต่อย่าทำร้าย หรือทำผิดกฎหมายเป็นดีที่สุด ยึดรัฐธรรมนูญเป็นเกณฑ์เข้าไว้

        สำหรับกรณีนี้ นายปิติพงษ์ กล่าวว่า “แพ้ชนะคดีไม่สำคัญ ผมจะสู้ถึงที่สุด หากแพ้เหลืออีก ๒ ศาล ๘ ปี ตอนนั้นผมอายุใกล้ห้าสิบแล้ว ติดคุกคงไม่เป็นไร แต่จะหยุดกระบวนการต่อสู้ของประชาชนไม่ได้ เพราะถ้าผมยอมพรรคพวกเพื่อฝูงเคลื่อนไหวต่อสู้ลำบาก ถึงอีก ๘ ปีจะติดคุกผมยังยืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ และพร้อมออกมาสู้ต่อ”

        ถ้าถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ประทับใจอะไรที่สุด ต้องบอกว่าคำพูดของนายอำเภอ ที่พอสรุปจากการเบิกความได้ว่า “ชาวบ้านกลุ่มนี้เคลื่อนไหวอย่างมีระบบ มีการทำงานวิชาการ มีเรื่องใดอยากรู้ อยากทราบก็จัดเวทีนำนักวิชาการมาพูดให้ข้อมูล แล้วนำข้อมูลไปโต้กับกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามา”

        อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็ยังยืนยันว่า นายอำเภอสิชลเป็นคนดี ถึงแม้ว่าจะหูเบาไปมั่งก็ตาม

        สรุปอย่างนี้ สงสัยได้อีกสักคดี (ฮา) สรุปอีกครั้งเป็นคำพูดของลุงวินครับ (เอ้า ฮาอีกครั้ง)

หมายเลขบันทึก: 392164เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2010 14:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 09:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท