ผมเจอมาที่เว็บแห่งหนึ่ง พอดีว่าผมกับเพื่อนๆมีแผนว่าปีใหม่จะไปที่โรงเรียนแถวๆอุ้มผางซึ่งยังไม่มีไฟฟ้า อยู่ห่างจากทีลอซู ตามแผนที่google map อย่างน้อย ก็ 2 ชั่วโฒงซึ่งผมคิดว่าน่าจะเกินกว่านั้นเนื่องจากความไม่ชำนาญทางและทางมีความคดเคี้ยว...
ตำนานอุ้มผาง (ในทัศนคติของครูซัน)
โดย : คุณครูลูกตึง เมื่อ : 9/06/2008 11:33 AM
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมอายุประมาณ 10 ขวบ ได้ยินชื่ออุ้มผางในความไกลกันดาร มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง ไม่เคยเห็นรถยนต์ ไม่เคยเห็นน้ำแข็ง มีคนไทยจากภาคเหนือตอนบน อพยพไปอาศัยอยู่ ใช้เกวียนเทียมวัวเป็นพาหนะในการเดินทางไปแม่สอดใช้เวลา 3 วัน ต้องผ่านป่าดงดิบเข้าไปในประเทศพม่า มีสัตว์ป่ามากมาย ทั้งเสือ ช้างป่า คนจึงกลัวสัตว์มากกว่ากลัวคน การเดินทางในสมัยก่อนต้องมีหนังสือเดินทาง ซึ่งเรียกเป็นภาษากระเหรี่ยงว่า \"อุ้มผะ\" จนกลายเป็น \"อุ้มผาง\"
ปี พ.ศ. 2522 ผมอายุ 20 ปี สอบเป็นครูบรรจุ ได้เลือกลงอุ้มผาง การเดินทางจากแม่สอดเข้าอุ้มผาง มีรถโดยสารสองแถวอยู่ 2 คัน ใช้เวลาเดินทางเข้าอุ้มผาง ประมาณ 8 ชั่วโมง ต้องผ่านเข้าอำเภอพบพระ ผ่านบ้านวาเล่ห์ และผ่านเขตพม่าไปอีก 30 กม. จึงจะเข้าเขตอำเภออุ้มผาง รถโดยสารจะวิ่งช่วงหน้าแล้งประมาณ 4 เดือน อีก 8 เดือน เป็นหน้าฝน ต้องเดินหรือไม่ก็ต้องโดยสารรถไถนาต่อเป็นคอกหมูไว้ด้านหลัง ถ้าเจ็บป่วยหรือต้องประชุมด่วนที่จังหวัด ก็จะได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ ของ ชค.34 ที่ไปส่งเสบียง ส่วนใหญ่จะเดินเท้ามากกว่า ต้องเดินผ่านป่าไม้ที่มีอยู่อย่างหนาแน่น สัตว์ป่าวิ่งผ่านหน้าเป็นประจำ กลางคืนมีอากาศหนาวเย็นทั้งปี มีกระเหรี่ยงเล่าให้ฟังว่า พบน้ำตกสวยมาก คณะครูประมาณ 10 คน จึงพากันไปพิสูจน์
เราเดินจากหมู่บ้านนุเซะโปล้ ตามลำห้วยกล้อทอ ลงไประหว่างทางพบสายน้ำเล็กๆ จากสองข้างทางหลายร้อยสาย ลิง ค่าง บ่าง ชะนี นกเงือกมีให้เห็นตลอดทาง จนถึงช่วงที่ห้วยกล้อทอทั้งสายพุ่งลงมาจากหน้าผาอันสูงชัน กอดต้นไม้ชะโงกดูความสูงแล้วขาสั่น ถ้าตกลงไปคงไม่เหลือ เล่ากันว่ามีหนุ่มสาวชาวกระเหรี่ยงคู่หนึ่งไม่สมหวังในความรัก พากันมากระโดดหน้าผาตายด้วยกัน ขณะเดือนเมษายน น้ำตกไหลเกือบตลอดแนวหน้าผา พื้นดินชุ่มฉ่ำ มีกวางลงมากินน้ำให้เห็น นกยูง ไก่ฟ้า รอยเท้าสัตว์มากมาย เหมือนภาพในความฝัน ซึ่งในอนาคตคงจะเลือนหายไป
ปี พ.ศ. 2531 เส้นทางลอยฟ้าที่ใช้งบประมาณก่อสร้างกิโลเมตรละ ห้าล้านบาท ทั้งยังต้องสังเวยชีวิตนักรบไทย ตลอดจนคนงานก่อสร้างไปไม่รู้เท่าไร กว่าจะเสร็จใช้สัญจรได้ในปัจจุบันพันกว่าโค้ง 3 ชั่วโมงจากแม่สอดสำหรับคนชำนาญ 4-5 ชั่วโมง สำหรับคนไม่เคยทางเขา
ป่าไม้และสัตว์ป่าลดจำนวนลงสวนทางกับจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น สายน้ำแม่กลองที่ชาวบ้านเคยตัดไม้ไผ่ทำแพล่องไปหาปลา เริ่มเปลี่ยนเป็นพาหนะสำหรับนำนักเดินทางล่องแก่งชมธรรมชาติ น้ำตกทีลอซู เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการเผยเพร่จากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
มาถึงวันนี้อุ้มผางต้องรองรับนักท่องเที่ยวปีละนับหมื่นคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แพยางเข้ามามีบทบาทแทนแพไม้ไผ่ เพราะสะดวกกว่า รองรับได้มากกว่า นักเดินทางต่างนิสัยใจคอ บางกลุ่มก็สนุกสนานเกินขอบเขต ดื่มกินร้องรำทำเพลงที้งขวางตามใจ บางกลุ่มก็มาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลายคนเข้ามาอุ้มผางหลายครั้ง ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งในทางลบ และทางบวก ทีลอซูส่วนหนึ่งก็พังลงมาพร้อมกับเศรษฐกิจไทย รอวันฟื้นตัวซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน แต่อุ้มผางก็ยังมีเสน่ห์อยู่ในตัวมันเองด้วยความงดงามในทางธรรมชาติ
ถ้าทุกคนรู้ซึ้งถึงคุณค่าของธรรมชาติ ไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป คนรุ่นหลังก็จะได้สัมผัสกับความร่มเย็นของขุนเขา แมกไม้ สายธาร ทะเลหมอกและดอกเสี้ยวตราบนานเท่านาน
โดย: โดยครูลูกตึง
http://61.19.246.212/~thaischool/school.php?pschool_id=333
เว็บนี้นี่เอง โครงการตามรอยครูซัน...สานฝันเด็กน้อย
โรงเรียนบ้านไม้กะพง
เป็นร.ร.ที่ครูซัน สมพงษ์ หมื่นจิตต์
ได้เป็นผอ. เป็นโรงเรียนสุดท้าย และจากไปเมื่อ พศ.2544 เพียงอายุ 42 ปี เท่านั้น
โรงเรียนบ้านแม่กลองเก่า
เป็นโรงเรียนแรกที่ครูซันบรรจุการสอนที่นี้
และก็พบคุณครูสุนีย์ (ครูลูกตึง ) ที่นี้ด้วย จนแต่งงานสร้างครอบครัวร่วมกัน
โรงเรียนแม่ละม้งคี
โรงเรียนนี้แหละครับที่เราจะไปกันปีใหม่ ปี2554 นี้