ด้วยความตั้งใจในการหาความรู้และเผยแพร่ธรรมเกี่ยวกับการทอดกฐินของแพร ได้ดลใจให้หลวงพี่ไพ คือ พระมหาไพบูลย์ มหาเปรียญ 9 แห่งวัดสวนพลู บางรัก (พระอาจารย์ที่ปรึกษาของแพร) ได้เมตตาค้นพระไตรปิฏกเกี่ยวกับอานิสงส์ของการถวายผ้ามาให้แพรร่วมเพื่อเผยแผ่ธรรมด้วยค่ะ ดังนี้
อานิสงส์หรือผลบุญที่พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาความเชื่อ ปสาทะความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาจะได้รับจากการทำบุญด้วยการถวายผ้า พอจะประมวลมาได้ดังนี้
ครั้งหนึ่งพระมหาโมคคัลลานะ ได้ถามนางเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งมีผิวพรรณงดงามกว่าผู้อื่น ว่าได้ทำบุญอะไรไว้ในขณะที่เป็นมนุษย์ ดังที่ปรากฏใน คุตติลวิมาน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ (26/54) ว่า
“เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามว่า เมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้
เพราะบุญอะไรเธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้”
เทพธิดานั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม จึงตอบปัญหาผลกรรมไปตามที่พระเถระถามว่า
“นารีผู้ถวายผ้าเนื้อดีเยี่ยม เป็นผู้ประเสริฐในหมู่นระและนารีทั้งหลาย
นางตั้งใจถวายสิ่งที่น่ารัก จึงได้ทิพยสถานที่น่าเจริญใจเห็นปานนี้
ขอนิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด
ดิฉันเป็นนางอัปสรผู้มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารักใคร่
ทั้งยังเลอเลิศกว่านางอัปสรนับพันอีกด้วย
ขอนิมนต์พระคุณเจ้าดูผลของบุญทั้งหลายเถิด
เพราะบุญนั้นผิวพรรณดิฉันจึงงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ดิฉัน
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉันขอกราบเรียนว่า
เพราะบุญที่ได้ทำไว้เมื่อเกิดเป็นมนุษย์
ดิฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
"พระอุปัฑฒทุสสทายกเถระ" ได้พรรณาผลของทานที่ตนถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระสุชาตะซึ่งเป็นพระสาวกของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า “ปทุมุตตรพุทธ” แล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังที่ปรากฏใน อุปัฑฒทุสสทายกเถราปาทาน ขุททกนิบาต อปทาน (33/171) ว่า
"ครั้งนั้น สาวกของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า “ปทุมุตตระ” ชื่อสุชาตะ กำลังแสวงหาผ้าบังสุกุลที่กองหยากเยื่อใกล้ถนน ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างของคนอื่นอยู่ในกรุงหงสวดี ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแล้วอภิวาทด้วยเศียรเกล้าด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีนั้น และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"
"พระนันทเถระ" ได้พรรณนาผลบุญของการถวายผ้าเปลือกไม้ แด่พระปทุตตรพุทธเจ้าแล้ว ส่งผลให้ตนได้รับอานิสงส์ผลบุญได้ผิวพรรณดุจดังทอง ปรากฏใน นันทเถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/106) ว่า
"ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าเปลือกไม้แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ผู้เป็นพระสยัมภู
ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำซึ่งรุ่งเรืองสูงสุด
ทรงพยากรณ์ข้าพเจ้านั้นว่า
ด้วยการถวายผ้านี้ ท่านจักเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง"
“พระวัตถทายกเถระ” ได้ถวายผ้าแด่พระพุทธเจ้าแล้ว ทำให้ท่านเป็นผู้เพียบพร้อมบริบูรณ์ด้วยผ้าอาภรณ์ ดังที่ปรากฏใน วัตถทายกเถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/209) ว่า
"ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นพญาครุฑชาติปักษี
มีปีกงามได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลสเสด็จไปยังภูเขาคันธมาทน์
ข้าพเจ้าละเพศครุฑแล้ว แปลงร่างเป็นมาณพ
ถวายผ้าผืนหนึ่งแด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้คงที่พระพุทธเจ้าผู้ศาสดาทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงรับผ้าผืนนั้นแล้ว ประทับยืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
ด้วยการถวายผ้านี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ผู้นี้ละกำเนิดครุฑแล้ว จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก
ส่วนพระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงสรรเสริญการถวายผ้าเป็นทานแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
ในภพที่ข้าพเจ้าเกิด ข้าพเจ้ามีผ้าสมบูรณ์
ผ้าเป็นหลังคาอยู่ในอากาศ นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"
ใน อัฑฒเจลก เถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/240) ได้กล่าวถึงอานิสงส์ผลบุญที่ถวายผ้าแล้วไม่ไปสู่ทุคติ (รวมทั้งในที่อื่นๆ ก็มีเช่นกัน) ว่า
"ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ถึงอาการน่าสงสารอย่างยิ่ง
ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ข้าพเจ้าครั้นถวายผ้าครึ่งผืนแล้ว บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอด ๑ กัป
และในกัปทั้งหลายที่เหลือ ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้วในกัปที่ ๙๒
นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"
ผู้ถวายผ้าแก่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาย่อมได้รับ อานิสงส์ผลบุญที่สร้างไว้ 8 ประการ ดังที่ปรากฏใน ปิลินทวัจฉเถราปทาน ขุททกนิบาต อปทาน (32/592) ว่า
"ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ
1. ข้าพเจ้าเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง ๑
2. ปราศจากธุลี(ปราศจากไฝฝ้า) ๑
3. มีรัศมีผ่องใส ๑
4. มีตบะ ๑
5. มีร่างกายมีผิวเกลี้ยงเกลา ๑
เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ
6. ก็มีผ้าสีขาว ๑๐๐,๐๐๐ ผืน ๑
7. มีผ้าสีเหลือง ๑๐๐,๐๐๐ ผืน ๑
8. มีผ้าสีแดง ๑๐๐,๐๐๐ ผืน ๑ กั้นอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้า
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"
ถึงแม้ว่าการทอดกฐินเพื่อสร้างอุโบสถในครั้งนี้ จะไม่ได้ถวายผ้ากฐินแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ได้ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระอริยบุคคล (ในความคิดของแพร) อานิสงฆ์ที่จะได้รับถึงจะไม่มากเท่าในพระไตรปิฎก แต่แพรก็เชื่อว่า บุญย่อมรักษา ธรรมย่อมคุ้มครอง ผู้บำเพ็ญบุญเสมอค่ะ ได้ทำบุญ สร้างบารมี แค่นี้ก็สุขใจแล้วค่ะ จริงไหมค่ะ เพื่อนๆ
สรุปว่า ตอนนี้แพรมีเงินเก็บสะสมจำนวน 1,500 บาท
เงินบริจาคจากพี่อร 500 บาท
จากพี่มูน 500 บาท
จากท่านทูตพลเดช 1,000 บาท
และหลังวันที่ 18 ก.ย. 53 แพรจะได้เงินจากการทำงานพิเศษทุกวันเสาร์อีก น่าจะรวมเงินสะสมบุญทอดกฐิน ได้เท่ากับ 3,500+2,400 = 5,900 บาทค่ะ
(เฮ!.. จะเกินครึ่งทางแล้วค่ะ)
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386592
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386630
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386848
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/387458
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/388815
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/389697
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/390329
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/391824
http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/394853