นำเรื่องราวดี ๆ ในชุมชนเกาะลันตามาฝาก เพื่อนๆสมาชิกทุกคนค่ะ
ซึ่งอาจจะเป็นความเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่บุคคลนะค่ะ อุรักลาโว้ย คือชาวทะเลคล้ายกับชาวมอแกนมีภาษาเป็นของตัวเองอาจจะฟังยากแต่ก็พูดภาษาใต้กันได้ ซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยนำมาแบ่งปันค่ะ
อุรักลาโว้ย...ลอยเรือ ที่เกาะลันตา
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมานะค่ะว่า อดีตของอุรักลาโว้ย เคยอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาฆูนุงฌึไร ชายฝั่งทะเลในรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะเดินทางร่อนเร่เข้ามาสู่น่านน้ำในแถบหมู่เกาะอันดามันในเขตเมืองไทย
อุรักลาโว้ยมีชีวิตอยู่กับทะเลเสมอมา จนเป็นที่กล่าวขานกันว่าไม่มีอุรักลาโว้ยคนใดตกน้ำทะเลตาย เรื่องนี้เป็นที่ยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเกิดคลื่นสึนามิ ที่ผ่านมา และนั่นทำให้เรื่องราวของพวกเขาถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง ดิฉันรู้จักกับกลุ่มชนนี้มาสิบปีพอดิบพอดี ปีนี้กลับไปร่วมพิธีรอยเรือของเขาอีกครั้งหนึ่งที่เกาะลันตา ปกติพิธีลอยเรือ หรือ เปอลาจั๊ก จะทำปีละสองครั้งคือทุกวันขึ้น 13 , 15 ค่ำของเดือน 6 และเดือน 11 เป็นช่วงเปลี่ยนมรสุม ลมเปลี่ยนทิศ ออกทะเลไม่สะดวก พวกเขาจะทำพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ทั้งหมู่บ้าน เดิมพิธีลอยเรือจะทำกันแห่งเดียวคือที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่ง อุรักลาโว้ยเปรียบเสมือนเมืองหลวงของพวกเขา แต่ด้วยปัจจุบัน อุรักลาโว้ยใน แต่ละที่มีจำนวนมากขึ้นและปรับเปลี่ยน วิถีชีวิตไปตามแหล่งต่าง ๆ ที่พวกเขาอาศัยอยู่ ประเพณีลอยเรือจึงมีขึ้นเกือบทุกเกาะทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะลิเป๊ะ เกาะอาดัง จังหวัดสตูล หาดราไวย์ เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
พิธีลอยเรือจะทำติดต่อกัน 3 วัน 3 คืนค่ะ ปกติจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ถือเป็นวันไหว้หลาทวด และวันเตรียมทำ เรือ เวลาบ่ายแก่ ๆ อุรักลาโว้ยทุกคนจะ ไปพร้อมกันที่บริเวณหลาทวด โต๊ะหมอ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขาทำพิธีจุดกำยาน พร้อมวางเครื่องเซ่น ขนมหวาน ข้าวตอกบนหลาทวด การสร้างเรือปลาจั๊ก เริ่มต้นในคืน นั้นและไปเสร็จเอารุ่งเช้าของวันใหม่ เรือปลาจั๊ก ทำจาก ไม้ระกำและไม้ตีนเป็ด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของยาน ที่จะ นำวิญญาณของคนและสัตว์ไปสู่อีกภพหนึ่ง ชิ้นไม้ระกำที่ สลักเสลาอย่างสวยงามเป็นรูปต่าง ๆ อย่าง รูปนกที่เกาะ บนหัวเรือหมายถึง โต๊ะบุหรง บรรพบุรุษผู้สามารถห้ามลมห้ามฝน ลายฟันปลา นั่นหมายถึง โต๊ะบิกง บรรพบุรุษผู้เป็น ฉลาม ลายงู หมายถึง โต๊ะอาโฆะเบอราไตย บรรพบุรุษที่เป็นงู สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พาย หลาย ๆ คู่ข้างกราบเรือ ตามความเชื่อที่ว่า ต้องเผื่อไว้สำหรับเจ้าเกาะได้ใช้ เมื่อไม่มีลมในทะเล โต๊ะหมอเริ่มพิธีเชิญเจ้าเกาะ เพื่อนำสิ่งชั่วร้ายลงเรือด้วยการสวดมนต์ใน ปรำ พิธี เมื่อสวดกำยานท่องมนต์เป็นภาษาอุรักลาโว้ยแล้ว กำยานจะถูกนำมาวนรอบเรือสามรอบ ช่วงนี้เขาเรียก สลาวะ ภายในเรือนอกจากจะประดับตกแต่งสัญลักษณ์ตามความเชื่อ ของพวกเขาแล้ว ทุกบ้านจะตัดเล็บ ตัดผม นำเหรียญเงินและขนม ใส่ลงไปในเรือ นาง รำทั้ง 7 จะต้องรำรอบเรือตลอดคืนจนเข้าวันใหม่ คือวันลอยเรือ ในช่วงจังหวะที่น้ำทะเลขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของหมู่บ้าน ทุกคนรออธิฐานลอยเคราะห์ โต๊ะหมอกำข้าวตอกวางบน ตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกายจากหัวจรดเท้า ให้แก่ผู้ที่ขอให้ปัดสิ่งไม่ดีออกจากตัว ปีนี้ พวกเขาลอยเคราะห์มากเป็นพิเศษ ด้วยว่าเพิ่งผ่านคลื่นยักษ์มาไม่กี่เดือน เรือปลาจั๊ก ถูก ลอยกลางทะเล ด้วยความหวังของคนทั้งหมู่บ้านว่า เรือนี้จะนำพาบรรพบุรุษของพวกเขากลับไปยังเทือกเขาฆูนุงฌิไร พร้อมนำสิ่งไม่ดีออกไปจากหมู่บ้านด้วย หลังจาก นำเรือลอยออกไปแล้ว พวกเขาจะพากัน ปักไม้กันผี หรือ กายูพา ฮาดั๊กไว้ที่หน้าชายหาด เย็นวันนั้นยังมีงานรื่นเริงอีกคืนหนึ่ง ก่อนรุ่งเช้าวันใหม่จะพากันอาบน้ำมนต์และนำ กายูพาฮาดั๊ก ไปปักไว้ตามจุดต่าง ๆ ของหมู่บ้านตัวเอง.. พวกเขาหวังว่า ลอยเรือครั้งนี้ จะนำเอา ทุกข์โศกออกไปจากหมู่บ้านและทำให้พวกเขาอุรักลาโว้ย หรือ ไทยใหม่ อยู่ได้อย่างสงบสันติสุขต่อไป....
อ้างอิงจาก Tourism & Business Guide
เห็นภาพหนูน้อยน่ารักเลยหยิบมาฝากกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณนะค่ะคุณน้านกน่ารักเสมอเลยค่ะ
คิดถึงกันมากมายเหมือนกันค่ะ
สวัดดีครับ กินไรยัง ขอบคุณ ข้อมูลที่น่าสนจัยครับ....
สวัสดีค่ะ คุณแบงค์ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกันค่ะ
ยินดีนะค่ะที่บันทึกนี้มีข้อมูลดีๆที่คุณสนใจ
ขอบคุณที่เข้าทักทาย ยังไม่ได้ทานเลยค่ะทานด้วยกันปะค่ะ
ทำไรอยู่ครับ ทานข้าวหรือยัง
วันนี้ก็มาติดตามอ่านบันทึกนะ
ดีค่ะ คุณแบงค์ ขอบคุณที่เข้ามาทักทายค่ะ
บังเอิญไม่ได้เข้ามาหลายวัน ประสบอุบัติเหตุ
นอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันจันทร์แระค่ะ
ยังงัยก็ขอบคุณที่ไม่ลืมกันค่ะ