&<p>มีคนถามผม…ถึงไม่ถาม ผ๊ม..ก็จะพยายามไปแนะนำเข้าจนได้…ด้วยคำถามที่ว่า quot;อาจารย์ครับ..ที่ทำมานี่ถูกทางหรือยังครับ…”</p>
อันนี้มักเป็นคำถามของคนที่มาเข้าเรียนชั้นเรียน AI และต้องทำโครงการเป็นการบ้านส่ง...
ต้องบอกเลยครับ..ว่า AI ไม่ใช่เรื่องยากมากครับ...ใครก็ทำได้...โดยเฉพาะระหว่างอยู่ใน Workshop แต่ถ้าจะฝึกตัว เป็น AI Pracctitioner ขึ้นมาเมื่อไหร่ ไอ้ที่เรียนกันใน Workshop อาจไม่พอครับ...ผมเลยมักหาเรื่องแนะนำลูกศิษย์ หรือคนที่สนใจอยากต่อยอดจริงๆ (ไม่ทุกคนครับ) ว่าให้ "ด้น" ครับ..หมายถึงให้ลองถามด้วยคำถามเชิงบวกอย่างต่ำสามสิบคนครับ...อย่าหยุดแค่สี่ห้าคน เท่านั้น หรือหยุดแค่ใน workshop ครับ..ผมสังเกตมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2550 ว่า ลูกศิษย์คนเก่งของผม พอถามไปได้สัก 20-30 มักเกิด idea ว่าจะทำอะไรต่อ..ซึ่งปริมาณการถามขนาดนี้ ยากที่จะเกิดขึ้นใน workshop วันสองวันครับ...ทำต่อครับ..แล้วจะเกิด idea เท่าเห็นพอได้สัก 20-30 คนจะเจอความเร้นลับในระบบ..ก็จะเกิดความตื่นเต้น ไปทำต่อจนเสร็จ..ด้วยวิธีการของตนเอง..โดยที่ปรึกษาไม่ต้องจำจี้จำไชมาก..คอยดูแล คอยตอบคำถามก็พอครับ...
ดังนั้นสูตรสำหรับผู้เริ่มต้นครับ..คือไม่จำเป็นต้อง 4-D ตามตำราครับ..ลองคุยกับที่ปรึกษา อาจารย์ เมื่อตั้งคำถามได้แล้วก็ Donn (ด้น) ไปเลยถามสักสามสิบครับ...
เป็นไงครับสูตร AI สำหรับผู้มาใหม่...
ด้น เลยครับ (Donn) เดี๋ยวเกิดเอง...
คุณคิดอย่างไร...
* อาจารย์เขียนเรื่องนี้มา ทำให้พอมองเห็นเรื่องของ AI ได้ชัดเจนขึ้นครับ
* ผมจะเปรียบเทียบว่าคล้ายๆกับ Dialogue ครับ การเรียนรู้ Dialogue ให้ได้ผล ท่านผู้รู้บอกว่าต้องเข้าวงอย่างน้อย 30 ครั้ง
* ผมว่าคล้ายกับ AI นะครับ ต้องเรียนรู้แบบ Action learning ต้องเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ถามคำถามเชิงบวก 30 คน ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้ AI เป็นการรู้แบบ Insight
สอนแบบนี้ ผมว่าดีมากเลยครับ
เรียนท่านอาจารย์ภิญโญที่นับถือ
คุณยายแวะมาเติมอาหารสมองก่อนนอนค่ะ ขอบคุณอาจารย์มากนะคะที่นำมาแบ่งปัน
ตอบท่านอาจารย์ Small Man เป็นตัวเลขที่บังเอิญดีเลยนะครับ...น่าสนใจมากๆครับ...
ตอบคุณยยาย ขอบคุณที่แวะมานะครับ Happy Monday ครับ..