กำเนิดของลัทธิทุนนิยม
ในยุคที่คริสตจักรครองอำนาจ ชนชั้นพ่อค้าและนักธุรกิจไม่พอใจในบทบาทของศาสนจักรโรมันคาทอลิค ซึ่งถึงแม้จะสนับสนุนกลุ่มธุรกิจแต่ก็มีการตีความเข้าข้างศาสนจักรและพวกพ้อง ขณะเดียวกันพ่อค้าและนักธุรกิจก็ไม่พอใจกษัตริย์ที่มีแนวโน้มจะรวมรวมอำนาจและธุรกิจอย่างเคร่งครัด ดังนั้นโปรแตสแตนส์จึงเป็นการเปิดทางเลือกใหม่ให้กับพวกพ่อค้า
คาลวินนักบวชโปรแตสแตนส์ได้เสนอหลักการใหม่เพื่องสนองชนชั้นกลาง คาลวินไม่เน้นบทบาทของพระ มนุษย์ทุกตนมีความเท่าเทียมกัน แต่ทุกคนจะต้องใช้ชีวิตอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานของนักบวช ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิได้รับการคัดเลือกโดยพระเจ้า แต่อย่างน้อยการประสบความสำเร็จในทางธุรกิจ และประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงานอื่น ๆ ในทางโลก เป็นเครื่องแสดงถึงการยอมรับระดับหนึ่งของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะความสำเร็จดังกล่าว ส่วนหนึ่งต้องเกิดจากความสามารถในการตัดสินใจ ความซื่อตรง และการอุทิศตน ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกจากพระเจ้าให้ไปสู่ความรอด การเป็นคนจนนั้น เป็นเครื่องชี้เจตนาของพระเจ้าว่าเป็นผู้มืบาป ดังนั้นคนจนจึงควรไดรับเคราะห์กรรมจากความชั่วร้ายของตัวเอง และเป็นการสมควรที่จะได้รับโทษทัณฑ์เช่นนั้น
ความเจริญของลัทธิทุนนิยม
กฎทางสังคมและเศรษฐศาสตร์ของอดัม สมิธ ก้าวไปไกลกว่าทฤษฎีของคาลวินมาก เนื่องจากคาลวินเน้นเฉพาะความสำเร็จส่วนบุคคลในฐานะเป็นผู้ถูกเลือกโดยพระเจ้า แต่สมิธได้อธิบายในเชิงความสำเร็จหรือผลพลอยได้ต่อสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันในสังคม จุดนี้ทำให้ความเชื่อเรื่องศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นความลงตัวตามธรรมชาติ (Harmony of Nature) ซึ่งอธิบายโดยสมิธว่า เป็นการกระทำของมือที่มองไม่เห็น (Invisible Hand) ผ่านกลไกตลาดนั่นเอง
และด้วยองค์ประกอบที่สำคัญสองประการ คือ ความรักในมนุษยชาติและ ความเป็นอัจฉริยะของปัญญาชนชั้นนำที่เน้นความถูกต้องและความคิดสร้างสรรค์เป็นหลักประกันให้เกิดผลิตภาพ การจัดการ ประสิทธิภาพ นวัตกรรมและการค้นพบทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคิดในเรื่องประสิทธิภาพที่จะต้องจัดการโดยมืออาชีพ เศรษฐศาสตร์จึงเป็นศาสตร์ว่าด้วยความพยายามที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้ธรรมชาติของสังคมที่มีจำกัด
ความเสื่อมของลัทธิทุนนิยม
จากการเน้นประสิทธิภาพจึงทำให้เกิดการแข่งขัน การเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีโอกาสต่อผู้ด้อยโอกาส จึงก่อให้เกิดการกดขี่ขมเหง การขูดรีดชนชั้นล่าง และการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ เพราะฉะนั้นความขัดแย้งภายในตัวเองของลัทธิทุนนิยมจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาทางสังคมและการเมืองได้ปะทุขึ้นมาตามการล่มสลายของลัทธิทุนนิยม
ความเสื่อมของทุนนิยมเกิดจากแนวความติดสุดโต่งของสเปนเซอร์ ซึ่งเขาคัดค้านในการปฏิรูปสังคมทุกชนิด ไม่ว่าเรื่องการศึกษาหรือสาธารณสุข เพราะเป็นการทำให้การทำงานตามระบบของการอยู่รอดของผู้ที่แข็งแรงที่สุดต้องหยุดชงัก เขาเห็นว่ามนุษย์จะต้องอยู่ได้โดยปราศจากการช่วยเหลือของสังคมหรือรัฐ เพราะวิวัฒนาการทางสังคมกำหนดว่าผู้อ่อนแอไม่ควรมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้เพราะผู้อ่อนแอ และไม่กล้าหาญเพียงพอย่อมเป็นภัยต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
ไม่มีความเห็น