"ขอโทษ" เรื่องเล็กๆที่คุณๆ ไม่ควรมองข้าม....
วันนี้มีนิทานดีๆ ที่อยากจะนำมาเล่าให้ฟังกันนะครับ
เนื่องจากมีโอกาสได้ลองอ่านหนังสือเข็มทิศชีวิต
แล้วได้เจอกับนิทานดีๆจึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
เรื่อง ก็มีอยู่ว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวอยู่2คน คือพ่อกับลูก
ลูกชายคนนี้เป็นลูกคนเดียวมีนิสัยใจร้อน และอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายจึงทำให้ทะเลาะกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง
อยู่ มาวันหนึ่งเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะไปปรึกษาพ่อว่าจะทำอย่างไรดี
เพื่อที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ พ่อจึงแนะนำไปว่า
“เอาอย่างนี้สิลูกรัก หากเมื่อใดลูกรู้สึกโกรธ ให้นำค้อนกับตะปูไปตอกที่รั้วไม้เพื่อที่จะได้เป็นการระบายอารมณ์
และถ้าวันใด ลูกรู้สึกว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้วให้มาหาพ่ออีกครั้ง”
เมื่อลูกได้ยินดังนั้นจึงปฏิบัติตามที่พ่อบอกทันที
เมื่อใดที่รู้สึกอารมณ์ฉุนเฉียวเด็กคนนี้ ก็จะวิ่งเอาค้อนไปตอกตะปูที่เสาทันที (จนเสาแทบพัง)
จนในที่สุดเด็กชายก็สามารถระงับอารมณ์ความโกรธได้ เขาจึงได้วิ่งไปบอกกับพ่อว่า “พ่อครับดูซิ ผมไม่โกรธแล้ว
ผมสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมไม่ต้องตอกตะปูที่รั้วแล้วล่ะครับ”
เมื่อ พ่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มทันที แล้วบอกต่อไปว่า
"เมื่อลูกรู้สึกตัวว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้
ให้ลูกวิ่งไปถอนตะปูทีละตัว เด็กชายปฏิบัติตามคำสอนของพ่อทุกอย่าง
จนในที่สุดเขาก็สามารถถอนตะปูได้จนหมด และวิ่งไปบอกพ่ออีกครั้ง
ครั้งนี้พ่อได้พาลูกไปที่รั้วแล้วชี้ไปที่รอยตอกตะปูแล้วบอกว่า
“ลูกทำได้ดีมาก ทีนี้ลองก้มไปมองที่รั้วดูสิ ลูกเห็นรั้วไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม
ลูกจำไว้นะเมื่อใดที่เราทำอะไรลงไปโดยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดรอยแผล
เหมือนกับการที่เรานำมีดไปแทงใครสักคนหนึ่ง ต่อให้เราขอโทษแต่ว่ามันก็ยังมีรอยแผลอยู่
ลูกจงจำคำว่าขอโทษไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะให้อภัยเราหรือไม่ก็ตาม
จำไว้อีกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่มีวันลืมไปตลอดเหมือนกับรั้วไม้อันนี้
เป็นอย่างไรบ้างครับอ่านนิทานเรื่องนี้จบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
จำไว้นะครับว่า เมื่อใดก็ตามที่เราทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ สิ่งที่มักจะตามมาก็คือรอยแผล
ดังนั้นจงใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักให้อภัย และรู้จักขอโทษนะครับ
ไม่มีความเห็น