1. ชื่อผลงาน : แรงเคลื่อนที่สำคัญ...ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
2. คำสำคัญ : ทีมดูแลเบาหวาน , Diabetic care team
3. สรุปเรื่องเล่าโดยย่อ : การดูแลผู้ป่วยเบาหวานมีแรงเคลื่อนหลายอย่างที่เป็นปัจจัยในการดำเนินงานให้สำเร็จโดยเฉพาะการสร้างทีมดูแลผู้ป่วยโรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่านใช้ แนวคิดและกระบวนการดำเนินงานดังนี้
1. ผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญ
2. หาแนวร่วมในการดำเนินงาน โดยการประสานกับหน่วยงาน / บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่เคยดำเนินการด้านนี้มาก่อนเพื่อหาแนวทางในการดูแลร่วมกัน
3. กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของแนวร่วมให้ชัดเจน ให้โอกาสและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพตนเองของทีมงานทุกคน
4. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : โรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน
5. สมาชิกทีม : แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนากร นักกายภาพบำบัด นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทันตแพทย์
6. เป้าหมาย : เกิดทีมในการจัดกระบวนการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่ยั่งยืน
7. ที่มาของปัญหา : ตั้งแต่ปี 2547 ที่ดิฉันได้รับให้รับผิดชอบในการจัดคลินิกดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานของโรงพยาบาลท่าวังผา ซึ่งขณะนั้นมีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรักษา ประมาณ 400 กว่าคน มีผู้ร่วมดำเนินการ พยาบาลวิชาชีพ 2 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 1 คน แพทย์ 1 คน ( ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยมากทุก 2เดือน)มีผู้รับบริการเฉลี่ยวันละ 60-80 คน บางวันมีถึง 100 คน(เพราะยังไม่มีการจัดระบบการนัดหมายผู้ป่วย) เวลาให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-12.00น. จากที่กล่าวมาข้างต้น แค่ดูเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาให้บริการผู้รับผิดชอบคงไม่มีเวลาที่จะทำอะไรได้มากนอกจากจะทำอย่างไรที่จะให้บริการผู้ป่วยให้ไม่เกินเวลา 12.00น. แต่การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีหลายสิ่งที่ต้องทำควบคู่กับการให้การรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความท้อแท้แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองคิดว่าเราจะดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ได้อย่างไร แค่เรา3-4 คนที่ทำอยู่คงไม่ไหว ทำให้มีแนวคิดว่าใครบ้างที่จะช่วยเราได้ แต่การช่วยเหลือเราเขาคนนั้นต้องได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า(หมายถึงความสุขที่ได้ทำ) ดิฉันจึงได้เริ่มดำเนินการหาหน่วยงาน บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนแนวคิด จุดประกายความคิดให้ทุกคนรู้ถึงผลลัพธ์ที่เราจะได้รับ หน่วยงานได้รับ และจุดสูงสุดที่ผู้ป่วยได้รับ การดำเนินการแรกๆก็มีปัญหามากมายเกินคำบรรยายแต่มาถึงเวลานี้เรามีผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ขึ้นทะเบียนรักษา กว่า 1000 คน เรามีแนวทางการรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐาน มีการพัฒนาศักยภาพการคัดกรองความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยด้านห้องปฏิบัติการได้ทุกอย่าง มีการจัดกิจกรรมการส่งเสริมการดูแลตนเองในผู้ป่วยในรูป การจัดการความรู้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรายใหม่ หลักสูตร 3 ชั่วโมง มีการจัดค่ายเบาหวานในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมโรคได้ และกิจกรรมอีกมากมายที่เป็นความคิดและความร่วมมือของทีมงาน ในขณะที่คลินิกโรคเบาหวานขอดิฉันก็ยังมีผู้ให้บริการเท่าเดิมคือ แพทย์ 1 คน พยาบาลวิชาชีพ 2 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 1 คน
8. กิจกรรมพัฒนา :
1. กำหนดผู้รับผิดชอบเฉพาะโรค (Case manager)
2. กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ เป้าหมายการทำงาน อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ให้แต่ละหน่วยงานทราบเพื่อการวางแผนการดูแล
3. ทีมงานได้รับการพัฒนาศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
4. มีการใช้ผลงานวิชาการ(R2R)มาพัฒนาการดูแลผู้ป่วย
9. เรื่องเล่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น :
1. มีทีมผู้ปฏิบัติงานที่ชัดเจนโดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ที่เราคิดว่าเป็นปัญหาในการขับเคลื่อนเราก็ได้แพทย์ที่มารับผิดชอบในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยเบาหวานร่วมกับเราโดยให้แพทย์ที่รับผิดชอบประสานการดำเนินงานในองค์กรแพทย์กันเอง เพื่อให้การดูแลเป็นไปตามแนวทางที่ทีมงานกำหนดขึ้น ลดปัญหาแนวทางการดูแลผู้ป่วยตามแต่สถาบันของแพทย์แต่ละที่ที่สำเร็จการศึกษามา
2. หน่วยงานที่สำคัญๆเช่น ฝ่ายเภสัชกรรม ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน ตึกผู้ป่วยใน ห้องชันสูตร กายภาพบำบัด โภชนาการ ฝ่ายทันตสาธารณสุข เมื่อพูดถึงการดูแลผู้ป่วยเบาหวานทุกคนจะรู้ว่าเป็นใครที่รับผิดชอบกรณีมีข้อซักถามเกี่ยวกับการดูแลทีมงานสามารถให้ความเห็นที่ตรงกันได้ทุกหน่วยงาน
3. ผู้บริหารมีความพึงพอใจในการดำเนินงานและพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงาน
10. บทเรียนที่ได้รับ :
1. องค์กรมีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมากขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของผู้ป่วยและญาติ
2. ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจในบริการที่ได้รับ ว่าจะได้รับการดูแลตามาตรฐาน
3. ทีมงานทุกคนมีความภาคภูมิในในการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน และได้พัฒนาศักยภาพของตนเองเพิ่มมากขึ้น และรู้สึกสนุกกับการทำงานเป็นทีมไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
4. องค์กรเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมองเห็นความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมากขึ้น และพร้อมที่จะให้การสนับสนุน
11. การติดต่อกับทีมงาน : นางนภาพร มหายศนันท์
E- mail [email protected] Tel 0861857065 , 054755-380
โรคนี้ร้ายกาจจริงๆ คุณแม่ผมเป็นมานาน ทานยาเป็นกำๆ เลยครับ หลายปีแล้ว