ส่งงาน ชิ้นที่ 1-3
งานชิ้นที่ 1
1 ชื่อเรี่อง ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน และพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูที่มีผลต่อคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
2 ผู้วิจัย นางมิ่งขวัญ กิตติวรรณกร
3 ปีที่วิจัย 2551
4 วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาการรับรู้สภาพภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน พฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู และคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
2. เพื่อศึกษาการรับรู้อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน และพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูที่มีผลต่อคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
5. ขอบเขตของการวิจัย
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1.1 กลุ่มตัวอย่างการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 431 โรงเรียน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ 2 ขั้นตอน (stratifiedtwo stage sampling scheme) โดยจำแนกโรงเรียนออกเป็น 6 กลุ่มงานนิเทศการศึกษา กำหนดขนาดตัวอย่างตามแนวทางยามาเน่ ได้ 209 โรงเรียน ใช้ 210 โรงเรียน กำหนดสัดส่วนโรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จากนั้นสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยกำหนดผู้ตอบแบบสอบถามเป็นครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รวม 630 คน
1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เจาะลึก ได้แก่ผู้บริหารโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขนาดละ 3 คน รวมจำนวน 9 คน และครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนที่ผู้บริหารเป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 9 คน รวมทั้งสิ้น 18 คน และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิคการสนทนากลุ่ม เป็นครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขนาดละ 3 คน รวมจำนวน 9 คน
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณเป็นแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการประกอบด้วย มาตรวัดภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน พฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู และคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียน ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นแบบสัมภาษณ์เจาะลึกแบบกึ่งโครงสร้าง (semi-structure)
วิธีการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้แนวทางผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) และวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) โดยเริ่มจากการกำหนดหัวข้อและการแจกแจงหัวข้อเพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัยกำหนดตัวแปรตามและตัวแปรอิสระ เมื่อทบทวนวรรณกรรมและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องตลอดจนระเบียบวิธีวิจัยแล้ว จึงกำหนดกรอบแนวความคิดเชิงสมมติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวแปร และสร้างมาตรวัด จากนั้น จัดเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนประชากรที่ต้องการศึกษา และเลือกสถิติวิเคราะห์ที่เหมาะสมเพื่ออนุมานค่าสถิติไปยังพารามิเตอร์ของประชากร โดยผู้วิจัยเลือกใช้การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural equation modeling : SEM) จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพมาเปรียบเทียบกับข้อค้นพบในงานวิจัยเชิงปริมาณอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อตัวแปรสำคัญบางตัวมีผลการวิเคราะห์ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ผู้วิจัยได้เพิ่มกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิคการสนทนากลุ่ม (focus group discussion)
6. ผลการวิจัย
ผลการวิเคราะห์สภาพของตัวแปร ตามการรับรู้ของครู พบว่าภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน และพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู อยู่ในระดับมาก ส่วนคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ในด้านอิทธิพลของตัวแปรอิสระ พบว่าคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ของนักเรียน ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนวัฒนธรรมโรงเรียนและพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู แต่ไม่ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน สำหรับวัฒนธรรมโรงเรียน พบว่า ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนแต่ไม่ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในขณะที่พฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนและวัฒนธรรมโรงเรียนแต่ไม่ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียน
งานชิ้นที่ 2
1 ชื่อเรี่อง การศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1
2 ผู้วิจัย กำพล แช่มสา
3 ปีที่วิจัย 2550
4 วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1
2. เพื่อเปรียบเทียบระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 โดยจำแนกตาม ประเภทโรงเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้บริหาร
5 วิธีการวิจัย เชิงสำรวจ
กลุ่มตัวอย่าง ครูผู้สอนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 จำนวน 327 คน
เครื่องมือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ขอหนังสือรับรองจากภาควิชาบริหารการศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา ถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.จัดส่งแบบสอบถามจำนวน 327 ฉบับ ไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 และเก็บรวบรวมแบบสอบถามด้วยตนเอง
3. นำแบบสอบถามที่เก็บคืนได้ 327 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม
วิธีวิเคราะห์ผล
สถิติพื้นฐาน ค่าคะแนนเฉลี่ย , ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สถิติอ้างอิง การทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ( One – Way ANOVA)
6 ผลการวิจัย
1. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ความมีบารมี การดลใจ การมุ่งความสัมพันธ์เป็นรายบุคคล และการกระตุ้นการใช้ปัญญา ตามลำดับ
2. การเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 จำแนกตาม ประเภทโรงเรียนโดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ( p <.05)
3. การเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้วเขต 1 จำแนกตามวุฒิการศึกษาของผู้บริหารโดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
งานชิ้นที่ 3
1. เรื่อง แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
2. ผู้วิจัย พนิดา จิระสถิตย์ถาวร
3. ปีที่วิจัย 2550
4. วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
2. เพื่อเปรียบเทียบแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จำแนกตามระยะเวลาการเดินทางและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน
5.วิธีวิจัย
5.1 วิจัยเชิงสำรวจ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสร อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
5.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ครูผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียนประภัสสรวิทยา ที่ได้จากการสุ่มประชากร โดยวิธีการแบบแบ่งชั้น(Stratified Random Sampling) ครูผู้สอนทั้งสิ้น 56 คน
5.3 เครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่เกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู โรงเรียนประภัสสร ชนิด 5 ตัวเลือก มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด โดยแยกเนื้อหาออกเป็น 5 ด้าน
ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นตัวเลือกตอบจำนวน 2 ข้อ
ตอนที่ 2 เป็นรายละเอียดของคำถาม ในเรื่องแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จำนวน 60 ข้อ
- ตอนที่ 1 เป็นสถนการณ์เกี่ยวกับรายละเอียดส่วนตัว
- ตอนที่ 2 สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา โดยจำแนกออกเป็น 5 ด้าน คือด้านความรู้สึกรับผิดชอบ ความรู้สึกประสบความสำเร็จ ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ความรู้สึกเพียงพอในการทำงานและความสัมพันธ์ในหน่วยงาน
5.4 วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้
1. ขอหนังสือจากภาควิชาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา ถึงผู้อำนวยการโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เพื่อขอความร่วมมือในการจัดเก็บข้อมูล
2. ดำเนินการแจกแบบสอบถามจำนวน 56 ชุด ให้แก่ครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ที่เป็นกลุ่มประชากรโดยแจกแบบสอบถามและเรียกรับคืนด้วยตนเอง
3. เมื่อผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามคืนจะทำการตรวจสอบและคัดเลือกแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ทุกฉบับ
วิธีวิเคราะห์ผล
ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ spss for windows
- สถิติพื้นฐาน
ได้แก่ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
- สถิติอ้างอิง
ทดสอบค่า t-test เพื่อเปรียบเทียบแรงจูงใจในการปฎิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี ที่ใช้เวลาในการเดินทางและประสบการณ์ในการทำงานที่แตกต่างกัน
6.ผลการวิจัยพบว่า
1. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยรวมและรายด้านมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานทุกด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมาก ไปหาน้อย ดังนี้ ด้านความรับผิดชอบ ด้านความสัมพันธ์ในหน่วยงาน ด้านความรู้สึกพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ด้านความรู้สึกประสบความสำเร็จ ด้านความมั่นคงปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
2. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จำแนกตามระยะเวลาในการเดินทางจากบ้านถึงโรงเรียนโดยรวม และด้านความรู้สึกประสบความสำเร็จ ด้านความมั่นคงปลอดภัยในการปฏิบัติงาน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
3. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนประภัสสรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านความรู้สึกรับผิดชอบ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
สลามครับ ตามมาดู
ลูกศิษย์ อาจารย์ ดิศกุล ส่งงานครับ