โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

สำรวมจากการดื่มน้ำเมา-1


17.00 น. ของวันหนึ่งกลางฤดูหนาว ดวงอาทิตย์ยามเย็นกลมโตสีแดงอ่อนแขวนดวงอยู่ปลายถนนไกลลิบตาด้านทิศตะวันตก แสงลำสุดท้ายส่องสว่างอ่อนล้าโรยแรง

สำรวมจากการดื่มน้ำเมา-1

โสภณ เปียสนิท

...........................    

            17.00 น. ของวันหนึ่งกลางฤดูหนาว ดวงอาทิตย์ยามเย็นกลมโตสีแดงอ่อนแขวนดวงอยู่ปลายถนนไกลลิบตาด้านทิศตะวันตก แสงลำสุดท้ายส่องสว่างอ่อนล้าโรยแรง สายลมเย็นพัดแรงอย่างต่อเนื่องยาวนาน พัดพาความชุ่มชื้นบนภูเขาหินสองฝั่งถนนระเหยหาย ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสีแดงร่วงกราวปลิดปลิวจากขั้วใบเคว้งคว้างไปตามแรงลม หล่นร่วงบนพื้นดินแห้งเกลื่อนกลาด ก่อนกลิ้งตามแรงลมไปซุกแทรกอยู่ตามซอกหลืบหินแห้งผาก ควันไฟหลายหย่อมยานฟุ้งกระจายหายไปตามแรงลม

                ชายสองคนเร่งรีบดุ่มเดินบนถนนสายนั้น จุดหมายมิใช่เพื่อทำธุระ ณ ที่ใดที่หนึ่งข้างหน้า แต่เป็นการเดินเพื่อสุขภาพที่ดี หวังจะรักษาสังขาร ยาววา หนาคืบ กว้างศอกของแต่ละคน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานออกไปตามสมควรแก่วัย “ทำไมจึงไม่ดื่มเหล้า” นิพนถามสุภัทร์เหมือนชวนคุยขณะชะลอฝีเท้าลง สุภัทร์ก้มหน้าเปื้อนรอยยิ้มก้าวเดิน “ไม่ดีหรือ” สุภัทร์ตอบด้วยคำถาม นิพนตอบเบาๆ “มันก็ดี แต่ว่าไม่เหมือนชาวบ้าน ใครๆ เขาก็ดื่มกัน” “หากมันไม่ดี เราไม่ต้องเหมือนเขาก็ได้” สุภัทร์แย้ง แต่นิพนแย้งกลับ “เราก็เข้าสังคมกับเขาไม่ได้” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก สังคมไม่ต้องใช้เหล้าเป็นยาสมานฉันท์” “แล้วจะอยู่กับพวกคนเหล่านั้นได้อย่างไร” “ทำตามปกตินั่นแหละ เพียงแต่เวลาเขาดื่มเหล้า เราดื่มน้ำ น้ำชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ก็ได้” สุภัทร์ตอบเหมือนเห็นว่า คนดื่มเหล้ากับคนไม่ดื่มสามารถอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกันได้ตามปกติ แต่นิพนกลับเห็นว่า สองฝ่ายเหมือนน้ำกับน้ำมันแยกจากกันโดยสิ้นเชิง

                “แล้วพี่ทำไมไม่ดื่ม” นิพนชายวัยใกล้สี่สิบปีถามคำถามเดิมอีกครั้ง สุภัทร์ ชายวัยเลยห้าสิบปียิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ร่องรอยแห่งกาลเวลาแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของเขาชัดเจนทุกเส้นสาย “คุณไม่รู้ความจริง ผมดื่มจนดื่มไม่ได้แล้ว” นิพนอ้าปากค้าง เขาไม่เคยนึกว่าชายกลางคนร่วมทางเดินท่าทางแข็งแรงคนนี้จะเป็นนักดื่มเหล้าตัวฉกาจ “เพราะอะไร” แม้รู้อยู่ว่าจะได้คำตอบอย่างไร แต่เขาต้องถาม คำตอบเป็นดั่งที่เขาคิด “ตับแข็ง” “แสดงว่าพี่....” “ใช่ พี่เคยเป็นนักดื่มเหมือนอยากให้เหล้าหมดโลก แต่ เหล้าไม่หมด ยิ่งดื่มยิ่งมีมาก ส่วนที่หมดคือเงินและตัวพี่เอง” นิพนถามอย่างสนใจว่า “พี่หมดอะไร” “หลายอย่าง สุขภาพหมดไป ครอบครัวหมดไป ญาติพี่น้องหมดไป อนาคตหมดไป ทุกอย่างลงขวดหมด” สุภัทร์กล่าวด้วยใบหน้าสลดเงียบงัน เหมือนย้อนความกลับสู่อดีต นิพนเดินไปคิดไป ก็น่าจะจริง แม้ว่าพี่แต่งตัวเรียบร้อย ร่างกายเหมือนแข็งแรง แต่บางครั้งมีแววอิดโรยให้เห็น ไม่เคยพบเห็นว่ามีญาติพี่น้องคนใดมาเยี่ยมเยือน สุภัทร์อาศัยหน้าร้านของผู้ใจดีเปิดร้านซ่อมนาฬิกาแค่พอกินไปวันๆ ช่วงไม่มีลูกค้าก็เอาแต่อ่านหนังสือธรรมะไม่อนาทรร้อนใจต่ออดีตอนาคตและปัจจุบัน

                นิพนทำลายความเงียบชวนสนทนา “ดื่มเล็กๆน้อยๆคงไม่เป็นไร” “แต่ต้องระวัง” “น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ” สุภัทร์กล่าวอย่างผู้มีประสบการณ์ตรง “ไม้ขีดไฟเล็กนิดอาจเผาบ้านได้ทั้งหลัง งูพิษตัวเล็กอาจฉกกัดถึงตาย ยาพิษแม้หยดเดียวทำให้สิ้นชีวิตได้ฉันใด สุรายาเมาไม่กี่หยดอาจทำให้สูญเสียทั้งชีวิต หากเราก้าวถลำจนกู่ไม่กลับ” เขากล่าวต่อโดยไม่ต้องรอคำถาม “พระสอนว่า สำรวมจากการดื่มน้ำเมา หมายถึงระมัดระวังในการดื่ม พระไม่ได้ห้ามเสียทีเดียว” นิพนตั้งข้อสงสัย “เหตุใดพระไม่ห้ามขาดไปเลย” “พระท่านเห็นประโยชน์ของเหล้าอยู่บ้าง เช่น เหล้าเข้ายา ดื่มเพื่อรักษาโรค”

                 นิพนกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย “ใช่ มีผลงานวิจัยบอกว่า การดื่มไวน์วันละแก้วช่วยป้องกันมะเร็งได้” “แหม จำแม่นเชียว” “ไม่ผิดศีลใช่หรือเปล่า” “ผิด แต่ผิดน้อย เพราะดื่มน้อย และไม่เจตนาดื่มเพื่อความบันเทิง” “พระสอนว่าดื่มเหล้ามีโทษอะไรบ้างครับ” “มีหลายอย่างนะ ทำให้เสียทรัพย์ ทำให้เกิดการวิวาท ทำให้เกิดโรค ทำให้เสียชื่อเสียง ทำให้ขาดความละอาย ทำให้เสียสติปัญญา” “โอ้โห เสียหายมากเหมือนกัน” “มาก ไม่ใช่มากเหมือนกัน” นิพนพยายามมองด้านดีกล่าวว่า “แต่มันมีคุณเหมือนกันนะ” สุภัทร์ถามอย่างเร็ว “เช่นอะไรบ้าง” “เช่นดื่มเป็นยา ทำให้มีความสุข ทำให้เพลิดเพลิน” “สุขจากการดื่มเหล้าเป็นความสุขเทียม สุขบนความทุกข์ สุขน้อยทุกข์มาก สุขชั่วแล่น ทุกข์ยาวนาน ได้ไม่คุ้มเสีย” นิพนมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะคำพูดของคนที่มีประสบการณ์การดื่มโชกโชนย่อมทำให้เขาไม่ค่อยกล้าดื้อดึง

หมายเลขบันทึก: 384103เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2010 06:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

มาอ่านเรื่องสั้น อาจารย์ ครับ....ประดับความรู้...แต่บอกตรง ๆ ของอาจารย์ต้องตั้งใจอ่าน และมีเวลา จะสนุก...

 เรียนท่านอาจารย์ที่นับถือ

    คนเราถ้าฝักใฝ่สิ่งใดแล้วก็จะพยายามจนสุดความสามารถที่จะหาข้อมูลเพื่อที่จะสนับสนุนความคิดของตัวเองค่ะ

เรียนคุณดอกรัก

เรียนข้อที่หนึ่ง ชื่อเพราะดีครับ

เรียนข้อสอง ถามว่า มีอัลบั้มเป็นของตัวเองหรือยังครับ

เรียนข้อที่สาม จริงอย่างคุณว่า ข้อเขียนค่อนข้างยาว

มาอ่านบันทึกค่ะ...เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยค่ะ

เรียนคุณยาย

จริงอย่างคุณยายว่าครับ ต่างคนต่างหาเหตุผล ผิดบ้างถูกบ้าง ผิดเรียกว่ามิจฉาทิฐิ ถูกเรียกว่าสัมมาทิฐิ เห็นความจำเป็นของการศึกษาธรรมะอย่างจริงจังแล้วครับคราวนี้

สารพัดเหตุผลของนักดื่ม.....สุรา

การร่ำสุรา โกวเล้ง  เคยกล่าวเอาไว้ว่า "ข้าพเจ้าร่ำสุรา มิใช่เพราะข้าพเจ้าชอบรสสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศแห่งการร่ำสุรา" ...



เรียนคุณอุ้มบุญครับ

โกวเล้งในที่สุดแล้วยอมตายคาวงสุรา พอกับนักเขียนไทยอีกคน ชื่อยาขอบ หรือ คุณโชติ แพร่พันธ์ ก็ยอมเสียชีวิตเพราะสุรา คนอย่างผมไม่ชอบ ทั้งบรรยากาศในวง และแม้ในสารัตถะของสุรา จึงไม่มีโอกาสได้รู้รสชาติ นับว่าน่าจะเสียชาติเสียแล้วกระมัง อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท